1. ภาพรวม
外道เกโดภาษาญี่ปุ่น หรือชื่อจริงว่า 高山 圭司ทากายามะ เคจิภาษาญี่ปุ่น เกิดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1969 เป็นนักมวยปล้ำอาชีพชาวญี่ปุ่น รวมถึงเป็นผู้จัดการ และบุ๊คเกอร์ สังกัดอยู่กับนิวเจแปนโปรเรสต์ลิง (NJPW) ภายใต้ชื่อในสังเวียนว่า เกโด เขามีชื่อเสียงอย่างมากจากบทบาทการทำงานเบื้องหลังในฐานะบุ๊คเกอร์หลักของ NJPW มาตั้งแต่ช่วงต้นทศวรรษ 2010 ซึ่งมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการเล่าเรื่องและทิศทางเชิงกลยุทธ์ของสมาคม ในฐานะนักมวยปล้ำ เกโดเป็นที่รู้จักกันดีจากการทำงานร่วมกับคู่หูอย่าง จาโด โดยทั้งคู่ได้สร้างทีมแท็กที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 จนถึงกลางทศวรรษ 2010 นอกเหนือจากงานเบื้องหลังแล้ว เกโดยังปรากฏตัวในบทบาทบนจอใน NJPW โดยทำหน้าที่เป็นผู้จัดการให้กับกลุ่มตัวร้ายอย่าง บุลเล็ตคลับ และผู้นำคนปัจจุบันอย่าง เดวิด ฟินเลย์ ก่อนหน้านี้ เขายังเคยเป็นผู้จัดการให้กับกลุ่ม เคออส และคาซูชิกะ โอคาดะ ซึ่งเป็นอดีตผู้นำของเคออส รวมถึงเจย์ ไวต์ อดีตผู้นำคนที่ห้าของบุลเล็ตคลับอีกด้วย เกโดและจาโดประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์IWGP จูเนียร์เฮฟวีเวต แท็กทีม แชมเปียนชิป 4 สมัย, แชมป์GHC จูเนียร์เฮฟวีเวต แท็กทีม แชมเปียนชิป 1 สมัย, แชมป์BJW แท็กทีม แชมเปียนชิป และแชมป์แท็กทีมอื่น ๆ อีกมากมาย เขายังได้รับรางวัล "บุ๊คเกอร์ยอดเยี่ยม" จาก เรสต์ลิง ออบเซอร์เวอร์ นิวส์เล็ตเตอร์ ถึง 8 สมัย
2. ข้อมูลส่วนตัวและช่วงชีวิตแรกเริ่ม
เกโด หรือ เคจิ ทากายามะ เกิดเมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1969 ที่มูซาชิมูรายามะ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น มีเลือดกรุ๊ป A ในช่วงแรกของการเข้าสู่วงการมวยปล้ำอาชีพในปี ค.ศ. 1988 เขาได้ผ่านการออดิชั่นของ "ทาเคชิ โปรเรสต์ลิง กุนดัน" (Takeshi Puroresu Gundan) และได้รับการฝึกฝนพื้นฐานด้านมวยปล้ำและการรับท่าจากอพอลโล ซูกาวาระ ซึ่งเกโดเล่าภายหลังว่า เขาได้ฝึกซ้อมเพื่อเตรียมรับมือกับการฝึกหนักของนักมวยปล้ำฝึกหัด ทำให้เขาไม่ประสบปัญหามากนักในการฝึก
ชื่อในสังเวียนช่วงแรกของเขารวมถึง "แบล็ก วูลฟ์" (Black Wolf) และ "แบล็ก อายด์แมน" (Black Eidman) แม้ว่าเขาจะไม่ได้ปล้ำด้วยชื่อเหล่านี้ในญี่ปุ่น หลังจากนั้นเขาก็ได้เปลี่ยนชื่อเป็น "บูลด็อก เคที" (Bulldog KT) ในช่วงที่ร่างกายของเขายังคงมีรูปร่างใหญ่โต และต่อมาจึงเป็นที่มาของชื่อในสังเวียน "เกโด" ที่ใช้ในปัจจุบัน โดยเกโดเองเป็นผู้คิดชื่อนี้ขึ้นหลังจากได้ดูภาพยนตร์เรื่อง สงครามยากูซ่าดุเดือด (仁義なき戦い) และได้รับแรงบันดาลใจจากบทพูดของบุนตะ ซูกาวาระ ที่ว่า "ไอ้สารเลว (あんクサレ外道が!)" ซึ่งเขาได้นำคำว่า "เกโด" (外道) และ "จาโด" (邪道) มาใช้ร่วมกัน โดยเลือกชื่อเกโดเพราะชื่อจาโดซ้ำกับอัตสึชิ โอนิตะ
3. อาชีพมวยปล้ำอาชีพ

