1. ภาพรวม
ฟรานเชสโก สเตฟาโน อันโตนิโอลี (หรือที่รู้จักกันในชื่อเล่นว่า Batmanแบทแมนภาษาอังกฤษ เกิดเมื่อวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 1969) เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวอิตาลีที่เล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู เขาเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่มีประสบการณ์สูงและมีอาชีพค้าแข้งที่ยาวนานในลีกสูงสุดของอิตาลี อันโตนิโอลีเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับมอนซา และตลอดอาชีพของเขาได้เล่นให้กับหลายสโมสรในอิตาลี คว้าแชมป์สำคัญกับมิลาน, โบโลญญา และโรม่า แม้ไม่เคยลงเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่ แต่เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอิตาลีชุดรองแชมป์ยูโร 2000 ในระดับเยาวชน เขาเป็นผู้รักษาประตูคนสำคัญของทีมชาติอิตาลีรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีที่คว้าแชมป์ยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีในปี ค.ศ. 1992 และเข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 1992 ปัจจุบันอันโตนิโอลีได้ผันตัวมาทำหน้าที่เป็นโค้ชผู้รักษาประตู
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
ฟรานเชสโก อันโตนิโอลี มีจุดเริ่มต้นในอาชีพนักฟุตบอลตั้งแต่อายุยังน้อย โดยเริ่มต้นฝึกฝนกับหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของอิตาลี ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพอย่างรวดเร็ว
2.1. การเกิดและช่วงเยาวชน
ฟรานเชสโก สเตฟาโน อันโตนิโอลี เกิดเมื่อวันที่ 14 กันยายน ค.ศ. 1969 ที่เมืองมอนซา ประเทศอิตาลี ด้วยส่วนสูง 1.88 m และน้ำหนัก 82 kg เขาเริ่มต้นพัฒนาฝีเท้าในฐานะผู้รักษาประตูในทีมเยาวชนของสโมสรเอซี มิลาน ซึ่งเป็นสโมสรยักษ์ใหญ่ของอิตาลี ในปี ค.ศ. 1986 เมื่ออายุ 16 ปี อันโตนิโอลีได้ประเดิมสนามในฐานะนักฟุตบอลอาชีพเป็นครั้งแรกกับสโมสรมอนซา ซึ่งเขาถูกยืมตัวไปเล่น โดยเป็นการลงสนามในรายการโคปปาอีตาเลียพบกับยูเวนตุส ซึ่งทีมของเขาพ่ายแพ้ไป 0-1 ในช่วงเวลาที่อยู่กับมอนซา เขามีโอกาสเล่นเคียงข้างกับนักฟุตบอลที่มีชื่อเสียงอย่างปิแอร์ลุยจิ กาซิรากี และอาเลสซันโดร กอสตาคูร์ตา
3. อาชีพค้าแข้งกับสโมสร
อาชีพค้าแข้งของฟรานเชสโก อันโตนิโอลีครอบคลุมหลายสโมสรสำคัญในอิตาลี ซึ่งเขาได้สร้างผลงานและคว้าถ้วยรางวัลมากมาย ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่โดดเด่นในยุคของเขา
3.1. อาชีพช่วงต้น (มอนซา, การยืมตัว และสโมสรอื่น ๆ)
