1. ภาพรวม
คิม ซ็อน-กยู (김선규คิม ซ็อน-กยูภาษาเกาหลี; เกิดเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2530) เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวเกาหลีใต้ที่เคยเล่นในตำแหน่งผู้รักษาประตู ตลอดอาชีพค้าแข้งของเขา คิม ซ็อน-กยูได้สร้างผลงานสำคัญหลายครั้ง รวมถึงการนำมหาวิทยาลัยดงอาคว้าแชมป์การแข่งขันฟุตบอลระดับมหาวิทยาลัย และมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ แทจอน ซิตี้เซน เลื่อนชั้นสู่เคลีก 1 ในปี พ.ศ. 2557 เขาเกษียณจากการเป็นนักฟุตบอลอาชีพในปี พ.ศ. 2560 เพื่อเข้ารับราชการทหาร และหลังจากนั้นได้ผันตัวมาเป็นผู้ฝึกสอนผู้รักษาประตู
2. อาชีพนักฟุตบอล
คิม ซ็อน-กยูเริ่มต้นเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลจากการเล่นฟุตบอลในระดับเยาวชนและมหาวิทยาลัย ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่วงการฟุตบอลอาชีพกับสโมสรต่างๆ ในเคลีก โดยส่วนใหญ่เป็นผู้รักษาประตูให้กับสโมสรในลีกรอง และมีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญหลายอย่างที่หล่อหลอมเส้นทางอาชีพของเขา
2.1. อาชีพระดับเยาวชนและมหาวิทยาลัย
คิม ซ็อน-กยูได้ฝึกฝนทักษะการเล่นฟุตบอลตั้งแต่วัยเด็กและก้าวเข้าสู่การแข่งขันในระดับมหาวิทยาลัย เขาเป็นนักฟุตบอลคนสำคัญของมหาวิทยาลัยดงอา และเป็นกำลังหลักที่พาทีมคว้าแชมป์ในการแข่งขันฟุตบอลระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นการบ่งชี้ถึงความสามารถและศักยภาพของเขาตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นอาชีพ
2.2. คยองนัม เอฟซี (2010-2011)
ในปี พ.ศ. 2553 คิม ซ็อน-กยูได้เข้าร่วมสโมสรคยองนัม เอฟซี ซึ่งเป็นก้าวแรกในอาชีพนักฟุตบอลอาชีพของเขา อย่างไรก็ตาม ในช่วงเวลาสองฤดูกาลที่อยู่กับทีม (พ.ศ. 2553-2554) คิม ซ็อน-กยูไม่ได้รับโอกาสในการลงสนามแม้แต่เกมเดียว เนื่องจากคิม บย็อง-จี ซึ่งเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งที่ไม่มีใครสามารถแทนที่ได้ในขณะนั้น ทำให้เขาต้องเผชิญกับความยากลำบากในการหาโอกาสพิสูจน์ตัวเองในช่วงเริ่มต้นอาชีพ
2.3. แทจอน ซิตี้เซน (2012-2014)
ในปี พ.ศ. 2555 คิม ซ็อน-กยูได้ย้ายมาร่วมทีมแทจอน ซิตี้เซน และได้รับโอกาสที่สำคัญในการก้าวขึ้นเป็นผู้รักษาประตูตัวหลักของทีม หลังจากที่ชเว อึน-ซ็อง ผู้รักษาประตูคนเก่าได้ออกจากสโมสรเนื่องจากปัญหาขัดแย้งกับทีม คิม ซ็อน-กยูได้ลงสนามในฐานะผู้รักษาประตูตัวจริงให้กับแทจอนเป็นเวลาสามฤดูกาลติดต่อกัน เขาแสดงผลงานได้อย่างโดดเด่นในช่วงต้นฤดูกาล พ.ศ. 2557 ซึ่งมีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการนำทีมแทจอน ซิตี้เซนคว้าแชมป์และเลื่อนชั้นขึ้นสู่เคลีก 1 (เคลีก คลาสสิกในขณะนั้น) ได้สำเร็จ แม้ว่าในช่วงกลางฤดูกาลเขาจะประสบปัญหาฟอร์มตกและถูกแทนที่ด้วยพัก จู-ว็อน แต่ผลงานในช่วงต้นฤดูกาลก็ถือเป็นบทบาทสำคัญที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จ