เกโดเริ่มต้นอาชีพมวยปล้ำอาชีพในวันที่ 19 มีนาคม ค.ศ. 1989 ในนามของนิวเจแปนโปรเรสต์ลิง (NJPW) ในช่วง ทาเคชิ ปูโรเรสึ กุนดัน (Takeshi Puroresu Gundan) ซึ่งเป็นการล้อเลียน ร็อก 'เอ็น เรสต์ลิง ของ เวิลด์เรสต์ลิงเฟเดเรชั่น (WWF) แมตช์แรกของเขาคือการพบกับมังกี้ เมจิก วากิตะ ที่กรุงอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
3.1. ช่วงต้นอาชีพและการร่วมทีมแท็ก (ค.ศ. 1989-2001)
หลังจาก ทาเคชิ ปูโรเรสึ กุนดัน สิ้นสุดลง เกโด วากิตะ และเพื่อนร่วมทีมอย่างจาโด ก็ได้ออกจาก NJPW โดยเฉพาะคู่ของจาโดและเกโด ได้กลายเป็นหนึ่งในทีมแท็กชั้นนำในประเทศญี่ปุ่น
ทั้งจาโดและเกโดได้เดินทางไปยูนิเวอร์แซล เรสต์ลิง แอสโซซิเอชั่น (UWA) ในเม็กซิโก โดยใช้ชื่อ "พานิช" (Punish) สำหรับจาโด และ "ครัช" (Crush) สำหรับเกโด พวกเขาเอาชนะซิลเวอร์ คิง และ เอล เท็กซาโน เพื่อคว้าแชมป์UWA/UWF อินเตอร์คอนติเนนตัล แท็กทีม แชมเปียนชิป ได้ในวันที่ 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1991 และคว้าแชมป์นี้อีกสองครั้งในปี ค.ศ. 1992 ในช่วงนี้ เกโดเคยแยกทีมกับจาโดชั่วคราวเพื่อตั้งทีม "แบด คอมพานี" (Bad Company) กับแพท ทานากะ และบิยิโน่ 3 ซึ่งการได้ร่วมงานกับแพท ทานากะ ผู้เชี่ยวชาญด้านการรับท่า (Ukemi) นี้เอง ที่ทำให้เทคนิคการรับท่าของเกโดพัฒนาขึ้นอย่างมาก โดยเฉพาะการรับท่าราเรียตด้วยการหมุนตัวคล้ายใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นท่าต้นฉบับของทานากะ นอกจากนี้ เกโดยังได้เรียนรู้จากแกรนด์ ฮามาดะ ระหว่างการเดินทางไปเม็กซิโกในปี ค.ศ. 1991 ซึ่งช่วยให้เขาสามารถขยายขีดความสามารถในการปล้ำของตนเอง
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1992 เกโดและจาโดได้เปลี่ยนสถานะเป็นนักมวยปล้ำอิสระและเปลี่ยนชื่อในสังเวียนเป็นเกโดและจาโดตามลำดับ หลังจากกลับจากเม็กซิโก พวกเขาได้เข้าร่วมสมาคมอิสระต่างๆ เช่น W★ING โปรโมชั่น โดยในปี ค.ศ. 1993 ระหว่างแมตช์ "สแครมเบิล ไฟร์ เดธแมตช์" กับคาเนมูระ ยูกิฮิโระและนาคามะ อากิโตะ ได้เกิดอุบัติเหตุไฟลุกไหม้อย่างรุนแรงจากน้ำมันที่เสื้อของคาเนมูระ ทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและต้องพักการปล้ำไปนาน
ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 1994 เกโดและจาโดได้ย้ายไปเป็นนักมวยปล้ำหลักใน เรสต์ลิง แอนด์ โรแมนซ์ (WAR) ตามคำเชิญของอุลติโม ดราก้อน และได้รวมกลุ่มกับโคโด ฟูยูกิ ก่อตั้งกลุ่ม "ฟูยูกิ-กุน" (Fuyuki-Gun) เกโดเป็นผู้ถือครองแชมป์คนแรกของ WAR ทุกเส้นในยุคแรก โดยฟูยูกิ-กุนเป็นผู้ถือครองWAR เวิลด์ ซิกซ์-แมน แท็กทีม แชมเปียนชิป รุ่นแรก ซึ่งพวกเขาคว้าแชมป์ได้ถึง 5 สมัย ในขณะที่เกโดยังเป็นแชมป์WAR อินเตอร์เนชั่นแนล จูเนียร์เฮฟวีเวต แชมเปียนชิป รุ่นแรก และแชมป์อินเตอร์เนชั่นแนล จูเนียร์เฮฟวีเวต แท็กทีม แชมเปียนชิป รุ่นแรกกับไลออน โด เกโดนอกจากจะเป็นนักมวยปล้ำแท็กทีมที่ประสบความสำเร็จแล้ว เขายังเป็นหนึ่งในนักมวยปล้ำจูเนียร์เฮฟวีเวตชั้นนำของญี่ปุ่นในช่วงครึ่งแรกของทศวรรษ 1990
