1. ภาพรวม
ริชาร์ด เอส. คาสเตลลาโน (Richard S. Castellanoริชาร์ด เอส. คาสเตลลาโนภาษาอังกฤษ; 4 กันยายน 1933 - 10 ธันวาคม 1988) เป็นนักแสดงชาวอเมริกัน ผู้มีผลงานการแสดงในช่วงปี 1962 ถึง 1982 และเป็นที่จดจำจากบทบาทในภาพยนตร์เรื่อง เลิฟเวอร์ส แอนด์ อาเธอร์ สเตรนเจอร์ส ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม และบทบาทอันเป็นสัญลักษณ์ของ ปีเตอร์ เคลเมนซา ในภาพยนตร์ระดับตำนานเรื่อง เดอะก็อดฟาเธอร์ บทความนี้จะสำรวจชีวิตช่วงต้น ภูมิหลัง อาชีพการแสดงอันโดดเด่น รวมถึงชีวิตส่วนตัว การเสียชีวิต และมรดกทางวัฒนธรรมที่เขาทิ้งไว้ในวงการบันเทิง
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
ริชาร์ด เอส. คาสเตลลาโน เกิดในครอบครัวผู้อพยพชาวอิตาลีในนครนิวยอร์ก และเริ่มต้นอาชีพการแสดงหลังจากทำงานในสายงานอื่นมาก่อน แม้จะได้รับการยอมรับในวงการ แต่ชีวิตส่วนตัวของเขากลับมีข้อถกเถียงเกี่ยวกับความสัมพันธ์ทางเครือญาติกับบุคคลที่มีชื่อเสียงในโลกอาชญากรรม
2.1. การเกิดและครอบครัว
คาสเตลลาโนเกิดเมื่อวันที่ 4 กันยายน 1933 ที่เขตควีนส์ ในนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา พ่อแม่ของเขาคือ มารีอันโตเนีย แอนเจลโล (Mariantonia AngelloMariantonia Angelloภาษาอังกฤษ) และ ฟิลิปโป คาสเตลลาโน (Filippo CastellanoFilippo Castellanoภาษาอังกฤษ) เป็นผู้อพยพชาวอิตาลีที่มาจากเมืองกัสโตรฟิลิปโป ในซิซิลี ประเทศอิตาลี ชื่อกลางของเขาคือ ซัลวาตอเร (Salvatoreซัลวาตอเรภาษาอังกฤษ) ซึ่งตั้งเพื่อเป็นเกียรติแก่น้องชายคนโตของเขาที่เสียชีวิตไปสองปีก่อนที่เขาจะเกิด ก่อนที่จะเข้าสู่วงการบันเทิง คาสเตลลาโนเคยทำงานเป็นผู้จัดการบริษัทก่อสร้าง และมีโอกาสได้ร่วมงานกับ New Yiddish Theatre ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาได้เดินบนเส้นทางอาชีพนักแสดง
2.2. ข้อถกเถียงเรื่องความสัมพันธ์กับ Paul Castellano
หลังจากการเสียชีวิตของคาสเตลลาโน อาร์เดลล์ เชอริแดน (Ardell Sheridanอาร์เดลล์ เชอริแดนภาษาอังกฤษ) ภรรยาม่ายของเขา ซึ่งเคยแสดงเป็นภรรยาของตัวละคร ปีเตอร์ เคลเมนซา ที่คาสเตลลาโนรับบทในภาพยนตร์เรื่อง เดอะก็อดฟาเธอร์ ได้กล่าวอ้างว่าสามีของเธอเป็นหลานชายของ พอล คาสเตลลาโน (Paul CastellanoPaul Castellanoภาษาอังกฤษ) หัวหน้าแก๊งอาชญากรรมแกมบิโน (Gambino crime familyGambino crime familyภาษาอังกฤษ) อย่างไรก็ตาม น้องสาวของริชาร์ด คาสเตลลาโน ได้ปฏิเสธคำกล่าวอ้างนี้ โดยยืนยันว่า "เราไม่เกี่ยวข้องกับพอล"
3. อาชีพการแสดง
