1. ภาพรวม
มาริออน สไตน์ หรือชื่อเต็มว่า มาเรีย โดนาตา นาเน็ตตา เพาลีนา กุสตาฟา แอร์วีนา วิลเฮลมินา สไตน์ (Maria Donata Nanetta Paulina Gustava Erwina Wilhelmine Steinมาเรีย โดนาตา นาเน็ตตา เพาลีนา กุสตาฟา แอร์วีนา วิลเฮลมินา สไตน์ภาษาอังกฤษ) เป็นนักเปียโนคอนเสิร์ตชาวบริติชเชื้อสายออสเตรีย ผู้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนวงการดนตรีและวัฒนธรรมของสหราชอาณาจักร เธอเกิดเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 1926 ที่เวียนนา ประเทศออสเตรีย ในครอบครัวชาวยิว และได้อพยพมายังสหราชอาณาจักรก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง เพื่อหลีกหนีการประหัตประหารของนาซี ตลอดชีวิตของเธอ เธอเป็นที่รู้จักในหลายชื่อตามสถานะการสมรส: มาริออน สไตน์ ในช่วงก่อนแต่งงาน, มาริออน ลาสเซลส์ เคาน์เตสแห่งแฮร์วูด ในระหว่างการสมรสครั้งแรกกับจอร์จ ลาสเซลส์ เอิร์ลแห่งแฮร์วูดที่ 7 ซึ่งทำให้เธอกลายเป็นสมาชิกของราชวงศ์อังกฤษ และภายหลังการหย่าร้างและการสมรสครั้งที่สองกับนักการเมืองชาวบริติชเจเรมี ธอร์ป ผู้นำพรรคเสรีนิยม เธอก็เป็นที่รู้จักในชื่อ มาริออน ธอร์ป
มาริออน สไตน์ มีส่วนอย่างมากในการส่งเสริมและพัฒนาวงการดนตรีคลาสสิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการร่วมก่อตั้งการแข่งขันเปียโนนานาชาติลีดส์ ซึ่งเป็นหนึ่งในการแข่งขันเปียโนที่สำคัญและมีชื่อเสียงที่สุดในโลก นอกจากนี้ เธอยังเป็นที่รู้จักจากมิตรภาพอันใกล้ชิดกับนักประพันธ์เพลงชื่อดังเบนจามิน บริทเทน และบทบาทของเธอในฐานะเจ้าของบ้านที่แฮร์วูด เฮาส์ ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรม เธอเป็นบุคคลที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นและความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการยืนหยัดเคียงข้างสามีคนที่สองของเธอในช่วงเวลาที่เกิดเรื่องอื้อฉาวทางการเมือง ซึ่งสะท้อนถึงความยืดหยุ่นและความทุ่มเทของเธอต่อผู้คนรอบข้างและต่อวงการศิลปะ
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
มาริออน สไตน์ มีชื่อเต็มว่า มาเรีย โดนาตา นาเน็ตตา เพาลีนา กุสตาฟา แอร์วีนา วิลเฮลมินา สไตน์ เกิดเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม ค.ศ. 1926 ณ กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เธอเติบโตมาในครอบครัวชาวยิวที่มีภูมิหลังทางดนตรี โดยมีบิดาคือเออร์วิน สไตน์ (Erwin Steinเออร์วิน สไตน์ภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นนักดนตรี และมารดาชื่อโซฟี บาคมานน์ (Sophie Bachmannโซฟี บาคมานน์ภาษาอังกฤษ)
2.1. วัยเด็กและการศึกษา