เขาเข้าถึงรอบรองชนะเลิศของซูเปอร์ เจ-คัพ (1994) แต่แพ้ให้กับไวลด์ เพกาซัส ในปี ค.ศ. 1995 เขาเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศของซูเปอร์ เจ-คัพ (1995) โดยแพ้ให้กับจูชิน ทันเดอร์ ไลเกอร์ ซึ่งเป็นแมตช์ที่สี่ของเขาในคืนนั้น เกโดคว้าแชมป์เดี่ยวเส้นแรกเมื่อเขาเอาชนะไลออนฮาร์ท ในรอบชิงชนะเลิศของทัวร์นาเมนต์ เพื่อเป็นแชมป์อินเตอร์เนชั่นแนล จูเนียร์เฮฟวีเวตคนแรกในวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ. 1995 และคว้าแชมป์นี้อีกครั้งโดยเอาชนะอุลติโม ดราก้อน
จาโดและเกโดได้ออกจาก WAR ที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง และมุ่งหน้าสู่ฟรอนเทียร์ มาร์เชียล-อาร์ทส์ เรสต์ลิง (FMW) ซึ่งเป็นหนึ่งในสมาคมอิสระชั้นนำของญี่ปุ่น เกโดพร้อมด้วยจาโดและโคโด ฟูยูกิ ได้คว้าแชมป์FMW เวิลด์ สตรีท ไฟต์ ซิกซ์-แมน แท็กทีม แชมเปียนชิป โดยเอาชนะเดอะ เฮดฮันเตอร์ส และฮิซาคัตสึ โอะยะ ในวันที่ 21 มีนาคม ค.ศ. 1997
ในปี ค.ศ. 1997 เกโดได้ออกทัวร์ในอเมริกาเหนือ โดยปรากฏตัวในรายการ WCW ฮาโลวีน ฮาโวค ปี 1997 ซึ่งเขาได้ปล้ำกับคริส เจริโค และคว้าแชมป์ CRMW นอร์ท อเมริกัน มิด-เฮฟวีเวต แชมเปียนชิป โดยเอาชนะริกกี้ ฟูจิ ในวันที่ 31 สิงหาคม ค.ศ. 1997 ระหว่างการถ่ายทอดสดรายการฮาโลวีน ฮาโวค ไมค์ ทีนาย ได้กล่าวถึงเกโดว่าเป็น "ดัสตี้ โรดส์ แห่งญี่ปุ่น" และเพิ่มเติมว่าเกโดเป็นแฟนตัวยงของสไตล์การต่อสู้แบบบรอว์ลิ่งทางใต้ของสหรัฐอเมริกาในยุค 1970
เกโดคว้าแชมป์FMW บราส นักเกิลส์ แท็กทีม แชมเปียนชิป ไม่ใช่กับจาโด แต่กับโคจิ นากางาวะ โดยเอาชนะมาซาโตะ ทานากะ และเท็ตสึฮิโระ คูโรดะ ในวันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ. 1999 ในปี ค.ศ. 2000 เขาคว้าแชมป์ WEW แท็กทีม แชมเปียนชิป ร่วมกับนากางาวะ โดยเอาชนะโคโด ฟูยูกิและเคียวโกะ อิโนะอุเอะ ทำให้เขากลายเป็นดับเบิลแชมป์ด้วยการครองแชมป์แท็กทีมและแชมป์ 6 คนร่วมกัน อย่างไรก็ตาม เขากับนากางาวะก็ได้สละแชมป์ WEW แท็กทีม และเขาก็ได้ตั้งทีมกับจาโดอีกครั้งเพื่อคว้าแชมป์ดังกล่าวได้เป็นสมัยที่สาม ในปี ค.ศ. 2001 เกโดพร้อมด้วยมาซาโตะ ทานากะ, จาโด, ฮิเดกิ โฮซากะ และคาโอริ นากายามะ ได้ออกจาก FMW โดยกลุ่มนี้กลายเป็นนักมวยปล้ำอิสระที่เกโดส่วนใหญ่ทำงานในมิชิโนกุ โปร
3.2. นิวเจแปนโปรเรสต์ลิง
เกโดพร้อมด้วยจาโดในที่สุดก็ได้กลับมาที่นิวเจแปนโปรเรสต์ลิง (NJPW) และคว้าแชมป์IWGP จูเนียร์เฮฟวีเวต แท็กทีม แชมเปียนชิป โดยเอาชนะจูชิน ทันเดอร์ ไลเกอร์ และ เอล ซามูไร ในวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ. 2001 เกโดมีความบาดหมางอย่างรุนแรงกับไลเกอร์หลังจากที่จาโดและเกโดปรากฏตัวใน NJPW อย่างกะทันหัน โดยทั้งคู่ได้กระชากหน้ากากของไลเกอร์ออกไป จาโดและเกโดคว้าแชมป์ IWGP จูเนียร์เฮฟวีเวตได้เป็นสมัยที่สองในปี ค.ศ. 2003 หลังจากเอาชนะไลเกอร์และซามูไรได้อีกครั้ง
ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2007 เกโดและจาโดได้เข้าร่วมกลุ่ม เกรท แบช ฮีล (GBH) ทีมแท็กคู่นี้ได้เข้าร่วมการแข่งขัน G1 แท็ก ลีก ปี 2007 แต่ไม่สามารถคว้าชัยชนะได้ โดยทำคะแนนรวมได้ 6 คะแนน ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2009 เกโดและจาโดได้ออกจาก GBH และเป็นสมาชิกผู้ก่อตั้งของกลุ่ม เคออส ในวันที่ 13 พฤศจิกายน ค.ศ. 2010 จาโดและเกโดกลับมาครองความยิ่งใหญ่ในดิวิชันแท็กทีมจูเนียร์ของนิวเจแปน โดยเอาชนะเพื่อนร่วมทีม เคออส อย่าง เดวีย์ ริชาร์ดส์ และร็อกกี้ โรเมโร ในรอบชิงชนะเลิศของทัวร์นาเมนต์ห้าวันเพื่อคว้าแชมป์ซูเปอร์ เจ แท็ก ลีก ปี 2010 ด้วยชัยชนะครั้งนี้ เกโดและจาโดได้รับโอกาสชิงแชมป์ IWGP จูเนียร์เฮฟวีเวต แท็กทีม แชมเปียนชิป ซึ่งจัดขึ้นในรายการของ ดราม่าติก ดรีม ทีม (DDT) เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ. 2010 แต่พวกเขาพ่ายแพ้ให้กับแชมป์เก่าคือ โกลเดน☆เลิฟเวอร์ส (เคนนี โอเมกา และ โคตะ อิบุชิ)
ในช่วงปลายปี ค.ศ. 2011 เรสต์ลิง ออบเซอร์เวอร์ นิวส์เล็ตเตอร์ ได้ยกให้เกโดและจาโดเป็นบุ๊คเกอร์แห่งปี พวกเขาได้รับรางวัลนี้อีกสามครั้งตั้งแต่นั้นมา
ในวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ. 2013 เกโดได้รับโอกาสชิงแชมป์IWGP จูเนียร์เฮฟวีเวต แชมเปียนชิป เป็นครั้งแรกในรอบเกือบสิบปี โดยเขาพยายามหยุด ปรินซ์ เดวิตต์ จากการได้รับโอกาสชิงแชมป์IWGP เฮฟวีเวต แชมเปียนชิป ของคาซูชิกะ โอคาดะ อย่างไรก็ตาม เกโดพ่ายแพ้ในความท้าทายของเขาและเดวิตต์ได้เข้าสู่แมตช์กับโอคาดะ
3.2.1. บทบาทหลักในฐานะบุ๊คเกอร์และผู้จัดการ (ค.ศ. 2012-2018)
ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2012 เกโดได้นำคาซูชิกะ โอคาดะ ที่กลับมาจากต่างประเทศเข้าสู่กลุ่มเคออส และกลายเป็นผู้จัดการส่วนตัวของเขา นับตั้งแต่นั้นมา เขาก็ได้ทำหน้าที่เป็นโฆษกเพื่อสนับสนุนโอคาดะ โดยมีคำพูดติดปากอย่าง "ทองจะหลั่งไหลลงมา!" (金の雨が降るぞ!!คิโนะ อะเมะ กะ ฟุรุโซะ!!ภาษาญี่ปุ่น) และ "ระดับมันต่างกัน!" (レヴェルが違うんだよ!!เรเวลุ กะ ชิกาอุนดะโย!!ภาษาญี่ปุ่น) ซึ่งกลายเป็นไมค์ที่โดดเด่นของเขา นอกจากนี้ เกโดยังได้รับฉายา "เรน เทคเกอร์" (Rain Taker) เพื่อเชื่อมโยงกับฉายา "เรนเมกเกอร์" (Rainmaker) ของโอคาดะ
ในช่วงต้นปี ค.ศ. 2015 เกโดได้ก้าวขึ้นมาเป็นบุ๊คเกอร์หลักของนิวเจแปน เนื่องจากจาโดได้ไปรับหน้าที่เป็นบุ๊คเกอร์คนใหม่ของโปรเรสต์ลิง โนอาห์ ภายใต้การนำของเกโด นิวเจแปนโปรเรสต์ลิงได้ประสบความสำเร็จอย่างสูงในช่วงกลางทศวรรษ 2010 ด้วยการเล่าเรื่องที่น่าสนใจและการพัฒนาเชิงกลยุทธ์ที่ทำให้สมาคมเติบโตอย่างก้าวกระโดด ทำให้เขากลายเป็นบุ๊คเกอร์ที่ได้รับความนับถืออย่างสูงในวงการมวยปล้ำ
3.2.2. การย้ายไปอยู่กับบุลเล็ตคลับและการเป็นผู้จัดการ (ค.ศ. 2018-ปัจจุบัน)

ในรอบชิงชนะเลิศของรายการ G1 Climax ปี ค.ศ. 2018 โอคาดะได้ประกาศแยกทางกับเกโดในวันที่ 13 สิงหาคม ค.ศ. 2018 โดยโอคาดะให้เหตุผลว่าเขาต้องการเดินหน้าต่อไปเพียงลำพัง
เกโดกลับมาปรากฏตัวอีกครั้งในรายการ ดีสตรักชัน อิน โกเบ ซึ่งดูเหมือนว่าเขาจะเข้ามาช่วยเหลือโอคาดะ แต่กลับใช้เก้าอี้ฟาดเข้าที่โอคาดะอย่างจัง และกลายเป็นผู้จัดการคนใหม่ของเจย์ ไวต์ ในวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 2018 ที่รายการ คิง ออฟ โปร-เรสต์ลิง เกโด, ไวต์ และคู่แท็กทีมเก่าแก่อย่างจาโด ได้ประกาศการแยกตัวออกจากเคออสอย่างสมบูรณ์เพื่อเข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับบุลเล็ตคลับ