หลังจากประเดิมสนามอาชีพกับมอนซาในปี ค.ศ. 1986 อันโตนิโอลีได้ย้ายมาร่วมทีมมิลานในปี ค.ศ. 1988 ขณะที่อายุเกือบ 19 ปี ในฤดูกาล 1988-89 เขาได้ประเดิมสนามให้กับมิลานในรายการโคปปาอีตาเลีย โดยเป็นเกมที่มิลานเอาชนะลาซิโอ 2-1 เมื่อวันที่ 3 กันยายน ค.ศ. 1988 อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาล 1989-90 เขายังไม่ได้รับโอกาสลงสนามในเกมการแข่งขันอย่างเป็นทางการเลย และในปี ค.ศ. 1990 อันโตนิโอลีถูกยืมตัวไปเล่นกับเชเซนา แต่ไม่ได้รับโอกาสลงสนามเลยภายใต้การคุมทีมของมาร์เชลโล ลิปปี จึงถูกยืมตัวต่อไปยังโมเดนาแทน ที่โมเดนา เขาได้ลงสนาม 30 นัดและมีฤดูกาลที่ดี หลังจากนั้นเขากลับมายังมิลานในฤดูกาล 1991-92 ในฐานะผู้รักษาประตูสำรองของเซบาสเตียโน รอสซี เขาได้ประเดิมสนามในเซเรียอาครั้งแรกกับมิลานเมื่อวันที่ 18 เมษายน ค.ศ. 1992 ในเกมที่เอาชนะคู่ปรับร่วมเมืองอินเตอร์ 1-0 จากนั้นเขาก็ถูกยืมตัวอีกครั้งไปยังปีซาในฤดูกาล 1993-94 ซึ่งเขาลงเล่นไป 26 นัด ก่อนจะย้ายไปเล่นให้กับเรจจิอานาในฤดูกาล 1994-95 โดยลงสนามไป 30 นัด
3.2. เอซี มิลาน
อันโตนิโอลีเป็นส่วนหนึ่งของทีมเอซี มิลานในช่วงปี ค.ศ. 1988 ถึง 1994 ซึ่งเป็นยุคทองของสโมสร แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นตัวเลือกแรกอย่างสม่ำเสมอเนื่องจากการแข่งขันเพื่อแย่งตำแหน่งกับเซบาสเตียโน รอสซี อย่างไรก็ตาม อันโตนิโอลีได้รับโอกาสลงสนามในฐานะผู้รักษาประตูตัวจริงในช่วงต้นฤดูกาล 1992-93 และมีส่วนช่วยให้มิลานคว้าแชมป์ซูเปอร์โคปปาอีตาเลียนาในปี ค.ศ. 1992 โดยเอาชนะปาร์มา 2-1 แต่ด้วยข้อผิดพลาดบางอย่าง รวมถึงการรับบอลพลาดในเกมDerby della Madonninaเดร์บีเดลลามาดอนนีนาภาษาอิตาลี หรือที่รู้จักกันในชื่อ มิลานดาร์บี ที่ทำให้ลุยจิ เด อะกอสตีนีทำประตูได้อย่างง่ายดาย ทำให้เซบาสเตียโน รอสซีกลับมายึดตำแหน่งตัวจริงได้อีกครั้ง อันโตนิโอลีลงสนามให้มิลานเป็นนัดสุดท้ายเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน ค.ศ. 1992 ในเกมเซเรียอาที่บุกไปชนะยูเวนตุส 1-0 โดยรวมแล้วเขาลงสนามให้มิลานไปทั้งหมด 27 นัด
ในช่วงเวลาที่อยู่กับเอซี มิลาน อันโตนิโอลีมีส่วนร่วมกับความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของสโมสร โดยเฉพาะการคว้าแชมป์สำคัญต่าง ๆ ได้แก่:
- เซเรียอา 2 สมัย: 1991-92, 1992-93
- ยูโรเปียนคัพ 2 สมัย: 1988-89, 1989-90
- อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ 2 สมัย: 1989, 1990
- ยูโรเปียนซูเปอร์คัพ 2 สมัย: 1989, 1990
- ซูเปอร์โคปปาอิตาเลียนา 3 สมัย: 1988, 1992, 1993