ในปี ค.ศ. 1938 ก่อนการปะทุของสงครามโลกครั้งที่สองเพียงเล็กน้อย มาริออนและครอบครัวได้ตัดสินใจอพยพออกจากประเทศออสเตรียมายังสหราชอาณาจักร เพื่อหลบหนีการข่มเหงและภัยคุกคามจากนาซีเยอรมนี การย้ายถิ่นฐานครั้งนี้เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในชีวิตของเธอ เธอได้เข้าศึกษาที่วิทยาลัยดนตรีรอยัล (Royal College of Musicรอยัล คอลเลจ ออฟ มิวสิกภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นสถาบันดนตรีชั้นนำของสหราชอาณาจักร ที่นี่เธอได้พัฒนาทักษะการเล่นเปียโนอย่างจริงจัง และได้สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งสำหรับการเป็นนักเปียโนคอนเสิร์ตในอนาคต ระหว่างที่ศึกษาอยู่ที่วิทยาลัยดนตรีรอยัล เธอยังได้ผูกมิตรกับเบนจามิน บริทเทน (Benjamin Brittenเบนจามิน บริทเทนภาษาอังกฤษ) นักประพันธ์เพลงชื่อดัง ซึ่งกลายเป็นมิตรภาพที่สำคัญและยาวนานในชีวิตของเธอ
3. อาชีพดนตรีและกิจกรรมทางวัฒนธรรม
มาริออน สไตน์ มีอาชีพที่โดดเด่นในฐานะนักเปียโนคอนเสิร์ต และมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมกิจกรรมทางวัฒนธรรมและดนตรีในสหราชอาณาจักร เธอเป็นผู้มีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการดนตรีคลาสสิก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการร่วมก่อตั้งการแข่งขันเปียโนนานาชาติลีดส์ ซึ่งเป็นเวทีสำคัญสำหรับนักเปียโนรุ่นใหม่
3.1. กิจกรรมในฐานะนักเปียโน
หลังจากสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยดนตรีรอยัล มาริออน สไตน์ ได้พัฒนาอาชีพของเธอในฐานะนักเปียโนผู้แสดง เธอได้แสดงคอนเสิร์ตและมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางดนตรีต่าง ๆ ซึ่งทำให้เธอเป็นที่รู้จักในฐานะนักเปียโนที่มีความสามารถและมีความมุ่งมั่นในวงการดนตรีคลาสสิกของสหราชอาณาจักร
3.2. การปฏิสัมพันธ์กับเบนจามิน บริทเทน
มาริออน สไตน์ และเบนจามิน บริทเทน นักประพันธ์เพลงผู้ยิ่งใหญ่ มีมิตรภาพอันแน่นแฟ้นและยาวนาน ทั้งคู่เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันมาตั้งแต่สมัยเรียนที่วิทยาลัยดนตรีรอยัล มิตรภาพนี้ได้นำไปสู่การทำงานร่วมกันทางดนตรีและกิจกรรมทางศิลปะหลายครั้ง ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 1950 มาริออน สไตน์ ได้จัดงานเต้นรำแฟนซีที่ได้รับแรงบันดาลใจจากโอเปร่า เพื่อสนับสนุนอิงลิช โอเปร่า กรุ๊ป (English Opera Groupอิงลิช โอเปร่า กรุ๊ปภาษาอังกฤษ) ของบริทเทน โดยในงานมีการแสดงแทงโก้จากบัลเลต์เรื่อง ฟาซาด ซึ่งแสดงโดยเฟรเดอริก แอชตัน (Frederick Ashtonเฟรเดอริก แอชตันภาษาอังกฤษ) และมอยรา เชียเรอร์ (Moira Shearerมอยรา เชียเรอร์ภาษาอังกฤษ) นอกจากนี้ ในเดือนกันยายน ค.ศ. 1950 ขณะที่เธอกำลังตั้งครรภ์ ก็มีรายงานว่าเธอวางแผนที่จะเข้าร่วมเทศกาลดนตรีลีดส์ไตรปี (Leeds Triennial Musical Festival) ทุกคืน ซึ่งมีการแสดงของเบนจามิน บริทเทนด้วย
3.3. บทบาทที่บ้านแฮร์วูด
หลังจากการแต่งงานกับจอร์จ ลาสเซลส์ เอิร์ลแห่งแฮร์วูดที่ 7 ในปี ค.ศ. 1949 มาริออน สไตน์ ได้รับบทบาทเป็นเจ้าของบ้านที่แฮร์วูด เฮาส์ (Harewood Houseแฮร์วูด เฮาส์ภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นคฤหาสน์สไตล์สถาปัตยกรรมพัลลาเดียนขนาดใหญ่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของลีดส์ ด้วยการอุปถัมภ์จากเจ้าหญิงแมรี พระราชกุมารี ซึ่งเป็นแม่สามีของเธอ มาริออนได้ทุ่มเทตัวเองให้กับการจัดงานและกิจกรรมต่าง ๆ ที่แฮร์วูด เฮาส์ ทำให้คฤหาสน์แห่งนี้กลายเป็นศูนย์กลางทางวัฒนธรรมที่สำคัญในท้องถิ่น เธอมีส่วนในการจัดกิจกรรมทางดนตรีและศิลปะมากมาย ซึ่งเป็นการสนับสนุนโครงการทางวัฒนธรรมและส่งเสริมศิลปะในชุมชน