ตลอดช่วงเวลาที่ไวต์เป็นผู้นำของบุลเล็ตคลับ เกโดได้ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการให้กับไวต์ และยังคงปล้ำเป็นครั้งคราว โดยส่วนใหญ่จะเป็นแมตช์แท็กทีมร่วมกับไวต์และสมาชิกคนอื่นๆ ของบุลเล็ตคลับ หลังจากการจากไปของไวต์จาก NJPW เกโดได้เริ่มเป็นผู้จัดการให้กับเดวิด ฟินเลย์ ผู้ซึ่งได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำคนใหม่ของบุลเล็ตคลับ ต่อมา เกโดและฟินเลย์ได้ก่อตั้งกลุ่มย่อยภายในบุลเล็ตคลับที่ชื่อว่า "บุลเล็ตคลับ วอร์ ด็อกส์" (Bullet Club War Dogs) ซึ่งประกอบด้วยทั้งคู่ร่วมกับอเล็กซ์ คัฟลิน, คลาร์ก คอนเนอร์ส, ดริลลา โมโลนีย์ และเกบ คิดด์ รวมถึงนักมวยปล้ำคนอื่นๆ เช่น เจค ลี, ซานาดะ และไทจิ อิชิโมริ ที่เข้าร่วมในภายหลัง ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2023 เกโดได้เข้าร่วมแมตช์การปล้ำอำลาอาชีพของโนซาวะ รอนไก โดยร่วมทีมกับอิชิโมริ ไทจิ ในแมตช์ที่มีมาซาดะรวมอยู่ด้วย
3.3. โปรเรสต์ลิงโนอาห์ (ค.ศ. 2016)
ในวันที่ 12 มิถุนายน ค.ศ. 2016 เกโดได้ปรากฏตัวอย่างกะทันหันในรายการของโปรเรสต์ลิง โนอาห์ เขาได้กลับมารวมทีมกับจาโดอีกครั้งเพื่อท้าชิงแชมป์GHC จูเนียร์เฮฟวีเวต แท็กทีม แชมเปียนชิป ของโนอาห์จากอัตสึชิ โคโตเกะ และไดซูเกะ ฮาราดะ ในแมตช์สามเส้า ซึ่งรวมถึงไทจิ และทากะ มิจิโนกุ ด้วย แต่ไม่ประสบความสำเร็จ
ในวันที่ 8 ตุลาคม เกโดและจาโดเอาชนะโคโตเกะและฮาราดะเพื่อคว้าแชมป์ GHC จูเนียร์เฮฟวีเวต แท็กทีม แชมเปียนชิป ได้สำเร็จ อย่างไรก็ตาม พวกเขาได้เสียแชมป์คืนให้กับโคโตเกะและฮาราดะในวันที่ 24 ธันวาคมปีเดียวกัน
4. สไตล์การปล้ำและเทคนิค
เกโดเป็นที่รู้จักในสไตล์การปล้ำที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งมักจะเน้นการใช้กลยุทธ์ของ "ฮีล" (ตัวร้าย) อย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะการใช้ท่าผิดกติกาอย่างแนบเนียน กล่าวคือ "การใช้ท่าผิดกติกาโดยอาศัยจุดบอดของกรรมการภายใต้กติกา" ซึ่งเกโดเรียกว่า "สุนทรียะแห่งความชั่วร้าย" (悪の美学อากุ โนะ บิกากุภาษาญี่ปุ่น) เขาเชี่ยวชาญในการรับท่าและขายท่าได้อย่างยอดเยี่ยม (โอเวอร์รีแอคชั่น) ทำให้คู่ต่อสู้ดูโดดเด่นขึ้น TAKA มิจิโนกุเคยกล่าวว่าเกโดเป็นหนึ่งในนักมวยปล้ำที่เก่งที่สุดในโลกเมื่อเทียบกับดิ๊ก โตโก และดิ๊ก โตโกเองก็ยกให้เกโดเป็นหนึ่งในบุคคลที่เป็นเป้าหมายของเขาด้วย
เกโดมักจะใช้ภาษาอังกฤษในการพูดจาดูถูกและยั่วยุคู่ต่อสู้อย่างบ่อยครั้ง เช่น "Mother fucker!!" (ออกเสียงใกล้เคียงกับ "มาดาฟากา!") และ "Hey! Hey! Hey!" รวมถึงมักจะอุทานว่า "Shit!" เมื่อถูกโจมตี นอกจากสไตล์การปล้ำที่เน้นการเล่นบทบาทตัวร้ายแล้ว เกโดก็มีท่าไม้ตายและเทคนิคที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาดังนี้:
- ซูเปอร์ฟลาย (Superfly): คือท่าฟรอกสแปลช โดยเกโดมักจะใช้ท่านี้เป็นท่าตัดสินชัยชนะในแมตช์บ่อยครั้ง ชื่อท่านี้มาจากความชื่นชอบในซูเปอร์ฟลาย จิมมี สนูกา และเขามักจะตะโกนว่า "ซูเปอร์ฟลาย!" ก่อนที่จะกระโดดลงมา
- เกโด คลัตช์ (Gedo Clutch): เป็นท่าที่เกโดคิดค้นขึ้นเอง และนักมวยปล้ำคนอื่นๆ ก็มักจะนำไปใช้ตามบ่อยครั้ง มักจะใช้หลังจากโจมตีที่เป้า หรือหลังจากใช้ท่าคอมพลีต ช็อต หรือดร็อปคิกเข้าที่ขา
- คอมพลีต ช็อต (Complete Shot): ท่าเฟซบัสเตอร์ที่เดิมเคยใช้เป็นท่าไม้ตาย แต่ภายหลังกลายเป็นท่าเชื่อมต่อก่อนท่าไม้ตายหลัก เคยสอนให้กับโกคู-โด และมาซาฮิโระ โชโนะ ในช่วงที่อยู่ในทีม TEAM 2000 รวมถึงเจย์ ไวต์ ในบุลเล็ตคลับด้วย
- ทรัสต์ คิก (Thrust Kick): เป็นท่าเตะที่มีลักษณะคล้ายซูเปอร์คิก เกโดใช้ท่านี้เป็นท่าสวนกลับ หรือเพื่อเปลี่ยนจังหวะการปล้ำ ในช่วงที่คอมพลีต ช็อตเป็นท่าไม้ตายหลัก ท่านี้มักถูกใช้เป็นท่าปูทาง ปัจจุบันมักใช้โดยการเตะหลังจากที่คู่ต่อสู้คุกเข่าลงและเกโดโพสท่า
- นัคเคิล พาร์ท (Knuckle Part): เป็นการชกด้วยหมัดคล้ายกับการตบ ในช่วงที่อยู่ในบุลเล็ตคลับ เขามักจะสวมสนับมือเพื่อเพิ่มความรุนแรง
- แมนแฮตตัน ดร็อป (Manhattan Drop): ท่าสวนกลับที่มักจะนำไปสู่ท่าดีดีที บางครั้งก็มีการแทรกการชกหรือชิน ครัชเชอร์ก่อนที่จะใช้ท่าดีดีที
- ชิน ครัชเชอร์ (Chin Crusher): ท่าที่นักมวยปล้ำแนว "ฮีลช่างฝีมือ" มักชื่นชอบ เกโดจะกระโดดโดยไม่รวมเท้า
- มูนซอลท์ แอทแทค (Moonsault Attack): เป็นท่ามูนซอลท์ สแปลชที่กระโดดจากเชือกบนลงใส่คู่ต่อสู้ที่ยืนอยู่นอกเวที แต่ไม่ค่อยได้ใช้ในปัจจุบัน
- ไดฟ์วิ่ง เฮดบัตต์ (Diving Headbutt): ท่าถนัดในอดีตอีกท่าหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ใช้เลยในปัจจุบัน เขามักจะกระโดดได้ไกลถึงกลางเวที
- ทูมสโตน ไพล์ดราเวอร์ (Tombstone Piledriver): เคยเป็นท่าเชื่อมโยงก่อนท่าไม้ตายในอดีต ปัจจุบันคาซูชิกะ โอคาดะ ซึ่งเกโดเคยเป็นผู้จัดการให้ ก็ใช้ท่านี้เพื่อปูทางก่อนใช้ท่าไม้ตาย
- วอร์ สเปเชียล (WAR Special): ท่าล็อกที่เกโดใช้เป็นท่าไม้ตายในช่วงที่อยู่ WAR ในซูเปอร์ เจ-คัพครั้งแรก เขาก็ใช้ท่านี้สร้างปัญหาให้กับนักมวยปล้ำหลายคน
- เตะเป้า (Low Blow): มักใช้เมื่อถูกจับจากด้านหลัง ซึ่งเป็นท่าที่ฮีลนิยมใช้ โดยเกโดมีความชำนาญในระดับที่เรียกว่าเป็นศิลปะ การเตะเป้าของเขาเคยถูกใช้ใส่ไจแอนท์ บาบา แต่ขาของเกโดไม่ถึงเป้าของบาบา ทำให้บาบาโต้กลับด้วยการเตะเป้าจากด้านหลัง
- โจมตีด้วยไม้เท้า (Cane attack): เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์คับขัน ผู้จัดการหรือคู่หูจะดึงความสนใจของกรรมการ ก่อนที่เกโดจะใช้ไม้เท้าที่เขาแขวนคอมาโจมตีคู่ต่อสู้ ท่านี้ไม่ค่อยเห็นในปัจจุบัน และถูกแทนที่ด้วยการโจมตีด้วยไม้ไผ่
- โจมตีด้วยไม้ไผ่ (Shinai attack): มักใช้เมื่อเกโดทำหน้าที่เป็นผู้จัดการหรือเข้าแทรกแซงในแมตช์ ท่านี้เริ่มถูกใช้บ่อยขึ้นเมื่อการโจมตีด้วยไม้เท้าลดลง
- โจมตีด้วยฆ้อง, ค้อนไม้ (Gong, Wooden Mallet attack)
- โจมตีด้วยเข็มขัดหนัง (Leather Belt attack): การตีหลังด้วยเข็มขัดหนัง
