1. ภาพรวม
มันดูอูล ข่าน (ค.ศ. 1438-1479) หรือที่รู้จักในชื่ออื่น ๆ เช่น มันดูอูลู, มันดูลูย์ หรือ มันดูลูยุน (Мандуул хаанภาษามองโกเลีย; 滿都魯Chinese) เป็นข่านแห่งราชวงศ์หยวนเหนือ ทรงครองราชย์ระหว่างปี ค.ศ. 1475 ถึง 1479 แม้ว่าบางแหล่งข้อมูลระบุว่าทรงครองราชย์ถึงปี 1478 พระองค์เป็นที่รู้จักจากการเสริมสร้างอำนาจของตำแหน่งข่านและลดอำนาจของขุนนางลง ซึ่งเป็นการปูทางสำหรับการรวมชาติมองโกลในยุคต่อมาของทายาทบุญธรรมของพระองค์ ทายัน ข่าน (Даян хаанภาษามองโกเลีย) นอกจากนี้ พระองค์ยังเป็นหนึ่งในผู้นำชาวมองโกลยุคแรกที่ปกครองกองพันชาฮาร์ (Chakhar) และมีบทบาทสำคัญในการสร้างเสถียรภาพทางการเมืองของมองโกลหลังช่วงเวลาที่ไม่มีข่าน
2. พระชนม์ชีพ
มันดูอูล ข่านมีพระชนม์ชีพช่วงต้นที่ยากลำบากและมีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญทางการเมืองและการทหารหลายครั้งก่อนที่พระองค์จะขึ้นสู่ตำแหน่งข่าน ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังช่วงสุญญากาศทางอำนาจในมองโกล
2.1. พระชนม์ชีพช่วงต้นและวัยเยาว์
มันดูอูล ข่านประสูติในปี ค.ศ. 1438 แม้ว่าพงศาวดารมองโกลทองคำ และบางแหล่งข้อมูลจากญี่ปุ่นจะระบุว่าประสูติในปี ค.ศ. 1426 แต่แหล่งข้อมูลภาษาญี่ปุ่นเองก็ระบุว่าปี 1426 เป็นการบันทึกที่ผิดพลาดในเอกสารบางฉบับ พระองค์เป็นพระโอรสของอาไจ ไทจิ (Ажаай тайжAjai Taijiภาษามองโกเลีย) และเป็นพระนัดดาของเจ้าชายคาร์กูชุก ดูเรน เตมูร์ ไทจิ (Харгучук Дүрэн Төмөр ТайжKharguchuk Duren Temur Taijiภาษามองโกเลีย) พระราชมารดาของพระองค์เป็นชาวโออิรัต มันดูอูล ข่านเป็นพระอนุชาต่างมารดาของไทซัน ข่าน (Тогтоа Буха Тайсун хаанToghtoa Bukha Taisun Khanภาษามองโกเลีย) และอักบาร์จิน จีนง (Акбаржин Охект хаанAkbarjin Okhekt Khanภาษามองโกเลีย) บางแหล่งข้อมูลยังระบุว่าพระองค์เป็นพระญาติของไทซัน ข่านอีกด้วย
ในวัยเยาว์ มันดูอูล ข่านทรงเป็นกำพร้าและทรงเติบโตภายใต้การคุ้มครองของโตคอน ไทจิในเผ่าโออิรัต เมื่อพระองค์มีพระชนม์ 15 พรรษา (ค.ศ. 1452) มันดูอูลได้เสด็จออกรบพร้อมกับพระเชษฐาคือไทซัน ข่านและอักบาร์จิน จีนง เพื่อเผชิญหน้ากับสี่โออิรัต อย่างไรก็ตาม สงครามครั้งนั้นอักบาร์จิน จีนงได้ทรยศไทซัน ข่าน ทำให้ฝ่ายสี่โออิรัตได้รับชัยชนะ ภายหลังไทซัน ข่านพ่ายแพ้และถูกปลงพระชนม์ในปี ค.ศ. 1452 มันดูอูลได้ลี้ภัยไปยังดินแดนของทายาทของคาชิอูน โดยได้รับการต้อนรับจากเจ้าชายจีหนาน โตโตคาน (脱脱罕TotokhanChinese) ผู้มีพระนามว่าไทจิผู้พิการ
2.2. กิจกรรมช่วงต้นและช่วงเวลาแห่งสุญญากาศทางอำนาจ