3.4. การร่วมก่อตั้งการแข่งขันเปียโนนานาชาติลีดส์
หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นที่สุดของมาริออน สไตน์ คือการร่วมก่อตั้งการแข่งขันเปียโนนานาชาติลีดส์ (Leeds International Piano Competition) ในปี ค.ศ. 1961 ร่วมกับแฟนนี วอเตอร์แมน (Fanny Watermanแฟนนี วอเตอร์แมนภาษาอังกฤษ) การแข่งขันนี้ได้กลายเป็นหนึ่งในเวทีการแข่งขันเปียโนที่มีชื่อเสียงและสำคัญที่สุดในโลก ซึ่งมีส่วนสำคัญในการค้นพบและส่งเสริมพรสวรรค์ของนักเปียโนรุ่นใหม่จากทั่วโลก มาริออน สไตน์ มีบทบาทอย่างแข็งขันในการจัดการและการพัฒนาการแข่งขันนี้ นอกจากนี้ เธอยังได้ร่วมมือกับแฟนนี วอเตอร์แมน ในการประพันธ์หนังสือสอนเปียโนที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงชื่อ Piano Lessonsเปียโน เลสเซนส์ภาษาอังกฤษ ซึ่งมีส่วนช่วยในการศึกษาดนตรีและสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียนเปียโนจำนวนมาก
3.5. กิจกรรมทางวัฒนธรรมอื่น ๆ และการปรากฏตัวในสื่อ
นอกจากบทบาทในฐานะนักเปียโนและผู้ร่วมก่อตั้งการแข่งขันเปียโนนานาชาติลีดส์แล้ว มาริออน สไตน์ ยังมีส่วนร่วมในกิจกรรมสาธารณะและวัฒนธรรมที่หลากหลาย เธอเคยเป็นแขกรับเชิญในรายการวิทยุของบีบีซี เรดิโอ 4 (BBC Radio 4บีบีซี เรดิโอ โฟร์ภาษาอังกฤษ) ที่มีชื่อเสียงอย่าง Desert Island Discs (Desert Island Discsเดสเซิร์ต ไอแลนด์ ดิสก์สภาษาอังกฤษ) ในปี ค.ศ. 1973 ซึ่งเป็นรายการที่แขกรับเชิญจะเลือกเพลง 8 เพลงที่พวกเขาจะนำติดตัวไปที่เกาะร้าง นอกจากนี้ เธอยังเคยเป็นผู้ร่วมอภิปรายในรายการควิซดนตรีของบีบีซีที่ชื่อ Face the Music (Face the Musicเฟซ เดอะ มิวสิกภาษาอังกฤษ) เป็นครั้งคราว ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความรู้และความสนใจอันกว้างขวางของเธอในด้านดนตรี
4. ชีวิตส่วนตัว
มาริออน สไตน์ สมรสสองครั้ง โดยทั้งสองครั้งเป็นการแต่งงานกับบุคคลสาธารณะที่มีชื่อเสียง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่อชีวิตส่วนตัวและสถานะทางสังคมของเธอ
4.1. การแต่งงานครั้งแรก: จอร์จ ลาสเซลส์
มาริออน สไตน์ ได้พบกับจอร์จ ลาสเซลส์ เอิร์ลแห่งแฮร์วูดที่ 7 (George Lascelles, 7th Earl of Harewoodจอร์จ ลาสเซลส์ เซเวนธ์ เอิร์ล ออฟ แฮร์วูดภาษาอังกฤษ) ที่เทศกาลอัลเดเบิร์ก (Aldeburgh Festivalอัลเดเบิร์ก เฟสติวัลภาษาอังกฤษ) และทั้งคู่ได้สมรสกันเมื่อวันที่ 29 กันยายน ค.ศ. 1949 ลอร์ดแฮร์วูดเป็นบุตรชายของเจ้าหญิงแมรี พระราชกุมารี ซึ่งทำให้เขามีศักดิ์เป็นพระราชนัดดาของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 พระราชภาติยะของสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 และสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 6 และเป็นพระญาติของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 การแต่งงานครั้งนี้ทำให้มาริออนได้รับตำแหน่งเป็นเคาน์เตสแห่งแฮร์วูด ทั้งคู่มีบุตรชายด้วยกันสามคน ได้แก่:
- เดวิด ลาสเซลส์ เอิร์ลแห่งแฮร์วูดที่ 8 (David Lascelles, 8th Earl of Harewood) เกิดเมื่อวันที่ 21 ตุลาคม ค.ศ. 1950
- เจมส์ ลาสเซลส์ (James Lascelles) เกิดเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม ค.ศ. 1953
- เจเรมี ลาสเซลส์ (Jeremy Lascelles) เกิดเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1955
อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 1959 ชีวิตสมรสของทั้งสองเริ่มมีปัญหาอย่างรุนแรง เมื่อลอร์ดแฮร์วูดมีความสัมพันธ์กับแพทริเซีย ทักเวลล์ (Patricia Tuckwellแพทริเซีย ทักเวลล์ภาษาอังกฤษ) นักไวโอลิน แม้ว่ามาริออนจะปฏิเสธแนวคิดเรื่องการหย่าร้างในตอนแรก แต่ในที่สุดเธอก็ยอมรับการหย่าร้างในปี ค.ศ. 1967 หลังจากที่ลอร์ดแฮร์วูดมีบุตรชายกับทักเวลล์แล้ว การนอกใจและการสมรสใหม่ของลอร์ดแฮร์วูดทำให้เขาถูกสังคมรังเกียจอยู่หลายปี และต้องใช้เวลาถึง 10 ปีกว่าที่เขาจะได้รับเชิญเข้าร่วมงานใด ๆ ของราชวงศ์อีกครั้ง
4.2. การแต่งงานครั้งที่สอง: เจเรมี ธอร์ป
มาริออน สไตน์ ได้สมรสครั้งที่สองกับเจเรมี ธอร์ป (Jeremy Thorpeเจเรมี ธอร์ปภาษาอังกฤษ) เมื่อวันที่ 14 มีนาคม ค.ศ. 1973 ทั้งคู่ได้พบกันผ่านการแนะนำของเพื่อนร่วมกันคือมอยรา ลิมพานี (Moira Lympanyมอยรา ลิมพานีภาษาอังกฤษ) ในขณะนั้น ธอร์ปดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและเป็นผู้นำพรรคเสรีนิยม ภรรยาคนแรกของธอร์ปคือแคโรไลน์ (Caroline) เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ในปี ค.ศ. 1970 มาริออน ธอร์ป ยืนหยัดเคียงข้างสามีของเธอตลอดช่วงเวลาของเรื่องอื้อฉาวธอร์ป (Thorpe affairธอร์ป แอฟแฟร์ภาษาอังกฤษ) ในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ซึ่งเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับการกล่าวหาว่าธอร์ปสมคบคิดเพื่อฆาตกรรมนอร์แมน สก็อตต์ (Norman Scottนอร์แมน สก็อตต์ภาษาอังกฤษ) อดีตคนรักเพศเดียวกันของเขา แม้ว่าเรื่องอื้อฉาวนี้จะสร้างความเสียหายอย่างใหญ่หลวงต่ออาชีพทางการเมืองของธอร์ป แต่มาริออนก็ยังคงให้การสนับสนุนเขาอย่างเต็มที่ ในช่วงกลางทศวรรษ 1980 เจเรมี ธอร์ปได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นโรคพาร์กินสัน ซึ่งทำให้เขามีปัญหาสุขภาพ มาริออน ธอร์ปเองก็มีปัญหาด้านการเคลื่อนไหวในช่วงท้ายของชีวิต แต่เธอก็ยังคงดูแลสามีของเธอจนกระทั่งเธอเสียชีวิต เธอได้รับการถ่ายทอดบทบาทโดยโมนิกา โดลัน (Monica Dolanโมนิกา โดลันภาษาอังกฤษ) ในมินิซีรีส์ทางโทรทัศน์เรื่อง A Very English Scandal (A Very English Scandalอะ เวรี อิงลิช สแกนดัลภาษาอังกฤษ) ซึ่งเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับเรื่องอื้อฉาวของเจเรมี ธอร์ป
5. รางวัลและการยอมรับ