- โจมตีด้วยสนับมือ (Brass Knuckles attack)
- ซูเปอร์ พาวเวอร์บอมบ์ (Super Powerbomb): ท่าแท็กทีมที่เป็นที่รู้จักกันดีกับจาโด, ทานากะ, และฟูยูกิ เกโดมักจะทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยในการใช้ท่านี้
- คิโนฮะ อุเคะ (Kinoha Uke) หรือ การรับท่าแบบใบไม้ปลิว: เป็นเทคนิคการรับท่าราเรียต หรือท่าโจมตีอื่นๆ โดยการหมุนตัวทั้งร่างกายคล้ายใบไม้ร่วง เกโดได้รับเทคนิคนี้จากโกคู-โด ซึ่งเคยเป็นผู้ใช้ท่านี้เพียงไม่กี่คน
5. ปรัชญาการจัดการและการบุ๊คกิ้ง
เกโดมีแนวทางเชิงกลยุทธ์ในการบุ๊คกิ้งและการจัดการที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งสะท้อนถึงปรัชญาของเขาที่เรียกว่า "สุนทรียะแห่งความชั่วร้าย" (悪の美学อากุ โนะ บิกากุภาษาญี่ปุ่น) เขาเชื่อว่าการเป็น "ฮีล" (ตัวร้าย) ที่แท้จริงคือการสามารถใช้ท่าผิดกติกาได้อย่างชาญฉลาด โดยอาศัยจุดบอดของกรรมการและอยู่ในขอบเขตของกฎกติกา แนวคิดนี้มีอิทธิพลอย่างมากต่อโครงเรื่องและการพัฒนาตัวละครในนิวเจแปนโปรเรสต์ลิง ทำให้การแข่งขันมีความน่าสนใจและไม่สามารถคาดเดาผลได้ เขายังเป็นบุ๊คเกอร์ที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างสรรค์การเล่าเรื่องที่ประสบความสำเร็จและการพัฒนาเชิงกลยุทธ์ที่ทำให้ NJPW เติบโตขึ้นอย่างมากในช่วงทศวรรษ 2010
6. แชมป์และความสำเร็จ
เกโดได้รับแชมป์และรางวัลต่างๆ มากมายตลอดอาชีพมวยปล้ำอาชีพของเขา:
สมาคม | แชมป์ | จำนวนสมัย | ร่วมกับ | วันที่/ปีที่ได้รับ |
---|---|---|---|---|
บิ๊กเจแปนโปรเรสต์ลิง (BJW) | BJW แท็กทีม แชมเปียนชิป | 1 | จาโด | ค.ศ. 1997 |
ฟรอนเทียร์ มาร์เชียล-อาร์ทส์ เรสต์ลิง (FMW) / เวิลด์ เอนเตอร์เทนเมนต์ เรสต์ลิง (WEW) | FMW บราส นักเกิลส์ แท็กทีม แชมเปียนชิป | 1 | โคจิ นากางาวะ | 13 มิถุนายน ค.ศ. 1999 |
FMW เวิลด์ สตรีท ไฟต์ ซิกซ์-แมน แท็กทีม แชมเปียนชิป | 1 | โคโด ฟูยูกิ และ จาโด | 21 มีนาคม ค.ศ. 1997 | |
FMW/WEW ฮาร์ดคอร์ แท็กทีม แชมเปียนชิป | 1 | จาโด | 21 กันยายน ค.ศ. 2000 | |
WEW ซิกซ์-แมน แท็กทีม แชมเปียนชิป | 5 | โคโด ฟูยูกิ และ โคจิ นากางาวะ (1), โคจิ นากางาวะ และ จาโด (2), จาโด และ คาโอริ นากายามะ (1), และ จาโด และ มาซาโตะ ทานากะ (1) | ค.ศ. 1999-2001 (ได้รับหลายช่วง) | |
WEW แท็กทีม แชมเปียนชิป | 4 | โคจิ นากางาวะ (2), จาโด (1), และ มาซาโตะ ทานากะ (1) | ค.ศ. 1999-2001 (ได้รับหลายช่วง) | |
นิวเจแปนโปรเรสต์ลิง (NJPW) | IWGP จูเนียร์เฮฟวีเวต แท็กทีม แชมเปียนชิป | 4 | จาโด | 20 กรกฎาคม ค.ศ. 2001 |
DREAM* Win Jr. Tag Team Tournament | 1 | เอล ซามูไร | 2002 | |
ซูเปอร์ เจ แท็ก ลีก | 1 | จาโด | 2010 | |
โปรเรสต์ลิง โนอาห์ | GHC จูเนียร์เฮฟวีเวต แท็กทีม แชมเปียนชิป | 1 | จาโด | 8 ตุลาคม ค.ศ. 2016 |
โตเกียว สปอร์ต | รางวัลแท็กทีมยอดเยี่ยม | 1 | จาโด | 2001 |
โทริวมอน เอ็กซ์ | UWA เวิลด์ ทริโอส์ แชมเปียนชิป | 1 | จาโด และ คัตสึชิ ทาเคมูระ | 18 สิงหาคม ค.ศ. 2003 |