นอกจากนี้ ทีมมิลานในฤดูกาล 1992-93 ยังสามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกได้อีกด้วย
3.3. โบโลญญา เอฟซี 1909 (ช่วงแรก)
ในปี ค.ศ. 1995 อันโตนิโอลีย้ายไปร่วมทีมโบโลญญา และได้กลายเป็นผู้รักษาประตูตัวจริงของสโมสรอย่างแท้จริง ยกเว้นในฤดูกาล 1997-98 ที่เขาเป็นตัวสำรองของจอร์โจ สเตร์เคเล เขามีส่วนสำคัญในการช่วยให้โบโลญญาคว้าแชมป์เซเรียบีในฤดูกาล 1995-96 และเลื่อนชั้นกลับสู่เซเรียอาได้สำเร็จ หลังจากนั้น อันโตนิโอลีได้ช่วยให้โบโลญญาคว้าแชมป์ยูฟ่าอินเตอร์โตโตคัพในปี ค.ศ. 1998 และยังพาทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในรายการยูฟ่าคัพและโคปปาอีตาเลียในฤดูกาล 1998-99 ด้วยผลงานที่โดดเด่นนี้ เขาลงสนามให้โบโลญญาในช่วงแรกไปทั้งหมด 103 นัด
3.4. เอเอส โรม่า
ในปี ค.ศ. 1999 อันโตนิโอลีย้ายไปร่วมทีมโรม่าด้วยค่าตัว 10.00 B ITL เขาได้กลับมาร่วมงานกับผู้จัดการทีมฟาบีโอ กาเปลโลอีกครั้ง และกลายเป็นผู้รักษาประตูตัวจริงที่สำคัญของทีม ในฤดูกาล 2000-01 อันโตนิโอลีมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้โรม่าคว้าแชมป์เซเรียอา (หรือที่รู้จักกันในชื่อ Scudettoสคูเด็ตโต้ภาษาอิตาลี) มาครองได้สำเร็จ ซึ่งเป็นแชมป์ลีกครั้งแรกของสโมสรในรอบ 18 ปี นอกจากนี้ เขายังช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ซูเปอร์โคปปาอีตาเลียนาในปี ค.ศ. 2001 และเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศโคปปาอีตาเลียในปี ค.ศ. 2003 ในช่วงเวลาที่อยู่กับโรม่า เขาลงสนามไปทั้งหมด 102 นัด
3.5. ยูซี ซามพ์โดเรีย
ในฤดูร้อนปี ค.ศ. 2003 อันโตนิโอลีย้ายไปร่วมทีมซามพ์โดเรียแบบไม่มีค่าตัว เขาใช้เวลาสามฤดูกาลกับสโมสรนี้ โดยยังคงรักษามาตรฐานการเล่นในฐานะผู้รักษาประตูมากประสบการณ์ ในช่วงฤดูกาล 2006-07 ด้วยการก้าวขึ้นมาของลูก้า กาสเตลลัซซี ทำให้บทบาทของอันโตนิโอลีลดลง และเขาก็ตัดสินใจย้ายออกจากทีม เขาลงสนามให้ซามพ์โดเรียไปทั้งหมด 104 นัด
3.6. โบโลญญา เอฟซี 1909 (ช่วงที่สอง)
หลังจากออกจากซามพ์โดเรีย อันโตนิโอลีได้กลับไปร่วมทีมโบโลญญาอีกครั้งในปี ค.ศ. 2006 ด้วยสัญญาไม่มีค่าตัว ในช่วงปี ค.ศ. 2008 เขามีส่วนสำคัญอย่างมากในการพาทีมโบโลญญาคว้าแชมป์เซเรียบีอีกครั้งและเลื่อนชั้นสู่เซเรียอาได้สำเร็จ หลังจากจบฤดูกาล 2008-09 อันโตนิโอลีก็ถูกปล่อยตัวออกจากทีม และเอมีเลียโน วีวีอาโนผู้รักษาประตูทีมชาติอิตาลีรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ได้เข้ามาแทนที่เขา อันโตนิโอลีลงสนามให้โบโลญญาในการกลับมาครั้งที่สองนี้ไปทั้งหมด 119 นัด
