1. ช่วงต้นชีวิตและการศึกษา
นิก อับดุล อาซิซ บิน นิก มัต มีชีวิตช่วงต้นที่เรียบง่ายและมุ่งเน้นการศึกษาศาสนาอย่างลึกซึ้ง ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสำหรับบทบาทในอนาคตของเขาในฐานะผู้นำทางศาสนาและการเมือง
1.1. การเกิดและภูมิหลังครอบครัว
นิก อับดุล อาซิซ เกิดเมื่อวันที่ 10 มกราคม ค.ศ. 1931 ที่กัมปุงปูเลาเมอลากา ในโกตาบารู รัฐกลันตัน ซึ่งขณะนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของมาลายาของอังกฤษ เขาเป็นบุตรคนที่สองจากพี่น้องเก้าคน และได้รับการเลี้ยงดูโดยบิดาเพียงลำพัง (ต็อก กูรา) ซึ่งมีอาชีพเป็นช่างตีเหล็ก ครอบครัวของเขามีพื้นเพมาจากหมู่บ้านธรรมดาและใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย
1.2. การศึกษาทางศาสนาและวิชาการ
การศึกษาด้านอิสลามของนิก อับดุล อาซิซ เริ่มต้นขึ้นในโรงเรียนสอนศาสนาแบบดั้งเดิมที่เรียกว่า ปอเนาะ ในรัฐกลันตันและรัฐตรังกานู ซึ่งเป็นรากฐานที่มั่นคงในความรู้ศาสนาอิสลาม หลังจากนั้น เขาได้เดินทางไปศึกษาต่อที่ดารุลอุลูมเดโอบันด์ในรัฐอุตตรประเทศ ประเทศอินเดีย เป็นเวลาห้าปี
ต่อมา เขาได้ศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาที่มหาวิทยาลัยอัลอัซฮัร ประเทศอียิปต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสถาบันการศึกษาอิสลามที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก ที่นั่นเขาได้รับปริญญาศิลปศาสตรบัณฑิตสาขาภาษาอาหรับศึกษา และศิลปศาสตรมหาบัณฑิตสาขานิติศาสตร์อิสลาม (อุศูลุลฟิกฮ์) ในระหว่างที่ศึกษาอยู่ในมหาวิทยาลัย เขาเป็นหนึ่งในพยานและพลเมืองที่อาศัยอยู่ในช่วงที่เกิดความขัดแย้งอาหรับ-อิสราเอลอย่างรุนแรง
หลังจากสำเร็จการศึกษาจากอียิปต์ นิก อับดุล อาซิซ กลับมาทำงานเป็นครูสอนศาสนาในโรงเรียนสอนศาสนาหลายแห่งในรัฐกลันตัน รวมถึงปอเนาะของบิดาเขาด้วย จากนั้นเขาก็เริ่มสอนในมัสยิดและปอเนาะต่างๆ ทั่วรัฐกลันตันและรัฐอื่นๆ ทำให้เขากลายเป็นนักวิชาการอิสลามที่ได้รับการยกย่องและได้รับสมญานามว่า "ตกกูรู" ซึ่งหมายถึง "อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญ" ในภาษามาเลย์ แม้จะดำรงตำแหน่งทางการเมือง เขาก็ยังคงสอนศาสนาอย่างสม่ำเสมอ โดยมักเป็นอิหม่ามนำละหมาดซุบฮ์และบรรยายสั้นๆ ที่มัสยิดใกล้บ้านเกือบทุกเช้า
นอกจากนี้ เขายังมีความสามารถในการสื่อสารได้หลายภาษา ได้แก่ ภาษาอาหรับ, ภาษาอูรดู, ภาษาอังกฤษ และภาษาทมิฬ อย่างไรก็ตาม โมฮัมหมัด นอร์ อิดริส อดีตเพื่อนร่วมงานใกล้ชิดและอดีตผู้บริหารพรรค PAS ซึ่งภายหลังเข้าร่วมกับพรรคองค์การมลายูรวมแห่งชาติ (UMNO) ได้ตั้งคำถามถึงความสามารถทางภาษาอาหรับของนิก อับดุล อาซิซ โดยกล่าวหาว่าเขาแปลอัลกุรอานและหะดีษโดยไม่มีการอ้างอิงและตามอำเภอใจ รวมถึงการตีความอัสมาอุลฮุสนา 99 พระนามของอัลลอฮ์
2. อาชีพทางการเมือง
นิก อับดุล อาซิซ บิน นิก มัต มีอาชีพทางการเมืองที่ยาวนานและมีอิทธิพลอย่างมาก โดยเริ่มต้นจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุดในระดับรัฐในฐานะเมินเตอรีเบอซาร์แห่งรัฐกลันตัน
2.1. การเข้าสู่พรรค PAS และกิจกรรมช่วงต้น
