1. ภาพรวม
อากิสึกุ คนโนะ (金野 昭次Konno Akitsuguภาษาญี่ปุ่น) เป็นอดีตนักกีฬากระโดดสกีชาวญี่ปุ่นผู้โดดเด่นในช่วงต้นทศวรรษ 1970 ซึ่งเป็นที่รู้จักจากผลงานอันยอดเยี่ยมในการแข่งขันระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการคว้าเหรียญเงินในการแข่งขันกระโดดสกีประเภทเนินปกติที่โอลิมปิกฤดูหนาว 1972 ณ ซัปโปโร ซึ่งเป็นการแข่งขันในบ้านเกิดของเขา ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้เขากลายเป็นส่วนหนึ่งของทีม "ฮิโนมารุ ฮิโคไต" (หน่วยบินธงชาติญี่ปุ่น) อันเป็นตำนาน ร่วมกับนักกีฬาญี่ปุ่นคนอื่น ๆ ที่สามารถกวาดเหรียญรางวัลบนโพเดียมได้ทั้งหมด แม้จะมีรูปร่างเล็ก แต่เขาก็มีรูปแบบการกระโดดที่เป็นเอกลักษณ์และทรงพลัง ซึ่งทำให้เขาได้รับฉายาว่า "การออกตัวที่เฉียบคมราวใบมีดโกน" และ "หัวหอกของญี่ปุ่น" หลังจากการเกษียณจากอาชีพนักกีฬา เขายังคงมีส่วนร่วมในกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับโอลิมปิก เช่น การวิ่งคบเพลิง และการถือธงโอลิมปิกในพิธีเปิด ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทที่ยั่งยืนของเขาในวงการกีฬาของญี่ปุ่น
2. ชีวิต
อากิสึกุ คนโนะ เกิดเมื่อวันที่ 1 กันยายน ค.ศ. 1944 และมีภูมิหลังที่เชื่อมโยงกับกีฬาสกีมาตั้งแต่เด็ก การศึกษาและการเข้าร่วมชมรมสกีของมหาวิทยาลัยได้หล่อหลอมให้เขากลายเป็นนักกีฬากระโดดสกีระดับแนวหน้า ก่อนที่จะเริ่มต้นอาชีพในฐานะนักกีฬาของธนาคาร
2.1. การเกิดและวัยเด็ก
q=Sapporo, Japan|position=right
อากิสึกุ คนโนะ เกิดที่ซัปโปโร เขตนิชิ จังหวัดฮอกไกโด ประเทศญี่ปุ่น เขาเริ่มเล่นกีฬากระโดดสกีตั้งแต่อายุ 3 ขวบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความผูกพันกับกีฬาประเภทนี้มาตั้งแต่เด็ก นอกจากนี้ เขายังมีสายเลือดจากฝั่งมารดาที่เกี่ยวข้องกับฮามา เคนจิ ผู้เป็นเจ้าของสถิติการกระโดดคนแรกของลานกระโดดสกีโอคุรายามะ ซึ่งอาจเป็นแรงบันดาลใจให้เขาเดินตามเส้นทางนี้
2.2. การศึกษาและช่วงต้นอาชีพ
คนโนะได้เข้าศึกษาต่อที่โรงเรียนมัธยมปลายฮกไก และจากนั้นได้เข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยนิฮง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาได้พัฒนาทักษะการกระโดดสกีอย่างจริงจัง เขาเป็นสมาชิกของชมรมสกีของมหาวิทยาลัย และได้รับการฝึกสอนจากยามางิ ยูชิโร ผู้เป็นผู้จัดการทีมสกีของมหาวิทยาลัย หลังจากสำเร็จการศึกษา เขาได้เข้าร่วมงานกับธนาคารฮอกไกโด ทากุโชกุ ในฐานะนักกีฬาของธนาคาร ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพนักกีฬากระโดดสกีอาชีพของเขา
3. อาชีพนักกีฬา
อาชีพนักกีฬาของอากิสึกุ คนโนะ โดดเด่นด้วยการเข้าร่วมและการประสบความสำเร็จในการแข่งขันระดับนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวหลายครั้ง ซึ่งเขาได้สร้างชื่อเสียงและเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์กีฬากระโดดสกีของญี่ปุ่น