เส้นทางอาชีพการแสดงของริชาร์ด คาสเตลลาโน เริ่มต้นจากบทบาทเล็กๆ ในละครเวทีและโทรทัศน์ ก่อนจะก้าวขึ้นมาเป็นที่รู้จักในระดับโลกจากบทบาทอันโดดเด่นในภาพยนตร์คลาสสิกหลายเรื่อง ซึ่งทำให้เขาทิ้งมรดกทางศิลปะอันยาวนานไว้
3.1. จุดเริ่มต้นในวงการละครเวทีและโทรทัศน์
คาสเตลลาโนเริ่มต้นอาชีพนักแสดงมืออาชีพในปี 1962 โดยปรากฏตัวในละครโทรทัศน์ชุดเรื่อง เนเค็ด ซิตี้ (Naked CityNaked Cityภาษาอังกฤษ) ในปี 1963 เขายังได้เปิดตัวในภาพยนตร์เรื่อง เลิฟ วิธ เดอะ พรอเพอร์ สเตรนเจอร์ (Love with the Proper StrangerLove with the Proper Strangerภาษาอังกฤษ) แม้จะเป็นบทบาทที่ไม่มีชื่อเครดิตก็ตาม หลังจากนั้น เขาก็ได้สะสมประสบการณ์ในบทบาทต่างๆ อย่างต่อเนื่อง รวมถึงในละครโทรทัศน์เรื่อง อีสต์ไซด์/เวสต์ไซด์ (East Side/West SideEast Side/West Sideภาษาอังกฤษ) ในปี 1963, ฮอว์ก (HawkHawkภาษาอังกฤษ) ในปี 1966, และ เอ็น.วาย.พี.ดี. (N.Y.P.D.N.Y.P.D.ภาษาอังกฤษ) ในปี 1968 และ 1969
3.2. บทบาทสร้างชื่อใน "Lovers and Other Strangers"
ในปี 1970 คาสเตลลาโนได้รับบทบาทสำคัญในภาพยนตร์ตลกเรื่อง เลิฟเวอร์ส แอนด์ อาเธอร์ สเตรนเจอร์ส (Lovers and Other StrangersLovers and Other Strangersภาษาอังกฤษ) ซึ่งทำให้เขาได้รับชื่อเสียงไปทั่วโลกจากผลงานการแสดงอันยอดเยี่ยมในบทบาทแฟรงก์ เวกคิโอ (Frank VecchioFrank Vecchioภาษาอังกฤษ) จากบทบาทนี้ เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ สาขานักแสดงสมทบชายยอดเยี่ยม ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในอาชีพของเขา
3.3. บทบาทอันเป็นสัญลักษณ์ใน "The Godfather"
ในปี 1972 คาสเตลลาโนได้รับบทบาทอันเป็นสัญลักษณ์ที่ทำให้เขากลายเป็นที่จดจำมากที่สุด คือบทบาทของ ปีเตอร์ เคลเมนซา (Peter ClemenzaPeter Clemenzaภาษาอังกฤษ) ในภาพยนตร์มาเฟียเรื่อง เดอะก็อดฟาเธอร์ (The GodfatherThe Godfatherภาษาอังกฤษ) กำกับโดย ฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา ผู้เป็นผู้กำกับภาพยนตร์ ซึ่งกลายเป็นภาพยนตร์ที่ทำรายได้สูงสุดในยุคนั้น บทบาทนี้ทำให้คาสเตลลาโนและนักแสดงคนอื่นๆ ในภาพยนตร์เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง เขายังเป็นผู้พูดประโยคที่โด่งดังที่สุดประโยคหนึ่งในภาพยนตร์ที่ว่า "Leave the gun; take the cannoliทิ้งปืนไว้ เอาคานโนลีไปภาษาอังกฤษ" (Cannoliคานโนลีภาษาอิตาลี เป็นขนมหวานของชาวอิตาลี) ซึ่งเป็นประโยคที่เขาด้นสดขึ้นมาบางส่วนในการแสดง
3.4. ผลงานทางโทรทัศน์และภาพยนตร์ต่อมา