นิก อับดุล อาซิซ เข้าร่วมพรรคอิสลามแห่งมาเลเซีย (PAS) ในปี ค.ศ. 1967 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางอาชีพทางการเมืองที่กินเวลานานถึง 48 ปี ในปีเดียวกันนั้นเอง เขาได้ลงสมัครรับเลือกตั้งซ่อมและชนะที่นั่งในรัฐสภาสำหรับเขตกลันตันฮีลีร์ และดำรงตำแหน่งนี้ (ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นเปิงกาลันเจอปา) จนถึงปี ค.ศ. 1986
ในปี ค.ศ. 1982 เขาเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวของสมาชิกพรรค PAS รุ่นหนุ่มที่ต้องการนำการเปลี่ยนแปลงมาสู่ความเป็นผู้นำของพรรค หลังจากที่พรรค PAS พ่ายแพ้การเลือกตั้งในรัฐกลันตันในปี ค.ศ. 1978 นิก อับดุล อาซิซ ในฐานะกรรมาธิการรัฐของพรรค ได้เริ่มตั้งคำถามถึงความเป็นผู้นำของประธานพรรค อัซรี มูดา ท้ายที่สุด ในการประชุม มุกตะมาร์ (สมัชชาใหญ่) ของพรรค PAS ในปีนั้น อัซรีก็ถูกบังคับให้ลาออก
2.2. การทำงานในรัฐสภา
ตลอดอาชีพทางการเมืองของเขา นิก อับดุล อาซิซ ได้รับเลือกเป็นสมาชิกรัฐสภามาเลเซียสำหรับเขตกลันตันฮีลีร์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1967 ถึง ค.ศ. 1974 และสำหรับเขตเปิงกาลันเจอปาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1974 ถึง ค.ศ. 1986 บทบาทของเขาในสภากลางของประเทศทำให้เขามีโอกาสมีส่วนร่วมในการอภิปรายและกำหนดนโยบายในระดับชาติ แม้ว่าภายหลังเขาจะมุ่งเน้นไปที่การเมืองระดับรัฐมากขึ้น
2.3. การดำรงตำแหน่งมุขมนตรีรัฐกลันตัน
หลังจากถอยห่างจากการเมืองระดับสหพันธรัฐ นิก อับดุล อาซิซ ได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภารัฐกลันตันในการเลือกตั้งทั่วไปปี ค.ศ. 1986 และในปี ค.ศ. 1990 พรรค PAS ก็สามารถยึดการควบคุมรัฐกลันตันกลับคืนมาจากพรรคแนวร่วมแห่งชาติได้สำเร็จ ในฐานะผู้นำพรรคในรัฐ นิก อับดุล อาซิซ จึงได้ดำรงตำแหน่งเมินเตอรีเบอซาร์แห่งรัฐกลันตันตั้งแต่วันที่ 22 ตุลาคม ค.ศ. 1990 จนถึงวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 นับเป็นระยะเวลากว่า 23 ปี
ในระหว่างดำรงตำแหน่ง รัฐบาลของนิก อับดุล อาซิซ ได้รับเลือกตั้งกลับมาอีกสี่ครั้ง (ค.ศ. 1995, 1999, 2004, 2008) การบริหารงานของเขาในรัฐกลันตันมักมีความขัดแย้งกับบทบาทของอิสลามในมาเลเซียกับนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นอย่างมาฮาดีร์ โมฮามัด ซึ่งแตกต่างจากพรรค UMNO ที่เป็นพรรครัฐบาลซึ่งมีนโยบายแบ่งแยกเชื้อชาติ นิก อับดุล อาซิซ ได้ปฏิเสธการเมืองแบบแบ่งแยกชุมชนอย่างเปิดเผย
ในฐานะเมินเตอรีเบอซาร์ เขาเป็นที่รู้จักในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริตและความถ่อมตน มีเรื่องเล่าว่าในการเลือกตั้งปี ค.ศ. 2008 คู่แข่งจากพรรคแนวร่วมแห่งชาติ (BN) คือ นิก โมฮัมหมัด ไซน์ โอมาร์ ลืมเซ็นชื่อในแบบฟอร์มการเสนอชื่อ ทำให้เขาอาจชนะโดยไม่มีคู่แข่ง แต่นิก อับดุล อาซิซ ไม่ต้องการชนะด้วยวิธีนั้น และขอให้คู่แข่งเซ็นชื่อในแบบฟอร์มการเสนอชื่ออีกครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงบุคลิกที่ยึดหลักการและไม่ต้องการชัยชนะที่ได้มาโดยไม่ชอบธรรม
2.4. ผู้นำทางจิตวิญญาณของ PAS