3.7. เอซี เชเซนา
ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2009 อันโตนิโอลีย้ายไปร่วมทีมเชเซนา ซึ่งเป็นทีมน้องใหม่ในเซเรียบี เขาเข้ามาเป็นผู้รักษาประตูตัวจริงของทีม โดยแทนที่นิโกลา ราวายเลียที่ถูกส่งไปเล่นในลีกที่ต่ำกว่า และเป็นตัวเลือกแรกเหนือมีเกเล ตาร์ดีโอลี อันโตนิโอลีมีบทบาทสำคัญในการพาทีมเชเซนาประสบความสำเร็จในการเลื่อนชั้นติดต่อกันเป็นปีที่สองในฤดูกาล 2010 ทำให้เขาได้รับโอกาสกลับมาเล่นในเซเรียอาอีกครั้งเมื่ออายุ 41 ปีในฤดูกาล 2010-11 ทีมรอดพ้นจากการตกชั้นได้สำเร็จโดยจบอันดับที่ 15 และเขาได้รับข้อเสนอสัญญาฉบับใหม่เป็นเวลา 1 ปี แม้จะประสบความสำเร็จส่วนตัว แต่เมื่อเชเซนาตกชั้นสู่เซเรียบีเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2011-12 เขาจึงตัดสินใจแขวนถุงมือและยุติอาชีพนักฟุตบอลอาชีพอย่างเป็นทางการ ทำให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลที่อายุมากที่สุดที่ลงเล่นในเซเรียอาจนกระทั่งทีมของเขาตกชั้น เขาลงสนามให้เชเซนาไปทั้งหมด 106 นัด ตลอดอาชีพค้าแข้งของเขา อันโตนิโอลีลงสนามรวมทั้งหมด 656 นัด
4. อาชีพกับทีมชาติ
แม้จะไม่เคยมีโอกาสลงเล่นให้ทีมชาติชุดใหญ่ แต่ฟรานเชสโก อันโตนิโอลีก็มีประสบการณ์ในระดับทีมชาติในระดับเยาวชนและเคยถูกเรียกติดทีมชาติชุดใหญ่ในทัวร์นาเมนต์สำคัญ
4.1. ทีมชาติอิตาลีรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี และทีมโอลิมปิก
อันโตนิโอลีเป็นผู้รักษาประตูตัวจริงของทีมชาติอิตาลีรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีที่คว้าแชมป์ยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปีในปี ค.ศ. 1992 เขาลงสนามให้ทีมชุดนี้ไปทั้งหมด 23 นัด นอกจากนี้ เขายังเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอิตาลีที่เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 1992 โดยลงสนามไป 6 นัด
4.2. ทีมชาติอิตาลีชุดใหญ่
อันโตนิโอลีไม่เคยประเดิมสนามให้กับทีมชาติชุดใหญ่ แต่เขาถูกเรียกติดทีมชาติอิตาลีชุดที่เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศและเป็นรองแชมป์ยูโร 2000 โดยทำหน้าที่เป็นผู้รักษาประตูมือสามรองจากจานลุยจี บุฟฟอนและฟรานเชสโก โตลโด อย่างไรก็ตาม ไม่กี่วันก่อนเริ่มการแข่งขันยูโร 2000 จานลุยจี บุฟฟอนได้รับบาดเจ็บในการแข่งขันอุ่นเครื่อง ทำให้บทบาทของอันโตนิโอลีเลื่อนขึ้นมาเป็นผู้รักษาประตูมือสองแทน และคริสเตียน อับบีอาติถูกเรียกเข้ามาติดทีมเพื่อแทนที่บุฟฟอนในฐานะมือสาม
5. รูปแบบการเล่น