หลังจากความสำเร็จจาก เดอะก็อดฟาเธอร์ คาสเตลลาโนยังคงปรากฏตัวในโทรทัศน์และภาพยนตร์อย่างต่อเนื่อง เขาได้รับบทบาทนำในละครซิตคอมทางโทรทัศน์เรื่อง เดอะซูเปอร์ (The SuperThe Superภาษาอังกฤษ) ในปี 1972 โดยรับบทเป็น โจ จิเรลลี (Joe GirelliJoe Girellieภาษาอังกฤษ) ซึ่งออกอากาศไป 10 ตอน ในซีรีส์นี้ มาร์กาเร็ต คาสเตลลาโน (Margaret CastellanoMargaret Castellanoภาษาอังกฤษ) ลูกสาวในชีวิตจริงของเขาได้แสดงเป็นลูกสาวของตัวละครที่เขารับบทด้วย นอกจากนี้ เขายังรับบทนำเป็น โจ วิตาเล (Joe VitaleJoe Vitaleภาษาอังกฤษ) ในซีรีส์เรื่อง โจ แอนด์ ซันส์ (Joe and SonsJoe and Sonsภาษาอังกฤษ) ระหว่างปี 1975-1976 และปรากฏตัวในละครโทรทัศน์เรื่อง เดอะก็อดฟาเธอร์: อะโนเวลฟอร์เทเลวิชัน (The Godfather: A Novel for TelevisionThe Godfather: A Novel for Televisionภาษาอังกฤษ) ในปี 1977 และซีรีส์เรื่อง เดอะแกงสเตอร์ครอนิเคิลส์ (The Gangster ChroniclesThe Gangster Chroniclesภาษาอังกฤษ) ในปี 1981 ซึ่งเขาได้รับบทเป็น จูเซปเป "โจ เดอะ บอส" มาสเซเรีย (Giuseppe "Joe the Boss" MasseriaGiuseppe "Joe the Boss" Masseriaภาษาอังกฤษ)
3.5. การถอนตัวจาก "The Godfather Part II"
ริชาร์ด คาสเตลลาโน ไม่ได้กลับมารับบทเป็นเคลเมนซาในภาพยนตร์เรื่อง เดอะก็อดฟาเธอร์ ภาค 2 (The Godfather Part IIThe Godfather Part IIภาษาอังกฤษ) ที่ออกฉายในปี 1974 แทนที่จะเป็นเขา บทบาทของเคลเมนซาในวัยหนุ่มในภาคต่อนี้ถูกรับบทโดย บรูโน เคอร์บี (Bruno KirbyBruno Kirbyภาษาอังกฤษ) ซึ่งเคยแสดงเป็นลูกชายของตัวละครที่คาสเตลลาโนรับบทในซีรีส์เรื่อง เดอะซูเปอร์ มาก่อน
4. ชีวิตส่วนตัว
ริชาร์ด คาสเตลลาโน แต่งงานกับนักแสดงสาว อาร์เดลล์ เชอริแดน (Ardell Sheridanอาร์เดลล์ เชอริแดนภาษาอังกฤษ) ชีวิตสมรสของทั้งคู่ดำเนินไปจนกระทั่งคาสเตลลาโนเสียชีวิตในปี 1988 ทั้งคู่ยังเคยร่วมงานกันในภาพยนตร์เรื่อง เดอะก็อดฟาเธอร์ และซีรีส์โทรทัศน์เรื่อง เดอะซูเปอร์ อีกด้วย
5. การเสียชีวิต
ริชาร์ด คาสเตลลาโน เสียชีวิตจากหัวใจวาย (myocardial infarctionmyocardial infarctionภาษาอังกฤษ) ที่บ้านของเขาในนอร์ทเบอร์เกน รัฐนิวเจอร์ซีย์ ในปี 1988 ขณะอายุ 55 ปี เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 1988
6. ผลงานการแสดง
นี่คือรายการผลงานภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ที่ริชาร์ด เอส. คาสเตลลาโน เคยแสดง
6.1. ภาพยนตร์
| ปี | ชื่อเรื่อง | บทบาท | หมายเหตุ |
|---|---|---|---|
| 1963 | เลิฟ วิธ เดอะ พรอเพอร์ สเตรนเจอร์ (Love with the Proper Stranger) | นักแสดงประกอบ | ไม่ได้รับเครดิต |