ในปี ค.ศ. 1991 นิก อับดุล อาซิซ ได้สืบทอดตำแหน่ง มูร์ชีดุลอัม หรือผู้นำทางจิตวิญญาณของพรรค PAS ต่อจากยูซฟ ราวา และดำรงตำแหน่งนี้จนกระทั่งเสียชีวิตในปี ค.ศ. 2015 ในฐานะผู้นำทางจิตวิญญาณ เขามีอิทธิพลอย่างมากต่ออุดมการณ์และทิศทางของพรรค PAS โดยเป็นผู้ชี้นำแนวคิดทางศาสนาและศีลธรรมให้กับพรรค
2.5. พันธมิตรทางการเมืองและจุดยืน
นิก อับดุล อาซิซ ได้รับการสนับสนุนจากผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมจำนวนมากในมาเลเซีย และมีบทบาทสำคัญในการเพิ่มความนิยมของพรรค PAS ในหมู่ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิม เขาเชื่อมั่นในการทำงานร่วมกับพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อประโยชน์ของประชาชน โดยเข้าร่วมในรัฐบาลผสมต่างๆ เช่น บารีซันอัลเตอนาติฟ (Barisan Alternatif) และปากาตันรักยัต (Pakatan Rakyat)
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2013 นิก อับดุล อาซิซ ได้กล่าวต่อสาธารณชนอย่างชัดเจนว่า ตราบใดที่เขายังมีชีวิตอยู่ เขาจะไม่ยินยอมให้มีการร่วมมือใดๆ ระหว่างองค์การมลายูรวมแห่งชาติ (UMNO) กับพรรค PAS อย่างไรก็ตาม ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2019 เมื่อพรรค PAS และ UMNO ได้ลงนามในกฎบัตรพันธมิตรอย่างเป็นทางการที่เรียกว่า มูอาฟากัตนาซิออนัล (Muafakat Nasional) อับดุล ฮาดี อาวัง ประธานพรรค PAS ได้อ้างว่านิก อับดุล อาซิซ ได้ให้ความยินยอมในความร่วมมือดังกล่าวแล้วในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่
3. แนวคิดและปรัชญา
แนวคิดและปรัชญาของนิก อับดุล อาซิซ บิน นิก มัต สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการนำหลักการอิสลามมาประยุกต์ใช้ในการปกครอง พร้อมกับจุดยืนที่ก้าวหน้าในประเด็นทางสังคมและเชื้อชาติ
3.1. การปกครองแบบอิสลามและกฎหมายชะรีอะฮ์
นิก อับดุล อาซิซ เป็นผู้สนับสนุนหลักในการสร้างรัฐอิสลามและนำหลักการศาสนาอิสลามมาใช้ในการบริหารประเทศอย่างเคร่งครัด เขายืนหยัดอย่างหนักแน่นในการบังคับใช้กฎหมายชะรีอะฮ์สำหรับชาวมุสลิมทุกคนในมาเลเซีย ซึ่งเป็นจุดยืนที่ทำให้เขาได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากบางกลุ่ม
3.2. ท่าทีต่อประเด็นทางสังคมและเชื้อชาติ
แม้จะมีจุดยืนที่เคร่งครัดในด้านศาสนา แต่ นิก อับดุล อาซิซ กลับมีมุมมองที่ก้าวหน้าทางสังคมและเชื้อชาติ ซึ่งแตกต่างจากผู้นำพรรค PAS คนอื่นๆ และพรรคการเมืองกระแสหลักที่มักเน้นการแบ่งแยกเชื้อชาติ เขาปฏิเสธการเมืองแบบแบ่งแยกชุมชนอย่างเปิดเผย และพยายามดึงดูดฐานเสียงที่ไม่ใช่ชาวมลายูและไม่ใช่มุสลิม ซึ่งส่งผลให้พรรค PAS ได้รับความนิยมในหมู่คนกลุ่มนี้มากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
เขามีทัศนคติที่เปิดกว้างต่อชนกลุ่มน้อยและกลุ่มเปราะบางในสังคม โดยเชื่อว่าหลักการอิสลามที่แท้จริงคือความยุติธรรมและความเท่าเทียมกันสำหรับทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติหรือศาสนาใด จุดยืนนี้ทำให้เขาสามารถสร้างพันธมิตรกับพรรคการเมืองที่มีแนวคิดเสรีนิยมและพหุวัฒนธรรมได้ เช่น ในช่วงที่พรรค PAS เข้าร่วมกับกลุ่มปากาตันรักยัต