ภายหลังการสวรรคตของโมลอน ข่าน (Мөлөн хаанMolon Khanภาษามองโกเลีย) ในปี ค.ศ. 1466 ตำแหน่งข่านแห่งมองโกลยังคงว่างลงเป็นเวลานานเกือบหนึ่งทศวรรษ เนื่องจากเผ่าต่าง ๆ ของมองโกลทำสงครามกันเพื่อแย่งชิงอำนาจ ในช่วงเวลาแห่งสุญญากาศทางอำนาจนี้ บรรดาหัวหน้าเผ่าต่าง ๆ เช่น โมวร์ไค โบโรนาย และโอโรชู เส้าซือ ได้เข้าควบคุมอำนาจแทน
ในช่วงระหว่างปี ค.ศ. 1463 ถึง 1465 มันดูอูล ข่านได้อภิเษกสมรสกับเยเค คาบาร์ทู (Еке Кабарт-туYeke Qabar-tuภาษามองโกเลีย) หรือในภาษาจีนว่าจงจิน (钟金Zhong JinChinese) ซึ่งเป็นธิดาของเบก-อาร์สลัน (Бег-АрсланBeg-Arslanภาษามองโกเลีย) ผู้เป็นไทซือ (太师TaishiChinese) และแม่ทัพจากทูร์ปาน อย่างไรก็ตาม ทั้งสองพระองค์ไม่ทรงโปรดกัน และไม่มีพระโอรสธิดาด้วยกัน ในปี ค.ศ. 1464 พระองค์ได้อภิเษกสมรสกับมันดูไค (МандухайMandukhaiภาษามองโกเลีย) ซึ่งขณะนั้นมีพระชนม์เพียง 16 พรรษา มันดูอูล ข่านยังเป็นผู้นำมองโกลคนแรกสุดที่ทราบกันว่าได้ปกครองกองพันชาฮาร์อย่างแท้จริง
2.3. การขึ้นสู่ตำแหน่งข่าน
ในปี ค.ศ. 1471 มันดูอูลได้ประกาศตนเป็นข่านแห่งมองโกลที่ภูเขาซอร์กอลไฮร์คาน (ЗорголхайрханZorgolkhairkhanภาษามองโกเลีย) หรือบางแหล่งข้อมูลว่าที่คาสคาลันดา การขึ้นครองตำแหน่งข่านอย่างเป็นทางการของมันดูอูล ข่านเกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1475 เมื่อพระองค์ได้รับเลือกให้เป็นข่านแห่งราชวงศ์หยวนเหนืออย่างเป็นทางการ โดยได้รับการสนับสนุนจากเบก-อาร์สลัน ไทจิแห่งเผ่าโออิรัต และกองกำลังในออร์โดส หลังจากการประกาศตน พระองค์ได้นำกองทัพเข้าโจมตีราชวงศ์หมิงที่เมืองเหวยโจว (韋州WeizhouChinese) พร้อมกับบายันเมิงเคะ โบลคู จีนง (Баянмөнх Болху ЖинонгBayanmöngke Bolkhu Jinongภาษามองโกเลีย) ในปี ค.ศ. 1473 แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับหวาง เย่ว์ (王越Wang YueChinese) แม่ทัพของราชวงศ์หมิง และไม่กลับเข้าโจมตีเหอเถาอีกเลย
ในปี ค.ศ. 1475 หลังจากขึ้นครองราชย์ มันดูอูล ข่านได้นำทัพออกปราบปรามโดรัน ไทจิ (Доран ТайжDoran Taijiภาษามองโกเลีย) แห่งทูเมด (ТумедTumedภาษามองโกเลีย) ซึ่งเป็นทายาทของคาชิอูน เพื่อแก้แค้นให้กับการสวรรคตของมาร์กอร์กิส อูเคกต์ตู ข่าน พระองค์ประสบความสำเร็จในการพิชิตเจ็ดเผ่าของทูเมด และแต่งตั้งทูร์เกน (ТурганTurgenภาษามองโกเลีย) เป็นผู้ปกครองคนใหม่ของทูเมด ซึ่งเป็นการปลดแอกทูเมดจากการปกครองของตระกูลคาชิอูน
3. การปกครองและความสำเร็จที่สำคัญ
ในระหว่างการปกครองอันสั้นของพระองค์ มันดูอูล ข่านได้สร้างความสำเร็จที่สำคัญในการเสริมสร้างอำนาจภายในอาณาจักร และมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางการทหารที่หลากหลาย