ยูนิเวอร์แซล เรสต์ลิง แอสโซซิเอชั่น (UWA) | UWA/UWF อินเตอร์คอนติเนนตัล แท็กทีม แชมเปียนชิป | 4 | พานิช (จาโด) (2), แพท ทานากะ (1) และ ดิ๊ก โตโก (1) | 8 พฤศจิกายน ค.ศ. 1991 (ได้รับหลายช่วง) |
เรสต์ลิง แอสโซซิเอชั่น "อาร์" (WAR) | WAR อินเตอร์เนชั่นแนล จูเนียร์เฮฟวีเวต แชมเปียนชิป | 2 | - | 26 มีนาคม ค.ศ. 1995 |
อินเตอร์เนชั่นแนล จูเนียร์เฮฟวีเวต แท็กทีม แชมเปียนชิป | 1 | ไลออน โด | 17 มกราคม ค.ศ. 1996 | |
WAR เวิลด์ ซิกซ์-แมน แท็กทีม แชมเปียนชิป | 5 | ฮิโรมิจิ ฟูยูกิ และ จาโด | 13 ธันวาคม ค.ศ. 1994 (ได้รับหลายช่วง) | |
โปร เรสต์ลิง อิลลัสเทรเตด | ติดอันดับ 121 ของนักมวยปล้ำเดี่ยว 500 อันดับแรกใน PWI 500 | 1 | - | 2006 |
เรสต์ลิง ออบเซอร์เวอร์ นิวส์เล็ตเตอร์ | บุ๊คเกอร์ยอดเยี่ยม | 8 | กับ จาโด (2011-2014) และเดี่ยว (2016-2019) | 2011-2014, 2016-2019 |
เรสต์ลิง ออบเซอร์เวอร์ นิวส์เล็ตเตอร์ หอเกียรติยศ | - | - | รุ่นปี 2019 |
7. ภาพลักษณ์สาธารณะและชีวิตส่วนตัว
นอกเหนือจากบทบาทฮีลในสังเวียน เกโดเป็นที่รู้จักในชีวิตส่วนตัวว่าเป็นคนมีนิสัยรักการฝึกฝนและมีเหตุผล เขายังคงออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและไม่ดื่มแอลกอฮอล์เลย เพื่อแยกแยะจากจาโด ผู้ซึ่งมีรอยสักและมักจะคาดผ้าพันคอถึงดวงตาเวลาเปิดตัว เกโดเป็นฝ่ายที่เตี้ยกว่าและมักจะไว้เคราที่คาง จอน และใต้จมูก เขายังมีฟันหน้าหายไปหนึ่งซี่
เกโดเป็นผู้ที่พูดมากกว่าจาโดเสมอ และมักจะเป็นผู้รับผิดชอบการพูดไมค์เมื่อทั้งคู่ปรากฏตัวร่วมกัน ในปี ค.ศ. 2007 เกโดเคยได้รับการเสนอสัญญาจากดับเบิลยูดับเบิลยูอี (WWE) แต่เขาปฏิเสธข้อเสนอนี้เนื่องจากเขาจะต้องแสดงบทบาทเป็นตัวละครญี่ปุ่นแบบเหมารวม ซึ่งเขาไม่เห็นด้วย
8. กิจกรรมอื่น ๆ
นอกเหนือจากอาชีพในวงการมวยปล้ำแล้ว เกโดยังมีผลงานตีพิมพ์ ได้แก่ หนังสือของเขาชื่อ To Be The Gedo "เลเวลมันต่างกัน!" เทคนิคการเอาตัวรอด (To Be The 外道 "レヴェルが違う!"生き残り術เกโด "เรเวลุ กะ ชิกาอุน!" อิขิโนะโคะริจุตสึภาษาญี่ปุ่น) ซึ่งตีพิมพ์เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ค.ศ. 2017 โดยสำนักพิมพ์เบสบอล แมกกาซีน
9. มรดกและการประเมิน
เกโดทิ้งมรดกอันสำคัญและมีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการมวยปล้ำอาชีพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะบุ๊คเกอร์หลักของนิวเจแปนโปรเรสต์ลิง ซึ่งเขามีบทบาทสำคัญในการฟื้นฟูและสร้างความนิยมให้กับสมาคมในระดับโลก เขาได้รับการยอมรับจากวงการด้วยการถูกบรรจุชื่อเข้าสู่เรสต์ลิง ออบเซอร์เวอร์ นิวส์เล็ตเตอร์ หอเกียรติยศ ในปี ค.ศ. 2019 ซึ่งเป็นเกียรติสูงสุดอย่างหนึ่งในวงการมวยปล้ำ นอกจากนี้ เขายังได้รับรางวัล "บุ๊คเกอร์ยอดเยี่ยม" จาก เรสต์ลิง ออบเซอร์เวอร์ นิวส์เล็ตเตอร์ ถึง 8 ครั้ง (แบ่งเป็น 4 ครั้งร่วมกับจาโด และ 4 ครั้งในฐานะบุ๊คเกอร์เดี่ยว) ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสามารถอันโดดเด่นของเขาในการสร้างสรรค์โครงเรื่อง ตัวละคร และทิศทางเชิงกลยุทธ์ที่ขับเคลื่อนวงการมวยปล้ำให้ก้าวหน้าอย่างยั่งยืน