4. ข้อขัดแย้งและคำวิพากษ์วิจารณ์
ตลอดชีวิตทางการเมือง นิก อับดุล อาซิซ บิน นิก มัต เผชิญกับข้อขัดแย้งและคำวิพากษ์วิจารณ์หลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับคำกล่าวและนโยบายที่เกี่ยวข้องกับประเด็นทางสังคม ศาสนา และการเมือง
4.1. คำกล่าวเกี่ยวกับสตรีและประเด็นทางเพศ
นิก อับดุล อาซิซ ได้รับคำวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากมุมมองที่แข็งกร้าวเกี่ยวกับสิทธิสตรีและประเด็นทางเพศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคำกล่าวของเขาที่ก่อให้เกิดความไม่พอใจในวงกว้าง:
- ในปี ค.ศ. 1999 เขาเคยกล่าวว่า "สตรีที่มีความงามไม่ควรเข้าสู่ตำแหน่งราชการ" โดยให้เหตุผลว่า "สตรีที่มีรูปร่างหน้าตาสวยงามตามพรของพระเจ้า มักจะแต่งงานกับสามีที่ร่ำรวยอยู่แล้ว แม้จะไม่มีอาชีพก็ตาม" และ "ควรให้โอกาสที่เท่าเทียมกันแก่สตรีที่หน้าตาไม่ดี" คำกล่าวนี้ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงจากกลุ่มสิทธิสตรีในมาเลเซีย เช่น "ภคินีมุสลิม" (Sisters in Islam) ซึ่งเรียกร้องให้เขายกเลิกมุมมองที่มองว่าผู้หญิงเป็นเพียงวัตถุทางเพศ
- ระหว่างปี ค.ศ. 1998 ถึง ค.ศ. 2005 รัฐบาลของเขาในรัฐกลันตันได้ประกาศให้การแสดงสาธารณะและความบันเทิงเป็นสิ่งผิดกฎหมาย โดยเขาให้เหตุผลว่า "ผู้หญิงถูกเอารัดเอาเปรียบโดยผู้ที่แสวงหาผลประโยชน์จากพวกเธอ" และ "อิสลามห้ามการบันเทิงที่ทำให้จิตใจเสื่อมเสีย" แม้ว่าในเดือนกันยายน ค.ศ. 2005 จะมีการอนุญาตให้ผู้ชายแสดงได้ แต่ผู้หญิงยังคงถูกจำกัด
- ในปี ค.ศ. 2003 เขาเคยกล่าวว่า "ผู้หญิงจะมีความเสี่ยงที่จะถูกข่มขืนน้อยลง หากพวกเธอเลิกใช้ลิปสติกและน้ำหอม" และยังเคยกล่าวว่า "ผู้หญิงที่แต่งกายทันสมัยและเซ็กซี่สมควรที่จะถูกข่มขืน" ซึ่งสร้างความไม่พอใจอย่างมาก
- เขายังเคยสั่งห้ามการเล่นสนุกเกอร์เป็นเวลา 15 ปีในรัฐกลันตัน
4.2. คำกล่าวทางศาสนาและการเมือง
นิก อับดุล อาซิซ ยังมีคำกล่าวทางศาสนาและการเมืองหลายครั้งที่ก่อให้เกิดข้อถกเถียง:
- ประเด็น "อัลลอฮ์"**: ในปี ค.ศ. 2012 เกิดข้อพิพาทเกี่ยวกับการที่ชาวคาทอลิกในมาเลเซียใช้คำว่า "อัลลอฮ์" ซึ่งเป็นคำภาษาอาหรับสำหรับ "พระเจ้า" ในคัมภีร์ไบเบิลของพวกเขา ในตอนแรก นิก อับดุล อาซิซ กล่าวว่าผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมสามารถใช้คำว่า "อัลลอฮ์" ได้ เนื่องจากคำนี้มีต้นกำเนิดมาก่อนศาสนาอิสลาม อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้สร้างความปั่นป่วนในชุมชนมุสลิม และพรรค PAS เกือบจะแตกออกเป็นสองฝ่าย เพื่อรักษาความเป็นเอกภาพของพรรค นิก อับดุล อาซิซ จึงต้องถอนคำพูดและไม่ยอมรับให้ผู้ที่ไม่ใช่มุสลิมใช้คำว่า "อัลลอฮ์"
- การวิพากษ์วิจารณ์พรรค UMNO**: ในการประชุมมุกตะมาร์ของพรรค PAS ปี ค.ศ. 2012 นิก อับดุล อาซิซ ได้กล่าวหาพรรคองค์การมลายูรวมแห่งชาติ (UMNO) ว่าเป็นมุรตัด (ผู้ละทิ้งศาสนา) เนื่องจากปฏิเสธและดูหมิ่นอิสลามในนโยบายของพรรค เขากล่าวว่า "เมื่อ UMNO ทิ้งอิสลามออกจากหลักการชีวิตของพวกเขา แล้ว UMNO นับถือศาสนาอะไร? ศาสนาอิสลามคืออัลกุรอาน เมื่อ UMNO ปฏิเสธอิสลามในนโยบายพรรค แล้วพวกเขาเป็นคริสเตียน พุทธ หรือไม่มีศาสนา?" และยังเปรียบเทียบผู้ที่รับความช่วยเหลือจากรัฐบาล (BR1M) ว่าเหมือน "สัตว์" ที่รับอาหาร