3.1. การเสริมสร้างอำนาจและการเมืองภายใน
มันดูอูล ข่านประสบความสำเร็จในการเสริมสร้างอำนาจของตำแหน่งข่านและลดทอนอำนาจของขุนนางและเชื้อพระวงศ์ลงอย่างมาก ซึ่งนโยบายนี้เป็นการปูทางและวางรากฐานสำคัญสำหรับการปกครองของทายัน ข่าน (Даян хаанDayan Khanภาษามองโกเลีย) ผู้เป็นพระโอรสบุญธรรมและพระราชปนัดดาของพระองค์ ผู้ซึ่งจะรวมมองโกลให้เป็นปึกแผ่นอีกครั้ง
ในช่วงต้นการปกครองของพระองค์ มันดูอูล ข่านได้พระราชทานตำแหน่งจีนง (Jinong) แก่บายันเมิงเคะ โบลคู จีนง ผู้เป็นพระนัดดาของพระเชษฐาต่างมารดาอักบาร์จิน เพื่อให้ปกครองพื้นที่ทางตะวันตกของมองโกล อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมาความสัมพันธ์ของทั้งสองกลับตึงเครียด ฮงโฮรา (ХонхораHongkholaภาษามองโกเลีย) จากเผ่าฮาลยูชิน ได้พยายามสร้างความแตกแยกระหว่างมันดูอูล ข่านและโบลคู จีนง แม้ว่าฮงโฮราจะถูกประหารชีวิตในตอนแรก แต่อิสมาอิล ไทจิ (ИсмаилIsmailภาษามองโกเลีย) แห่งยองชิเยบู กลับเข้ามาแทรกแซงและจุดชนวนความขัดแย้งอีกครั้ง ทำให้มันดูอูล ข่านทรงเชื่อในที่สุด พระองค์มีพระบัญชาให้อิสมาอิลเข้าโจมตีโบลคู จีนง ซึ่งหลบหนีไปได้ มันดูอูลได้ยึดทรัพย์สินและผู้คนของโบลคู จีนง และได้พระราชทานชิกิล พระพันปีหลวง ซึ่งเป็นพระชายาของโบลคู จีนง ให้แก่อิสมาอิล ไทจิ ความขัดแย้งนี้ส่งผลให้สถานการณ์ทางการเมืองของมองโกลในช่วงปลายรัชสมัยของมันดูอูล ข่านมีความไม่มั่นคงและอำนาจเริ่มตกอยู่ในมือของอิสมาอิลมากขึ้น
3.2. กิจกรรมต่างประเทศและสงคราม
นอกเหนือจากสงครามกับราชวงศ์หมิงในปี ค.ศ. 1473 ซึ่งพระองค์พ่ายแพ้และถอนทัพออกไปจากเหอเถาแล้ว มันดูอูล ข่านยังคงดำเนินกิจกรรมทางการทหารที่สำคัญเพื่อรักษาอำนาจและอิทธิพลในภูมิภาค
- การปราบปรามเผ่าโออิรัตและทูเมด ในปี ค.ศ. 1475 พระองค์ได้นำทัพเข้าโจมตีและเอาชนะโดรัน ไทจิแห่งทูเมด ซึ่งนำไปสู่การพิชิตเจ็ดเผ่าของทูเมดสำเร็จ โดยแต่งตั้งทูร์เกนเป็นผู้ปกครองคนใหม่ของทูเมด เพื่อยุติการครอบงำของตระกูลคาชิอูน
- ความขัดแย้งภายในกับบายันเมิงเคะ โบลคู จีนง ความสัมพันธ์กับบายันเมิงเคะ โบลคู จีนงที่เคยเป็นพันธมิตรกันได้แปรเปลี่ยนเป็นศัตรูเนื่องจากความไม่ไว้วางใจและคำยุยง มันดูอูล ข่านตั้งใจจะปลิดชีพโบลคู จีนง และได้สู้รบกันหลายครั้ง ส่งผลให้พระองค์สวรรคตในการต่อสู้กับโบลคู จีนง
3.3. ปัญหาการสืบราชบัลลังก์และช่วงปลายพระชนม์ชีพ
มันดูอูล ข่านไม่มีพระโอรสโดยตรง บางแหล่งข้อมูลระบุว่าพระองค์ไม่มีพระโอรสธิดาเลย แต่จากข้อมูลอื่น พระองค์มีพระธิดาสองพระองค์กับมันดูไค เซเชน คาทูน ได้แก่ เจ้าหญิงโบร์คูชิน (БорокчинBorokchinภาษามองโกเลีย) และเจ้าหญิงเอชิเก (ЕсигеEsigeภาษามองโกเลีย) ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่นำไปสู่ความขัดแย้งเรื่องการสืบราชบัลลังก์ในช่วงปลายรัชสมัยของพระองค์
