1. ภาพรวม
สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี มีพระนามเดิมว่า หม่อมเจ้ารำเพย ศิริวงศ์ (ประสูติ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2377 - สวรรคต 9 กันยายน พ.ศ. 2404) ทรงเป็นพระมเหสีพระองค์ที่สองในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวงในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว นอกจากนี้ยังทรงเป็นพระอัยยิกาในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวและพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และเป็นพระปัยยิกาในพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรมหาอานันทมหิดล พระอัฐมรามาธิบดินทร และพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รวมถึงทรงเป็นย่าเทียดในพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว
2. พระราชประวัติ
สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินีทรงมีพระชนม์ชีพช่วงต้นที่สำคัญ และทรงได้รับการสถาปนาเป็นพระมเหสีในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โดยมีบทบาทสำคัญในราชสำนัก
2.1. พระชนม์ชีพช่วงต้นและภูมิหลัง
สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี เสด็จพระราชสมภพเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2377 ทรงเป็นพระธิดาพระองค์ใหญ่ในสมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ ซึ่งเป็นพระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวกับเจ้าจอมมารดาทรัพย์ ส่วนพระชนนีคือหม่อมน้อย ซึ่งเป็นสตรีชาวบางเขนที่มีเชื้อสายมอญและไทย

ภูมิหลังทางพระชนนีของพระองค์มีความเชื่อมโยงกับเชื้อสายมอญ โดยหม่อมน้อยเป็นธิดาของนายบุศย์ ชาวบางเขน และคุณแจ่ม ซึ่งเป็นหลานสาวของอำมาตย์มอญนามว่าพระยารัตนจักร (หงส์ทอง สุรคุปต์) หรือสมิงสอดเบา หัวเมืองหน้าครัวมอญ นอกจากนี้ คุณม่วง มารดาของคุณแจ่ม ยังเป็นน้องสาวต่างมารดาของเจ้าจอมมารดาป้อม ในรัชกาลที่ 1, เจ้าจอมเพ็ง ในรัชกาลที่ 2 และเจ้าจอมมารดาเอม ในรัชกาลที่ 2 บางแหล่งข้อมูลระบุว่าคุณแจ่มเป็นธิดาของพระยารัตนจักรโดยตรง พระองค์มีเจ้าพี่เจ้าน้องต่างมารดาอีก 8 องค์
เมื่อทรงพระเยาว์ พระองค์ได้เข้ามาประทับอยู่กับพระองค์เจ้าละม่อม พระปิตุจฉา เพื่อฝึกหัดถวายงานพัด และสามารถพัดได้ถูกพระทัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวเป็นอย่างมาก จนโปรดเกล้าฯ พระราชทานนามแก่หม่อมเจ้าหญิงนี้ว่า รำเพย ซึ่งมีความหมายว่า "ลมเย็นที่พัดค่อย ๆ อ่อน ๆ" มีเรื่องเล่าว่าพระภิกษุพระศรีสุทธิวงศ์ได้นำต้นไม้ชนิดหนึ่งกลับมาจากประเทศศรีลังกา ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งโปรดไม้นั้นมาก จึงพระราชทานชื่อไม้นั้นว่า รำเพย ตามพระนามของพระราชนัดดา
2.2. การอภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและบทบาทในฐานะพระมเหสี
ในปี พ.ศ. 2396 (ค.ศ. 1853) หม่อมเจ้ารำเพยได้อภิเษกสมรสกับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งมีพระชนมายุมากกว่าพระองค์ 30 พรรษา และได้รับการสถาปนาขึ้นเป็น พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ ซึ่งเป็นพระยศเจ้าหญิงที่สูงขึ้น

ภายหลังการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระนางนาฏบรมอรรคราชเทวี พระมเหสีพระองค์แรกในรัชกาลที่ 4 ทำให้ไม่มีพระราชนัดดาฝ่ายในในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวที่เป็นพระองค์เจ้าเหลืออยู่แล้ว ในวันที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2396 พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดให้สถาปนาหม่อมเจ้ารำเพยเป็น พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ ซึ่งมีความหมายว่า "บุปผชาติที่เป็นที่ยินดีและเป็นที่พักพิงของมวลหมู่ภมร" ต่อมาพระราชวงศ์และเสนาบดีได้ถวายให้เป็นพระมเหสี ซึ่งในประกาศรัชกาลที่ 4 ออกพระนามว่าสมเด็จพระนางนาถราชเทวี
ต่อมาในประกาศการพระราชพิธีลงสรงโสกันต์พระเจ้าลูกเธอ จ.ศ. 1224 ได้ออกพระนามพระองค์ว่า พระนางเธอพระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ และในประกาศพระราชพิธีโสกันต์สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าจุฬาลงกรณ์ จ.ศ. 1227 ออกพระนามว่า สมเด็จพระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ และในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ 4 ออกพระนามว่าสมเด็จพระนางรำเพยภมราภิรมย์
3. พระราชบุตร
สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี มีพระราชโอรสและพระราชธิดารวม 4 พระองค์กับพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ดังนี้
พระบรมฉายาลักษณ์/พระรูป | พระปรมาภิไธย/พระนาม | เสด็จพระราชสมภพ/ประสูติ | สวรรคต/สิ้นพระชนม์ | พระชนมพรรษา/พระชันษา |
---|---|---|---|---|
![]() | พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว | 20 กันยายน พ.ศ. 2396 | 23 ตุลาคม พ.ศ. 2453 | 57 ปี |
![]() | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจันทรมณฑล โสภณภควดี กรมหลวงวิสุทธิกระษัตริย์ | 24 เมษายน พ.ศ. 2398 | 14 พฤษภาคม พ.ศ. 2406 | 8 ปี |
![]() | สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าจาตุรนต์รัศมี กรมพระจักรพรรดิพงษ์ | 13 มกราคม พ.ศ. 2399 (นับแบบปัจจุบันเป็น พ.ศ. 2400) | 11 เมษายน พ.ศ. 2443 | 43 ปี |
![]() | สมเด็จพระราชปิตุลา บรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช | 11 มกราคม พ.ศ. 2402 (นับแบบปัจจุบันเป็น พ.ศ. 2403) | 13 มิถุนายน พ.ศ. 2471 | 68 ปี |
4. การประชวรและสวรรคต
สมเด็จพระนางนาถราชเทวีทรงประชวรพระยอดเม็ดเล็ก และทรงพระกาสะ (ไอ) เป็นพระโลหิตปนเสมหะออกมา ทรงประชวรอยู่หลายเดือน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่พระราชโอรสองค์เล็กคือ เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ ประสูติ พระอาการก็ยิ่งทรุดลงมาก แม้จะตรัสว่า "ไม่เป็นอะไรมากหรอก" แต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชหัตถเลขาเกี่ยวกับพระอาการประชวรของพระองค์ไว้ว่า "แต่แม่รำเพย ตั้งแต่คลอดบุตรชายภาณุรังษีสว่างวงศ์มาแล้ว ป่วยให้ไอและซูบผอมมากไป กลัวจะตั้งวัณโรคภายใน"
พระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อวันจันทร์ที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2404 สิริพระชนมายุได้ 28 พรรษา พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบรรยายถึงการสิ้นพระชนม์ไว้อย่างละเอียดว่า "...เวลาเช้าแม่รำเพยไออาเจียนเป็นโลหิตออกมามาก ออกทางจมูกออกทางปาก ได้ตัวสัตว์ออกมากับทั้งโลหิตตัวหนึ่ง มีอาการคล้ายสัตว์ตัวหนอนเล็กหางเป็นสามแฉก แต่หมอยังแก้ไขก็ค่อยคลายมา โลหิตออกบ้างเล็กน้อยจางไปแล้ว" และ "...ครั้น ณ วันอาทิตย์ขึ้น 4 ค่ำ เดือนสิบ เวลากลางคืน เธอว่าค่อยสบายไอห่างไป นอนหลับได้มาก ตั้งแต่สามยามไปจนถึงสามโมงเช้า ครั้น ณ วันจันทร์ ขึ้นห้าค่ำ เดือนสิบ ตื่นขึ้นอีกเวลาสามโมงเช้า รับประทานอาหารได้ถ้วยฝาขนาดใหญ่ แล้วนั่งเล่นอยู่กับบุตรเล็ก ไอเป็นโลหิตออกมา แล้วก็เป็นโลหิตพลุ่งพล่านมากเป็นที่สุด ออกทั้งทางจมูกทางปาก หลายถ้วยแก้วกระบอก ไม่มีขณะหายใจ พอโลหิตมากแล้วชีพจรทั้งตัวก็หยุดทีเดียวไม่ฟื้นเลย" พระองค์ทรงประชวรด้วยโรคนี้มาเป็นเวลาประมาณห้าปี
หลังจากเสด็จสวรรคต พระศพได้รับการจัดการและตั้งไว้ในโกศที่ตึกต้นสน ซึ่งได้รับการตกแต่งใหม่ให้งดงาม โดยมีเพดาน บานประตู และบานหน้าต่างปิดลายเงิน ฝาผนังปิดกระดาษลาย และตกแต่งสิ่งอื่นๆ อย่างเหมาะสม การพระราชทานเพลิงพระบรมศพจัดขึ้น ณ พระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ในวันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2405 ในพระราชพิธีนี้ได้มีการริเริ่มการจัดพิธีกงเต็กหลวงขึ้นเป็นครั้งแรก และมีการจัดพิธีกงเต็กหลวงสืบต่อมาตั้งแต่นั้น
5. พระราชอิสริยยศหลังสวรรคตและการเฉลิมพระนาม
สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินีทรงได้รับการเฉลิมพระนามและพระราชอิสริยยศต่างๆ ทั้งในขณะทรงพระชนม์ชีพและภายหลังการสวรรคต เพื่อเป็นพระเกียรติยศแก่พระองค์
- หม่อมเจ้ารำเพย (17 กรกฎาคม พ.ศ. 2377 - 6 มกราคม พ.ศ. 2396)
- พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ (6 มกราคม พ.ศ. 2396 - 25 ธันวาคม พ.ศ. 2411)
- ในประกาศรัชกาลที่ 4 ออกพระนามว่า สมเด็จพระนางนาถราชเทวี
- ในประกาศรัชกาลที่ 4 (ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2405) ออกพระนามว่า พระนางเธอพระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์ และ สมเด็จพระนางเธอ พระองค์เจ้ารำเพยภมราภิรมย์
- ในพระราชพงศาวดารกรุงรัตนโกสินทร์ ออกพระนามว่า สมเด็จพระนางรำเพยภมราภิรมย์
- กรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ (25 ธันวาคม พ.ศ. 2411 - รัชกาลที่ 6)
- พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเฉลิมพระนามพระอัฐิสมเด็จพระบรมราชชนนีขึ้นเป็นกรมสมเด็จพระเทพศิรินทรามาตย์ เมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2411
- สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี (รัชกาลที่ 6 - ปัจจุบัน)
- ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 6) ทรงสถาปนาพระบรมอัฐิเป็นสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี
6. พระราชานุสรณ์และสิ่งอันเป็นที่ระลึก
เพื่อเป็นการรำลึกถึงสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ได้มีการจัดสร้างอนุสรณ์สถาน สถาบัน และโครงการต่างๆ ขึ้นหลายแห่ง
- วัดเทพศิรินทราวาสราชวรวิหาร

พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดเทพศิรินทราวาสขึ้นในปี พ.ศ. 2419 ซึ่งเป็นปีที่พระองค์ทรงมีพระชนมพรรษาครบ 25 พรรษาพอดี การสร้างวัดนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทรงเฉลิมพระเกียรติและทรงอุทิศพระราชกุศลสนองพระเดชพระคุณแห่งองค์สมเด็จพระบรมราชชนนี สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ซึ่งเสด็จสวรรคตตั้งแต่พระองค์ยังทรงพระเยาว์