ฟรานเชสโก อันโตนิโอลีได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้รักษาประตูที่มีประสบการณ์และมีอำนาจในการสั่งการในกรอบเขตโทษ ในช่วงวัยหนุ่มเขาได้รับการพิจารณาว่าเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่มีพรสวรรค์และอนาคตไกลที่สุดของอิตาลี แม้ว่านักวิจารณ์บางคนจะมองว่าเขาไม่สามารถแสดงศักยภาพสูงสุดออกมาได้เต็มที่เนื่องจากอาการบาดเจ็บหลายครั้งและลักษณะนิสัยส่วนตัว อันโตนิโอลีมีรูปแบบการเล่นที่สง่างาม โดดเด่นด้วยความสามารถในการหยุดลูกยิง ปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็ว และเทคนิคการรักษาประตูที่ยอดเยี่ยม ทำให้เขาสามารถสร้างการเซฟที่น่าตื่นตาตื่นใจ มีความเด็ดขาด และมีสไตล์ อย่างไรก็ตาม สไตล์การรักษาประตูของเขาโดยรวมแล้วเน้นประสิทธิภาพเป็นหลัก และได้รับแรงบันดาลใจจากโจวันนี กัลลี ซึ่งเป็นผู้เล่นต้นแบบของเขา อันโตนิโอลีเป็นที่รู้จักจากความสามารถในการป้องกันลูกโทษ โดยสามารถเซฟได้ถึง 14 ครั้งจากการลงสนาม 416 นัดระหว่างปี ค.ศ. 1992 ถึง 2012 ทำให้เขาครองสถิติร่วมกับสเตฟาโน ซอร์เรนตีโนในการเป็นผู้รักษาประตูที่เซฟลูกโทษได้มากที่สุดเป็นอันดับเจ็ดในประวัติศาสตร์เซเรียอา
6. อาชีพผู้ฝึกสอน
หลังจากแขวนถุงมือในปี ค.ศ. 2012 ฟรานเชสโก อันโตนิโอลีได้ผันตัวมาทำงานในสายอาชีพผู้ฝึกสอน โดยเริ่มเป็นโค้ชผู้รักษาประตูให้กับเชเซนาตั้งแต่ฤดูกาล 2013 และหลังจากสโมสรถูกยุบในปี ค.ศ. 2018 เขาก็ได้ทำหน้าที่โค้ชผู้รักษาประตูให้กับเชเซนา เอฟซี (สโมสรที่ก่อตั้งขึ้นใหม่) ระหว่างปี ค.ศ. 2018 ถึง 2019
7. เกียรติประวัติและรางวัล
เกียรติประวัติและรางวัลที่ฟรานเชสโก อันโตนิโอลีได้รับตลอดอาชีพค้าแข้งมีดังนี้:
; สโมสร
- มิลาน
- เซเรียอา: 1991-92, 1992-93
- ยูโรเปียนคัพ: 1988-89, 1989-90
- อินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ: 1989, 1990
- ยูโรเปียนซูเปอร์คัพ: 1989, 1990
- ซูเปอร์โคปปาอิตาเลียนา: 1988, 1992, 1993
- โบโลญญา
- เซเรียบี: 1995-96
- ยูฟ่าอินเตอร์โตโตคัพ: 1998
- โรม่า
- เซเรียอา: 2000-01
- ซูเปอร์โคปปาอิตาเลียนา: 2001
; ทีมชาติ
- อิตาลี
- รองชนะเลิศ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป: 2000
; เครื่องราชอิสริยาภรณ์
ภาพเครื่องราชอิสริยาภรณ์คุณธรรมแห่งสาธารณรัฐอิตาลี - ชั้นที่ 5 / อัศวิน: Cavaliere Ordine al Merito della Repubblica Italianaคาวาลิเอเร ออร์ดีเน อัล เมรีโต เดลลา เรปุบลิกา อีตาเลียนาภาษาอิตาลี (หรือที่รู้จักกันในชื่อ เครื่องอิสริยาภรณ์คุณธรรมแห่งสาธารณรัฐอิตาลี): ค.ศ. 2000