ในช่วงปลายพระชนม์ชีพ ความไม่ไว้วางใจที่พระองค์มีต่อบายันเมิงเคะ โบลคู จีนง ผู้ที่เคยได้รับการพิจารณาให้เป็นทายาท ได้นำไปสู่การสู้รบอย่างรุนแรง การสวรรคตของพระองค์ในปี ค.ศ. 1478 หรือ 1479 มีสาเหตุมาจากความขัดแย้งนี้ ซึ่งทำให้สถานการณ์ทางการเมืองของมองโกลยิ่งซับซ้อนยิ่งขึ้น เนื่องจากไม่มีทายาทชายโดยตรงเพื่อสืบทอดบัลลังก์ ซึ่งท้ายที่สุดก็นำไปสู่การที่มันดูไค เซเชน คาทูนต้องตามหาทายัน ข่านมาสืบทอดอำนาจแทน
4. ความสัมพันธ์ในราชวงศ์
มันดูอูล ข่านทรงมีพระชายาหลักสองพระองค์และมีพระธิดา การบริหารจัดการความสัมพันธ์ในราชวงศ์ของพระองค์มีความสำคัญต่อการสืบราชบัลลังก์และพันธมิตรทางการเมือง
- พระชายา
- เยเค คาบาร์ทู (Еке Кабарт-туYeke Qabar-tuภาษามองโกเลีย) หรือในภาษาจีนว่าจงจิน (钟金Zhong JinChinese) และยี่เค่อฮาปาเออร์ฉื่อ พระองค์เป็นธิดาของเบก-อาร์สลัน (Бег-АрсланBeg-Arslanภาษามองโกเลีย) ผู้เป็นไทซือ (太师TaishiChinese) และเจ้าผู้ปกครองจากทูร์ปาน ทั้งสองพระองค์อภิเษกสมรสกันระหว่างปี ค.ศ. 1463 ถึง 1465 อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ของทั้งสองไม่ราบรื่นและไม่มีพระโอรสธิดาร่วมกัน
- มันดูไค เซเชน คาทูน (Мандухай Сэцэн ХатанMandukhai Sechen Khatunภาษามองโกเลีย) หรือในภาษาจีนว่าหมั่นตู่ไห่เช่อเฉิน (满都海彻辰Mandu Hai Che ChenChinese) พระองค์เป็นธิดาของเอินกุน (Enggun) ผู้เป็นอัครมหาเสนาบดี มันดูไคอภิเษกสมรสกับมันดูอูล ข่านในปี ค.ศ. 1464 ขณะที่เธอมีพระชนม์เพียง 16 พรรษา
- พระธิดา
มันดูอูล ข่านและมันดูไค เซเชน คาทูนมีพระธิดาสองพระองค์ ได้แก่
- เจ้าหญิงโบร์คูชิน (БорокчинBorokchinภาษามองโกเลีย) ทรงอภิเษกสมรสกับเบก-อาร์สลัน ไทจิแห่งอุยงกึต
- เจ้าหญิงเอชิเก (ЕсигеEsigeภาษามองโกเลีย) ทรงอภิเษกสมรสกับโฮไซ ทาบูนัน (Хусай ТабунанKhosai Tabunanภาษามองโกเลีย) แห่งเผ่าเชกึต ในมองโกลจิน ทูเมน
- พระโอรสบุญธรรม
เนื่องจากมันดูอูล ข่านไม่มีพระโอรสชายโดยตรง พระองค์จึงได้รับทายัน ข่าน (Даян хаанDayan Khanภาษามองโกเลีย) ซึ่งเป็นพระราชปนัดดา (เหลน) ของพระองค์เอง มาเป็นพระโอรสบุญธรรมและเป็นทายาทผู้สืบทอดตำแหน่ง
5. การสวรรคต