- โรงเรียนเทพศิรินทร์
โรงเรียนเทพศิรินทร์ได้รับการสถาปนาจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อวันที่ 15 มีนาคม พ.ศ. 2428 ในช่วงแรกของการจัดตั้ง โรงเรียนเทพศิรินทร์ได้อาศัยศาลาการเปรียญภายในวัดเทพศิรินทราวาสเป็นที่ทำการเรียนการสอน
ในปี พ.ศ. 2438 สมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุวงศ์วรเดช พระราชโอรสในสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี ทรงดำริที่จะสร้างตึกเรียนสำหรับวัดเทพศิรินทราวาสขึ้น เพื่ออุทิศพระราชกุศลสนองพระเดชพระคุณแห่งองค์สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี พระชนนี และเพื่ออุทิศพระกุศลแก่หม่อมแม้น ภาณุพันธุ์ ณ อยุธยา ชายาของพระองค์ ตึกเรียนหลังแรกนี้ได้รับการออกแบบให้มีศิลปะเป็นแบบโกธิค ซึ่งถือว่าเป็นอาคารศิลปะโกธิคยุคแรกและมีที่เดียวในประเทศไทย โดยสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เป็นผู้ออกแบบ และในการนี้ พระยาโชฏึกราชเศรษฐีได้บริจาคทุนทรัพย์เพื่อสร้างตึกอาคารเรียนขึ้นด้านข้างของตึกเรียนหลังแรกอีกด้วย
- พระราชานุสาวรีย์ ณ โรงเรียนเทพศิรินทร์
โรงเรียนเทพศิรินทร์มีแนวคิดที่จะสร้างรูปเคารพของพระองค์ไว้บูชาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2538 และได้สำเร็จเป็นผลในปี พ.ศ. 2541 โดยอัญเชิญประดิษฐาน ณ บริเวณมุขด้านหน้าอาคารเทิดพระเกียรติ เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและความกตัญญูกตเวทีที่ชาวเทพศิรินทร์ทุกคนมีต่อสมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี และยังเป็นสิ่งที่แสดงถึงเกียรติยศอันสูงสุดที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณในการนำพระนามาภิไธยของพระองค์มาเป็นชื่อของสถานศึกษา ทุกวันที่ 9 กันยายน ซึ่งเป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระองค์ ทางโรงเรียนเทพศิรินทร์จะจัดพิธีวางพวงมาลาและถวายราชสักการะ ณ พระราชานุสาวรีย์สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี เพื่อเป็นการสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ โดยเรียกวันนี้ว่า "วันแม่รำเพย"
7. พระราชพงศาวลี
- สมเด็จพระเทพศิรินทราบรมราชินี
- สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ (พระบิดา)
- พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระอัยกาฝ่ายพระบิดา)
- พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (พระปัยกาฝ่ายพระบิดา)
- พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช
- สมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี
- สมเด็จพระศรีสุลาไลย (พระปัยยิกาฝ่ายพระบิดา)
- พระยานนทบุรีศรีมหาอุทยาน (บุญจัน)
- เพ็ง นนทบุรีศรีมหาอุทยาน
- พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (พระปัยกาฝ่ายพระบิดา)
- เจ้าจอมมารดาทรัพย์ ในรัชกาลที่ 3 (พระอัยยิกาฝ่ายพระบิดา)
- พระอักษรสมบัติ (ทับ)
- ผ่อง
- พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว (พระอัยกาฝ่ายพระบิดา)
- หม่อมน้อย ศิริวงศ์ ณ อยุธยา (พระมารดา)
- บุศย์ (พระอัยกาฝ่ายพระมารดา)
- แจ่ม (พระอัยยิกาฝ่ายพระมารดา)
- ม่วง สุรคุปต์
- พระยารัตนจักร (หงส์ทอง สุรคุปต์)
- ม่วง สุรคุปต์
- สมเด็จพระบรมราชมาตามหัยกาเธอ กรมหมื่นมาตยาพิทักษ์ (พระบิดา)