- คำกล่าวอื่นๆ ที่เป็นที่ถกเถียง**: เขายังเคยเปรียบเทียบพรรค UMNO ว่าเหมือน "อุรังอุตัง" และกล่าวว่า "พระเจ้าก็ยังสบถ" นอกจากนี้ ในช่วงก่อนการเลือกตั้งทั่วไปปี ค.ศ. 1999 เขายังเคยใช้คำเปรียบเปรยที่ว่า "ไม่ผิดที่จะเป็นเพื่อนกับชัยฏอน" เพื่ออธิบายการที่พรรค PAS ร่วมมือกับพรรคกิจประชาธิปไตย (DAP) โดยกล่าวว่า "หาก DAP ต้องการช่วยเหลือ PAS อย่างจริงใจ เราจะรับความช่วยเหลือ ไม่ต้องพูดถึง DAP แม้แต่ชัยฏอนเราก็รับ!" เขายังเคยวิพากษ์วิจารณ์การเฉลิมฉลองเมาลิดุนนะบี (วันเกิดของศาสดามุฮัมมัด) โดยกล่าวว่า "การฉลองเมาลิดุนนะบีไม่ได้แก้ปัญหาอะไร" และ "ประเพณีนี้เพิ่งถูกอนุญาต 300-400 ปีหลังฮิจเราะห์ และถือเป็นการเลียนแบบชาวคริสต์"
4.3. ข้อขัดแย้งส่วนบุคคล
นิก อับดุล อาซิซ ยังเคยเผชิญกับข้อขัดแย้งที่เกี่ยวข้องกับชีวิตส่วนตัว:
- การควบคุมตัวบุตรชาย**: ในปี ค.ศ. 2001 นิก อาดิล บุตรชายของเขา ถูกจับกุมภายใต้พระราชบัญญัติความมั่นคงภายใน (ประเทศมาเลเซีย)ในข้อกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในกิจกรรมก่อการร้าย ซึ่งรวมถึงการวางแผนญิฮาด การครอบครองอาวุธ และการเป็นสมาชิกของกุมปูลันมูจาฮีดินมาเลเซีย (KMM) ซึ่งเป็นกลุ่มอิสลามิสต์หัวรุนแรง หลังจากถูกควบคุมตัวเป็นเวลา 5 ปีโดยไม่มีการไต่สวน เขาก็ได้รับการปล่อยตัว
- ข้อกล่าวหาเรื่องการให้ญาติมีตำแหน่ง**: เขาถูกกล่าวหาว่าใช้ระบบเครือญาติอุปถัมภ์ (cronyism) จากการแต่งตั้งอะรีฟะฮ์มี บุตรเขยของเขา ให้เป็นประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ PMBK อย่างไรก็ตาม นิก อับดุล อาซิซ ชี้แจงว่าการแต่งตั้งดังกล่าวเป็นไปตามคุณสมบัติทางวิชาการและประสบการณ์ด้านวิศวกรรมที่กว้างขวางของบุตรเขย ซึ่งในที่สุด อะรีฟะฮ์มีก็ลาออกจากตำแหน่ง
5. ชีวิตส่วนตัวและสุขภาพ
นิก อับดุล อาซิซ บิน นิก มัต เป็นที่รู้จักจากชีวิตส่วนตัวที่เรียบง่ายและเคร่งครัดในศาสนา รวมถึงการต่อสู้กับปัญหาสุขภาพในช่วงบั้นปลายชีวิต
5.1. ครอบครัวและวิถีชีวิต
นิก อับดุล อาซิซ สมรสกับ ตวน ซาบารียะฮ์ บินตี ตวน อิซฮัก ในปี ค.ศ. 1963 และมีบุตรรวม 10 คน เป็นชาย 5 คน และหญิง 5 คน รวมถึงนิก อับดูฮ์ และนิก โอมาร์ ซึ่งต่อมาได้เป็นนักการเมืองเช่นกัน
เขาเป็นที่รู้จักในฐานะเมินเตอรีเบอซาร์ที่ใช้ชีวิตอย่างสมถะที่สุดและเคร่งครัดในศาสนาเกือบตลอดเวลา เขามักสวมใส่ญุบบะฮ์และผ้าโพกศีรษะอยู่เสมอ เขาเคยกล่าวว่าเขาละหมาดในที่ทำงานโดยปิดไฟ เพื่อไม่ให้ใช้เงินของรัฐบาลเพื่อประโยชน์ส่วนตัว บ้านของเขาเป็นเพียงบ้านในหมู่บ้านธรรมดาๆ เช่นเดียวกับชาวบ้านทั่วไป ไม่มีรั้วกั้น และไม่มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยคอยดูแล ซึ่งสะท้อนถึงความถ่อมตนและการดำเนินชีวิตที่เรียบง่ายของเขา แม้จะดำรงตำแหน่งสูงสุดในรัฐ เขาก็ยังคงเป็นที่ปรึกษาและครูสอนศาสนาที่กระตือรือร้น
5.2. ปัญหาสุขภาพ