3.1. โอลิมปิกฤดูหนาว 1968 ณ เกรอนอบล์
การแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 1968 ณ เกรอนอบล์ ประเทศฝรั่งเศส ถือเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของอากิสึกุ คนโคนะ ในเวทีโอลิมปิก ในการแข่งขันครั้งนั้น เขาจบอันดับที่ 24 ในประเภทเนินปกติ (70 เมตร) และอันดับที่ 20 ในประเภทเนินใหญ่ (90 เมตร) แม้ว่าญี่ปุ่นจะส่งนักกีฬาเข้าร่วมการแข่งขันครั้งนี้มากถึง 62 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากที่สุดในประวัติศาสตร์ขณะนั้น โดยมีเป้าหมายที่จะคว้าเหรียญรางวัลในอีก 4 ปีข้างหน้า ณ โอลิมปิกที่ซัปโปโร แต่ผลลัพธ์โดยรวมของทีมญี่ปุ่นในเกรอนอบล์ยังไม่สามารถคว้าเหรียญรางวัลใด ๆ ได้ และไม่มีนักกีฬาคนใดติดอันดับ 6 อันดับแรกในทุกประเภท
3.2. โอลิมปิกฤดูหนาว 1972 ณ ซัปโปโร
อากิสึกุ คนโนะ ได้รับโอกาสเข้าร่วมโอลิมปิกฤดูหนาว 1972 ณ ซัปโปโร ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขาเป็นครั้งที่สองในการแข่งขันโอลิมปิก ในการแข่งขันประเภทเนินปกติ (70 เมตร) เขาได้สร้างความสำเร็จครั้งสำคัญด้วยการคว้าเหรียญเงิน ซึ่งเป็นผลงานที่ยอดเยี่ยมที่สุดในอาชีพของเขา ความสำเร็จครั้งนี้ทำให้เขากลายเป็นส่วนหนึ่งของทีม "ฮิโนมารุ ฮิโคไต" (หน่วยบินธงชาติญี่ปุ่น) อันเป็นตำนาน ร่วมกับคาซายะ ยูกิโอะ ผู้คว้าเหรียญทอง และอาโอจิ เซจิ ผู้คว้าเหรียญทองแดง ซึ่งเป็นการที่นักกีฬากระโดดสกีชาวญี่ปุ่นสามารถกวาดเหรียญรางวัลบนโพเดียมได้ทั้งหมดในประเภทเดียวกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์โอลิมปิก นอกจากนี้ คนโนะยังเป็นนักกีฬาญี่ปุ่นคนแรกที่กระโดดในการแข่งขันครั้งนั้น และด้วยการกระโดดที่ยอดเยี่ยมของเขา ทำให้เขาได้รับฉายาว่า "หัวหอกของญี่ปุ่น" ในการแข่งขันประเภทเนินใหญ่ (90 เมตร) เขาจบอันดับที่ 12
3.3. โอลิมปิกฤดูหนาว 1976 ณ อินส์บรุค
ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาว 1976 ณ อินส์บรุค อากิสึกุ คนโนะ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นตัวสำรองของทีมชาติญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม เขาไม่ได้รับการบรรจุชื่อในรายชื่อสุดท้ายของนักกีฬาทั้งสี่คนที่ลงแข่งขันในประเภท 70 เมตร และ 90 เมตร ทำให้เขาไม่ได้เข้าร่วมการแข่งขันจริงในโอลิมปิกครั้งนี้
3.4. รูปแบบการกระโดดและฉายา
แม้จะมีรูปร่างเล็ก โดยมีส่วนสูง 162 cm และน้ำหนัก 53 kg แต่อากิสึกุ คนโคนะ ก็มีรูปแบบการกระโดดที่เป็นเอกลักษณ์และโดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกตัว (takeoff) ที่แม่นยำและทรงพลัง ซึ่งได้รับการขนานนามว่า "カミソリサッツคามิโซริ ซัตสึภาษาญี่ปุ่น" หรือ "การออกตัวที่เฉียบคมราวใบมีดโกน" ความสามารถในการออกตัวที่เฉียบคมนี้เป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาสามารถทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม นอกจากฉายา "คามิโซริ ซัตสึ" แล้ว เขายังได้รับฉายาว่า "หัวหอกของญี่ปุ่น" จากบทบาทของเขาในฐานะนักกีฬาคนแรกที่กระโดดและทำผลงานได้อย่างโดดเด่นในการแข่งขันโอลิมปิกที่ซัปโปโร