มาริออน ธอร์ป ได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการจากผลงานและการมีส่วนร่วมอันโดดเด่นในวงการดนตรี เธอได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการเครื่องราชอิสริยาภรณ์จักรวรรดิบริติช (CBE: Commander of the Order of the British Empireคอมมานเดอร์ ออฟ ดิ ออร์เดอร์ ออฟ เดอะ บริติช เอ็มไพร์ภาษาอังกฤษ) ในปี ค.ศ. 2008 ในรายชื่อผู้ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ในวันคล้ายวันพระราชสมภพของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 การยกย่องนี้มอบให้แก่เธอเพื่อเชิดชูเกียรติในการบริการด้านดนตรี โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทสำคัญของเธอในการการแข่งขันเปียโนนานาชาติลีดส์
6. การเสียชีวิต
มาริออน ธอร์ป เสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 มีนาคม ค.ศ. 2014 ด้วยวัย 87 ปี การจากไปของเธอเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญของวงการดนตรีและวัฒนธรรมในสหราชอาณาจักร สามีของเธอ เจเรมี ธอร์ป เสียชีวิตในอีกเก้าเดือนต่อมา ในวันที่ 4 ธันวาคม ค.ศ. 2014
7. การประเมินและผลกระทบ
มาริออน สไตน์ หรือ มาริออน ธอร์ป เป็นบุคคลที่มีความสามารถหลากหลายและมีอิทธิพลอย่างมากต่อวงการดนตรีและวัฒนธรรมของสหราชอาณาจักร ชีวิตของเธอสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในศิลปะ การเป็นผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่ง และความยืดหยุ่นในการเผชิญหน้ากับความท้าทายส่วนตัวและสาธารณะ
ในฐานะนักเปียโน เธอได้สร้างรากฐานที่แข็งแกร่งจากการศึกษาที่วิทยาลัยดนตรีรอยัล และพัฒนาไปสู่การเป็นนักแสดงที่มีความสามารถ แต่ผลงานที่โดดเด่นที่สุดของเธอคือการร่วมก่อตั้งการแข่งขันเปียโนนานาชาติลีดส์ ซึ่งไม่เพียงแต่เป็นเวทีสำคัญสำหรับนักเปียโนรุ่นใหม่เท่านั้น แต่ยังเป็นการยกระดับมาตรฐานและชื่อเสียงของดนตรีคลาสสิกในระดับนานาชาติ ความร่วมมือของเธอกับแฟนนี วอเตอร์แมน ในการประพันธ์หนังสือ Piano Lessonsเปียโน เลสเซนส์ภาษาอังกฤษ ยังแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเธอในการส่งเสริมการศึกษาดนตรีและสร้างแรงบันดาลใจให้กับนักเรียน
นอกจากบทบาททางดนตรีแล้ว มาริออนยังเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในฐานะเจ้าของบ้านที่แฮร์วูด เฮาส์ ซึ่งเธอได้ใช้เป็นศูนย์กลางในการจัดกิจกรรมทางวัฒนธรรมและส่งเสริมศิลปะในชุมชนท้องถิ่น ความสัมพันธ์และมิตรภาพของเธอกับบุคคลสำคัญอย่างเบนจามิน บริทเทน ก็เป็นเครื่องยืนยันถึงสถานะของเธอในฐานะบุคคลสำคัญในแวดวงศิลปะ
ในชีวิตส่วนตัว เธอแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งและภักดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการยืนหยัดเคียงข้างเจเรมี ธอร์ป สามีคนที่สองของเธอ ในช่วงเวลาที่เกิดเรื่องอื้อฉาวทางการเมือง แม้จะต้องเผชิญกับแรงกดดันทางสังคมอย่างมหาศาล เธอก็ยังคงให้การสนับสนุนเขาอย่างไม่เปลี่ยนแปลง ซึ่งสะท้อนถึงบุคลิกภาพที่มั่นคงและจิตใจที่เข้มแข็งของเธอ การได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์ผู้บัญชาการเครื่องราชอิสริยาภรณ์จักรวรรดิบริติช (CBEซีบีอีภาษาอังกฤษ) ในช่วงท้ายของชีวิต เป็นการยืนยันถึงผลกระทบเชิงบวกและคุณูปการอันยาวนานของเธอต่อวงการดนตรีและสังคมอังกฤษ