ในช่วงหลังของการดำรงตำแหน่ง นิก อับดุล อาซิซ ประสบปัญหาสุขภาพหลายประการ รวมถึงปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ ความดันโลหิตสูง และโรคกระเพาะอาหาร ในช่วงปลายปี ค.ศ. 2004 เขาถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลหลังจากมีอาการหัวใจวาย และในปี ค.ศ. 2007 เขาก็เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์มาเลเซีย (HUSM) เนื่องจากอาการอ่อนเพลีย
เขาเองก็ยอมรับว่าสุขภาพของเขาเริ่มเสื่อมถอยในช่วงหลัง อย่างไรก็ตาม ปัญหาเหล่านี้ไม่ได้ขัดขวางเขาจากการอุทิศตนเพื่อรับใช้สังคม เขากล่าวว่า "ผมยอมรับว่าร่างกายของผมมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ แต่ความคิดของผมยังคงเฉียบคมพอที่จะคิดและตัดสินใจได้" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการปฏิบัติหน้าที่จนถึงที่สุด
6. การเสียชีวิตและมรดก
การจากไปของนิก อับดุล อาซิซ บิน นิก มัต ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการการเมืองและศาสนาในมาเลเซีย และได้ทิ้งมรดกที่สำคัญไว้
6.1. การเสียชีวิตและพิธีศพ
หลังจากการเลือกตั้งทั่วไปในปี ค.ศ. 2013 ซึ่งพรรค PAS ยังคงได้รับเสียงข้างมากในการจัดตั้งรัฐบาลรัฐกลันตัน นิก อับดุล อาซิซ ได้ประกาศเกษียณตนเองจากตำแหน่งเมินเตอรีเบอซาร์แห่งรัฐกลันตัน ซึ่งเขาดำรงตำแหน่งมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 โดยมีอะฮ์มัด ยากบ อดีตรองเมินเตอรีเบอซาร์ของเขา เข้ารับตำแหน่งต่อ
ตลอดสองปีถัดมา นิก อับดุล อาซิซ มีอาการป่วยจากมะเร็งต่อมลูกหมากมากขึ้นเรื่อยๆ และเสียชีวิตในวันที่ 12 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2015 เวลา 21:40 นาฬิกา เวลามาตรฐานมาเลเซีย (UTC+08:00) ณ บ้านพักของเขาที่กัมปุงปูเลาเมอลากา ในโกตาบารู ด้วยวัย 84 ปี ในวันรุ่งขึ้น มีผู้เข้าร่วมพิธีละหมาดศพที่มัสยิดต็อกกูรู ซึ่งเป็นมัสยิดประจำท้องถิ่นของเขา มากกว่า 10,000 คน การจากไปของเขาได้นำไปสู่การเลือกตั้งซ่อมในเขตสภารัฐกลันตันที่เจิมปากาในปี ค.ศ. 2015
6.2. การประเมินและอิทธิพล
นิก อับดุล อาซิซ บิน นิก มัต ได้รับการยกย่องอย่างสูงตลอดอาชีพของเขา ในปี ค.ศ. 2008 ขบวนการต่อต้านการทุจริต (GERAK) ได้มอบรางวัลเมินเตอรีเบอซาร์ที่มีประวัติสะอาดที่สุดในมาเลเซียให้แก่เขา เพื่อยกย่องความพยายามในการต่อสู้กับการทุจริตตลอดระยะเวลาเกือบ 18 ปีที่บริหารรัฐกลันตัน นอกจากนี้ ในปี ค.ศ. 2009 เขายังได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน 50 บุคคลมุสลิมที่มีอิทธิพลมากที่สุดในโลก และมีชื่ออยู่ในหนังสือ "The 500 Most Influential Muslims"
มรดกที่สำคัญที่สุดของนิก อับดุล อาซิซ คือการเป็นผู้นำที่ยึดมั่นในหลักการศาสนาและมีจุดยืนที่ก้าวหน้าทางเชื้อชาติ ซึ่งทำให้พรรค PAS สามารถดึงดูดฐานเสียงที่ไม่ใช่ชาวมลายูและไม่ใช่ชาวมุสลิมได้มากขึ้น ส่งผลให้เกิดการรวมกลุ่มทางการเมืองกับพรรคฝ่ายซ้ายและพรรคพหุวัฒนธรรม เช่น ปากาตันรักยัต อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของเขาได้นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญภายในพรรค PAS โดยผู้นำพรรคได้กวาดล้างกลุ่มก้าวหน้าที่คิดเหมือนเขา ซึ่งต่อมาได้แยกตัวออกไปก่อตั้งพรรคอมานะฮ์แห่งชาติ และพรรค PAS เองก็เริ่มเปลี่ยนทิศทางไปสู่แนวคิดชาตินิยมมลายูที่แข็งกร้าวมากขึ้น มรดกของเขาจึงเป็นทั้งแรงบันดาลใจและจุดเปลี่ยนสำคัญในประวัติศาสตร์การเมืองมาเลเซีย