มันดูอูล ข่านสวรรคตในปี ค.ศ. 1478 หรือ 1479 (บางแหล่งข้อมูลระบุปี 1479 โดยระบุว่าสวรรคตเมื่อพระชนม์ 42 พรรษา) สาเหตุหลักของการสวรรคตของพระองค์คือการต่อสู้กับบายันเมิงเคะ โบลคู จีนง ผู้ที่เคยได้รับการพิจารณาให้เป็นทายาท แต่เกิดความขัดแย้งขึ้นในภายหลัง ในปี ค.ศ. 1478 มันดูอูล ข่านพ่ายแพ้ในการรบกับโบลคู จีนงและได้หลบหนีไปพร้อมกับเหล่าข้าราชบริพาร ก่อนที่จะสวรรคตลงจากการสู้รบครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม บางแหล่งข้อมูลกล่าวถึงความเป็นไปได้ว่ามันดูอูล ข่านอาจเป็นผู้สังหารโบลคู จีนงเสียเอง สถานที่ฝังพระศพของมันดูอูล ข่านอยู่ที่มาโก อุนดูรู (Маго УндуруMago Unduruภาษามองโกเลีย)
หลังการสวรรคตของมันดูอูล ข่าน ซึ่งไม่มีทายาทชายโดยตรงที่จะสืบทอดบัลลังก์ มันดูไค เซเชน คาทูนได้เสาะหาและเลือกบาตู เมิงเคะ (Бату МенхBatu Mönkhภาษามองโกเลีย) พระโอรสของโบลคู จีนงที่ถูกสังหาร ซึ่งเป็นเชื้อพระวงศ์ใกล้ชิดกับราชวงศ์ เพื่อขึ้นเป็นข่านองค์ต่อไป ซึ่งต่อมาคือทายัน ข่านผู้ยิ่งใหญ่
6. การประเมินและมรดก
มันดูอูล ข่านได้รับการประเมินจากหลายมุมมองทางประวัติศาสตร์และยังปรากฏในผลงานวัฒนธรรมสมัยนิยม ซึ่งสะท้อนถึงความสำคัญและผลกระทบของพระองค์ต่อประวัติศาสตร์มองโกล
6.1. การประเมินทางประวัติศาสตร์
มันดูอูล ข่านมีบทบาทสำคัญในการสร้างเสถียรภาพทางการเมืองของราชวงศ์หยวนเหนือภายหลังช่วงเวลาแห่งสุญญากาศทางอำนาจที่ยาวนาน การปกครองอันสั้นของพระองค์ได้วางรากฐานสำคัญโดยการเสริมสร้างอำนาจของข่านและลดอำนาจของชนชั้นสูง ซึ่งเป็นแนวทางที่ทายัน ข่านจะนำไปใช้ในการรวมชาติมองโกลในยุคต่อมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม รัชสมัยของพระองค์ก็มีความขัดแย้งภายใน โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับปัญหาการสืบราชบัลลังก์และการต่อสู้กับบายันเมิงเคะ โบลคู จีนง ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่นำไปสู่การสวรรคตของพระองค์ แม้ว่าความขัดแย้งนี้จะทำให้สถานการณ์ทางการเมืองของมองโกลไม่มั่นคงในช่วงปลายรัชสมัยของพระองค์ แต่โดยรวมแล้ว บทบาทของมันดูอูล ข่านถือว่าเป็นการเตรียมความพร้อมที่สำคัญสำหรับการฟื้นฟูและรวมชาติของมองโกลในรัชสมัยทายัน ข่าน
6.2. มันดูอูล ข่านในวัฒนธรรมสมัยนิยม
ชีวิตในช่วงปลายของมันดูอูล ข่านถูกนำไปดัดแปลงเป็นนวนิยายอิงประวัติศาสตร์ในหนังสือเล่มที่หนึ่งและสองของชุด Fractured Empire Saga (ตีพิมพ์ปี ค.ศ. 2021-2022) โดย สตาร์ ซี. เดวีส์ (Starr Z. Davies) ซึ่งประกอบด้วยหนังสือสี่เล่ม ได้แก่ Daughter of the Yellow Dragon, Lords of the Black Banner, Mother of the Blue Wolf และ Empress of the Jade Realm นอกจากนี้ พระองค์ยังปรากฏเป็นตัวละครในนวนิยายอิงประวัติศาสตร์เรื่อง Manduchai ที่เขียนโดยทันยา คินเคิล (Tanja Kinkel) นักเขียนชาวเยอรมนีในปี ค.ศ. 2014