| 1965 | ทรีรูมส์อินแมนแฮตตัน (Trois chambres à Manhattan) | ชาวอเมริกันผู้โกรธ | ไม่ได้รับเครดิต |
| 1966 | อะ ไฟน์ แมดเนส (A Fine Madness) | อาร์โนลด์ | |
| 1968 | อะ เลิฟลี เวย์ ทู ดาย (A Lovely Way to Die) | บาร์เทนเดอร์ | ไม่ได้รับเครดิต |
| 1969 | เดอะ ช้อยส์ (The Choice) | ||
| 1970 | เลิฟเวอร์ส แอนด์ อาเธอร์ สเตรนเจอร์ส (Lovers and Other Strangers) | แฟรงก์ เวกคิโอ | ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ |
| 1972 | เดอะก็อดฟาเธอร์ (The Godfather) | ปีเตอร์ เคลเมนซา | |
| 1973 | อิงซิเดนท์ ออน อะ ดาร์ก สตรีท (Incident on a Dark Street) | แฟรงก์ โรเมโอ | |
| 1973 | ฮอเนอร์ ธาย ฟาเธอร์ (Honor Thy Father) | แฟรงก์ ลาบรูซโซ | |
| 1980 | ไนท์ ออฟ เดอะ จักกล์เลอร์ (Night of the Juggler) | ร้อยโท โทเนลลี | |
| 1981 | เดอะแกงสเตอร์ครอนิเคิลส์ (The Gangster Chronicles) | จูเซปเป "โจ เดอะ บอส" มาสเซเรีย | |
| 1982 | เดียร์ มิสเตอร์ วันเดอร์ฟูล (Dear Mr. Wonderful) | สายลับเอฟบีไอ | บทบาทภาพยนตร์เรื่องสุดท้าย |
6.2. โทรทัศน์
| ปี | ชื่อเรื่อง | บทบาท |
|---|---|---|
| 1962-1963 | เนเค็ด ซิตี้ (Naked City) | |
| 1963 | อีสต์ไซด์/เวสต์ไซด์ (East Side/West Side) | |
| 1966 | ฮอว์ก (Hawk) | |
| 1966 | เดอะ สตาร์ แวกอน (The Star Wagon) | |
| 1968, 1969 | เอ็น.วาย.พี.ดี. (N.Y.P.D.) | |
| 1969 | เดอะ เดวิด ฟรอสต์ โชว์ (The David Frost Show) | |
| 1972 | เดอะซูเปอร์ (The Super) | โจ จิเรลลี |
| 1975-1976 | โจ แอนด์ ซันส์ (Joe and Sons) | โจ วิตาเล |
| 1977 | เดอะก็อดฟาเธอร์: อะโนเวลฟอร์เทเลวิชัน (The Godfather: A Novel for Television) | |
| 1981 | เดอะแกงสเตอร์ครอนิเคิลส์ (The Gangster Chronicles) |
7. มรดกและการตอบรับ
แม้จะมีผลงานการแสดงหลายชิ้น แต่ริชาร์ด คาสเตลลาโนเป็นที่จดจำมากที่สุดจากบทบาทในภาพยนตร์สองเรื่อง คือ เลิฟเวอร์ส แอนด์ อาเธอร์ สเตรนเจอร์ส ซึ่งทำให้เขาได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของ ปีเตอร์ เคลเมนซา ใน เดอะก็อดฟาเธอร์ ซึ่งกลายเป็นภาพยนตร์คลาสสิกที่ยังคงถูกกล่าวถึงและศึกษาจนถึงปัจจุบัน บทบาทของเคลเมนซา รวมถึงบทพูดที่เป็นเอกลักษณ์ "ทิ้งปืนไว้ เอาคานโนลีไป" ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมป๊อปและยังคงเป็นที่รู้จักในหมู่ผู้ชมทั่วโลก แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลที่ยั่งยืนของคาสเตลลาโนในวงการภาพยนตร์