7. ผลงานการประพันธ์
นิก อับดุล อาซิซ บิน นิก มัต ไม่เพียงเป็นนักการเมืองและผู้นำทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นนักเขียนที่กระตือรือร้น โดยมีผลงานหนังสือหลายเล่มที่สะท้อนแนวคิดและปรัชญาของเขา:
- Kenapa saya tidak masuk Kristian? (เหตุใดฉันจึงไม่เข้ารีตศาสนาคริสต์?) (Pustaka Aman Press, ค.ศ. 1967)
- Air Mata di Mahsyar (น้ำตาในวันพิพากษา) (Dewan Muslimat Sdn Bhd, ค.ศ. 1994)
- Insan, Ingatlah! Sebuah panduan menuju hati yang tenang (มนุษย์เอ๋ย จงระลึกเถิด! คู่มือสู่จิตใจที่สงบ) (Nufair Street Sdn Bhd, ค.ศ. 2006)
- Kemilau Peribadi Nik Abdul Aziz Nik Mat (บุคลิกอันโดดเด่นของนิก อับดุล อาซิซ บิน นิก มัต) โดย อับดุล ชูกูร์ ฮารอน และ อันนวล บักรี ฮารอน
- Pemikiran Tuan Guru Nik Abdul Aziz Nik Mat (แนวคิดของตวนกูรู นิก อับดุล อาซิซ บิน นิก มัต) โดย โมฮด์ ไอซัต โมฮด์ ซัลเลห์ อัล-ฮาฟิซ
- Pendirian Tuan Guru Nik Abdul Aziz Nik Mat (จุดยืนของตวนกูรู นิก อับดุล อาซิซ บิน นิก มัต) โดย อันนวล บักรี ฮารอน
- Bicara Ini Demi Ilahi (คำกล่าวนี้เพื่อพระเจ้า) โดย นิก อับดุล อาซิซ บิน นิก มัต
- Telaga Budi: Himpunan Kata-Kata Hikmah Nik Abdul Aziz Nik Mat (บ่อน้ำแห่งปัญญา: รวมคำคมของนิก อับดุล อาซิซ บิน นิก มัต) โดย นิก อับดุล อาซิซ บิน นิก มัต
- Kezuhudan Umar Abdul Aziz, Kesederhanaan Nik Abdul Aziz: Dua Tokoh Unik di Dua Zaman (ความสมถะของอุมัร อับดุล อาซิซ, ความเรียบง่ายของนิก อับดุล อาซิซ: สองบุคคลโดดเด่นในสองยุคสมัย) โดย วัน จี วัน ฮุสซิน และ ซัยฟุลอัมรี เอ็ม. ฮุสซิน
- Bertemu Janji Allah: Menyingkap Kisah Mashyar yang Menyayat Hati (พบกับสัญญาของอัลลอฮ์: เปิดเผยเรื่องราวสุดสะเทือนใจในวันพิพากษา) โดย นิก อับดุล อาซิซ บิน นิก มัต
- Tundukkan Hati: Rahsia Keikhlasan Hidup Di Dunia Fana (น้อมใจ: ความลับแห่งความบริสุทธิ์ใจในโลกที่ดับสลาย) โดย นิก อับดุล อาซิซ บิน นิก มัต
8. ผลการเลือกตั้ง
นิก อับดุล อาซิซ บิน นิก มัต มีส่วนร่วมในการเลือกตั้งทั้งในระดับรัฐสภาและสภารัฐกลันตันตลอดอาชีพทางการเมืองที่ยาวนานของเขา
| ปี | เขตเลือกตั้ง | ผู้สมัคร | คะแนนเสียง | ร้อยละ | คู่แข่ง | คะแนนเสียง | ร้อยละ | บัตรลงคะแนน | คะแนนเสียงที่เหนือกว่า | ผู้มาใช้สิทธิ์ | ||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1967 | P016 กลันตันฮีลีร์ | นิก อับดุล อาซิซ นิก มัต (PAS) | 11,855 | 57.97% | เต็งกู นูร์ อาเซียะฮ์ เต็งกู อะฮ์มัด (UMNO) | 8,596 | 42.03% | 20,737 | 3,259 | 74.84% | ||
| 1969 | นิก อับดุล อาซิซ นิก มัต (PAS) | 13,635 | 60.73% | โมฮาเหม็ด ซัลเลห์ อิบราฮิม (UMNO) | 8,817 | 39.27% | 23,183 | 4,818 | 74.64% | |||
| 1974 | P017 เปิงกาลันเจอปา | นิก อับดุล อาซิซ นิก มัต (PAS)1 | 13,243 | 73.88% | อุมัร อิบราฮิม (IND) | 4,682 | 26.12% | 19,278 | 8,561 | 62.10% | ||