4. กิจกรรมหลังเกษียณ
หลังจากเกษียณจากการเป็นนักกีฬากระโดดสกีอาชีพ อากิสึกุ คนโนะ ได้ผันตัวไปทำงานเป็นพนักงานฝ่ายขายให้กับธนาคารฮอกไกโด ทากุโชกุ ซึ่งเป็นองค์กรที่เขาเคยสังกัดในฐานะนักกีฬา แม้จะห่างหายจากวงการสกีในฐานะนักกีฬา แต่เขายังคงมีส่วนร่วมในกิจกรรมสำคัญที่เกี่ยวข้องกับกีฬาโอลิมปิกอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอลิมปิกฤดูหนาว 1998 ณ นะงะโนะ ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 6 มกราคม ค.ศ. 1998 เขาได้รับเกียรติให้เป็นนักวิ่งคนแรกของเส้นทางวิ่งคบเพลิงฝั่งตะวันออก ซึ่งเริ่มต้นที่เมืองซัปโปโร นอกจากนี้ ในพิธีเปิดการแข่งขันโอลิมปิกครั้งเดียวกันนั้น เขายังได้ร่วมกับนักกีฬาโอลิมปิกชื่อดังคนอื่น ๆ อีกเจ็ดคน ได้แก่ อิงายะ จิฮารุ, คาซายะ ยูกิโอะ, คิตาซาวะ โยชิฮิโระ, นางากุโบะ ฮัตสึเอะ, โอทากะ ยูโกะ, ฮาชิโมโตะ เซโกะ และยามาโมโตะ ฮิโรมิ ในการถือธงโอลิมปิกเข้าสู่สนาม ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น่าจดจำและแสดงถึงการยอมรับในสถานะของเขาในฐานะบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์กีฬาญี่ปุ่น
5. การเสียชีวิต
อากิสึกุ คนโนะ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 5 กันยายน ค.ศ. 2019 ด้วยวัย 75 ปี ที่โรงพยาบาลในเมืองซัปโปโร จังหวัดฮอกไกโด สาเหตุการเสียชีวิตของเขาคือมะเร็งหลังโพรงจมูก (hypopharyngeal cancer)
6. การประเมินและผลกระทบ
อากิสึกุ คนโคนะ ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักกีฬากระโดดสกีที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากผลงานการคว้าเหรียญเงินในโอลิมปิกฤดูหนาว 1972 ที่ซัปโปโร ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่นักกีฬาญี่ปุ่นสามารถกวาดเหรียญรางวัลได้ทั้งหมดในประเภทเดียวกัน ความสำเร็จนี้ไม่เพียงแต่สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเขาเอง แต่ยังเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬารุ่นหลังและสร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศชาติ รูปแบบการกระโดดที่เป็นเอกลักษณ์ของเขาที่เรียกว่า "การออกตัวที่เฉียบคมราวใบมีดโกน" แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความเชี่ยวชาญทางเทคนิคที่โดดเด่น แม้จะมีรูปร่างเล็กก็ตาม หลังจากการเกษียณ เขายังคงเป็นบุคคลสาธารณะที่ได้รับการยอมรับและมีส่วนร่วมในกิจกรรมสำคัญของโอลิมปิก ซึ่งสะท้อนถึงมรดกที่เขาทิ้งไว้ในฐานะผู้มีส่วนร่วมสำคัญในการพัฒนากีฬากระโดดสกีและจิตวิญญาณโอลิมปิกในญี่ปุ่น