| 1978 | นิก อับดุล อาซิซ นิก มัต (PAS) | 11,897 | 54.53% | มูฮัมหมัด นูร์ อาลี (UMNO) | 9,919 | 45.47% | N/A | 1,978 | N/A | |||
| 1982 | นิก อับดุล อาซิซ นิก มัต (PAS) | 16,759 | 59.48% | ฮัสซัน ฮารูน (UMNO) | 11,417 | 40.52% | 28,907 | 5,342 | 78.73% | |||
| 1986 | P023 บาจก | นิก อับดุล อาซิซ นิก มัต (PAS) | 16,347 | 49.59% | โมฮด์. ไซน์ อับดุลละฮ์ (HAMIM) | 16,617 | 50.41% | 33,627 | 270 | 80.08% | ||
หมายเหตุ: 1 PAS เคยอยู่ในรัฐบาลผสมพันธมิตร (ค.ศ. 1972-1973) และต่อมาแนวร่วมแห่งชาติ (ค.ศ. 1973-1978)
| ปี | เขตเลือกตั้ง | ผู้สมัคร | คะแนนเสียง | ร้อยละ | คู่แข่ง | คะแนนเสียง | ร้อยละ | บัตรลงคะแนน | คะแนนเสียงที่เหนือกว่า | ผู้มาใช้สิทธิ์ | ||
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1986 | N04 เซอมุตอาปี | นิก อับดุล อาซิซ นิก มัต (PAS) | 6,233 | 60.36% | ฮัฟซะฮ์ อุสมาน (UMNO) | 4,094 | 39.64% | 10,754 | 2,139 | 74.97% | ||
| 1990 | นิก อับดุล อาซิซ นิก มัต (PAS) | 9,504 | 79.10% | วัน มัต (UMNO) | 2,511 | 20.90% | 12,341 | 6,993 | 76.22% | |||
| 1995 | N05 เจิมปากา | นิก อับดุล อาซิซ นิก มัต (PAS) | 7,851 | 72.80% | ยูซุฟ อิซา (UMNO) | 2,934 | 27.20% | 11,413 | 4,917 | 74.80% | ||
| 1999 | นิก อับดุล อาซิซ นิก มัต (PAS) | 8,649 | 74.48% | รอปลี อิซฮัก (UMNO) | 2,302 | 19.82% | 11,801 | 6,347 | 78.26% | |||
| 2004 | นิก อับดุล อาซิซ นิก มัต (PAS) | 7,889 | 65.10% | รูฮานี มามัต (UMNO) | 4,195 | 34.62% | 12,407 | 3,694 | 81.47% | |||
| 2008 | นิก อับดุล อาซิซ นิก มัต (PAS) | 9,514 | 64.13% | นิก โมฮด์ ไซน์ โอมาร์ (UMNO) | 5,265 | 35.49% | 15,077 | 4,249 | 84.62% | |||
| 2013 | นิก อับดุล อาซิซ นิก มัต (PAS) | 12,310 | 67.92% | วัน ราซมัน วัน อับดุล ราซัก (UMNO) | 5,810 | 32.06% | 18,360 | 6,500 | 85.94% | |||
9. เครื่องราชอิสริยาภรณ์และเกียรติยศ
นิก อับดุล อาซิซ บิน นิก มัต ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์และเกียรติยศจากทั้งประเทศมาเลเซียและรัฐกลันตัน ซึ่งเป็นการยกย่องคุณูปการของเขา

เครื่องราชอิสริยาภรณ์เกอสัตรียา มังกู เนอการา เครื่องราชอิสริยาภรณ์ปังลีมา เซอตียา มาห์โกตา เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดาร์จะฮ์ เซอรี ปาดูกา จีวา มาห์โกตา กลันตัน ยัง อามัต มูเลีย
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ของมาเลเซีย
มาเลเซีย
- เกอสัตรียา มังกู เนอการา (KMN) - (ค.ศ. 1974)
- ปังลีมา เซอตียา มาห์โกตา (PSM) - ตันศรี (ค.ศ. 2023 - หลังมรณกรรม)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์ของรัฐกลันตัน
รัฐกลันตัน
- ผู้พิพากษาสันติภาพ (JP) - (ค.ศ. 1968)
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดาร์จะฮ์ เซอรี ปาดูกา จีวา มาห์โกตา กลันตัน ยัง อามัต มูเลีย (SJMK) - ดาโตะก์ (ค.ศ. 1995)
- ดาโตะก์ เบินตารา เซอตียา - (ค.ศ. 2010)