2.4. เอฟซี อันยาง (2015-2016)
ก่อนเริ่มต้นฤดูกาล พ.ศ. 2558 คิม ซ็อน-กยูได้ย้ายไปร่วมทีมเอฟซี อันยาง ในฤดูกาลนั้น เขายังคงต้องแข่งขันเพื่อตำแหน่งตัวจริง โดยได้ลงสนามเพียง 8 เกมเนื่องจากชเว พิล-ซูเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่ง และเขายังถูกใบแดงไล่ออกโดยตรงในเกมเยือนกับคยองนัม เอฟซี ในฤดูกาล พ.ศ. 2559 เขาได้รับเสื้อหมายเลข 31 ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นหมายเลข 87 ซึ่งเป็นปีเกิดของเขาเอง ในช่วงต้นฤดูกาล เขายังคงเป็นตัวสำรองของชเว พิล-ซู แต่หลังจากที่ชเว พิล-ซูมีฟอร์มการเล่นที่ไม่ดี โดยเสียไปถึง 4 ประตูในเกมกับคังว็อน เอฟซี คิม ซ็อน-กยูได้รับโอกาสและทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฝ้าเสาให้กับเอฟซี อันยางถึง 19 เกม อย่างไรก็ตาม ในช่วงท้ายฤดูกาล เขาก็ต้องเสียตำแหน่งตัวจริงให้กับอี จิน-ฮย็อง ที่กลับมาจากราชการทหารกับอันซัน มูกุงฮวา เอฟซี ถึงกระนั้น เขาก็ยังได้รับโอกาสลงสนามอีกครั้งเมื่ออี จิน-ฮย็องติดโทษแบนเนื่องจากสะสมใบเหลืองครบ 3 ใบ และทำผลงานได้ดี ในฤดูกาล พ.ศ. 2559 เขาลงสนามรวม 21 นัด โดยเกมสุดท้ายของฤดูกาลคือการแข่งขันกับอันซัน มูกุงฮวา เอฟซี ในนัดที่ 44
2.5. สโมสรฟุตบอลปูซานทรานสปอร์ตคอร์ปอเรชันและการเกษียณ (2017)
ก่อนเริ่มต้นฤดูกาล พ.ศ. 2560 คิม ซ็อน-กยูได้ย้ายไปร่วมทีมสโมสรฟุตบอลปูซานทรานสปอร์ตคอร์ปอเรชัน ซึ่งเป็นสโมสรสุดท้ายในอาชีพนักฟุตบอลของเขา อย่างไรก็ตาม ในช่วงกลางฤดูกาลนั้นเอง เขาได้ตัดสินใจออกจากสโมสรเพื่อเข้ารับราชการทหารตามข้อบังคับของประเทศเกาหลีใต้ ซึ่งการเข้ารับราชการทหารครั้งนี้หมายถึงการเกษียณจากการเป็นนักฟุตบอลอาชีพไปพร้อมกัน
3. กิจกรรมหลังเกษียณ
หลังจากเกษียณจากการเป็นนักฟุตบอลอาชีพในปี พ.ศ. 2560 เพื่อเข้ารับราชการทหาร คิม ซ็อน-กยูได้เปลี่ยนเส้นทางอาชีพและยังคงอยู่ในวงการฟุตบอล เขาได้ผันตัวมาเป็นผู้ฝึกสอนผู้รักษาประตู โดยได้เปิดสอนและให้คำแนะนำแก่ผู้รักษาประตูรุ่นใหม่ เพื่อถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้ที่สั่งสมมาตลอดอาชีพค้าแข้งของเขา
4. การประเมิน
อาชีพนักฟุตบอลของคิม ซ็อน-กยูสะท้อนให้เห็นถึงเส้นทางที่เต็มไปด้วยความท้าทายและความพยายาม ในช่วงเริ่มต้นที่คยองนัม เอฟซี เขาต้องเผชิญกับข้อจำกัดในการลงสนามเนื่องจากผู้รักษาประตูตัวหลักที่แข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม เมื่อย้ายไปแทจอน ซิตี้เซน เขาก็สามารถคว้าโอกาสและก้าวขึ้นมาเป็นผู้รักษาประตูตัวหลักได้อย่างรวดเร็ว โดยมีบทบาทสำคัญในการพาทีมเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุด ซึ่งถือเป็นหนึ่งในจุดสูงสุดในอาชีพของเขา แม้ในภายหลังเขาจะประสบปัญหาฟอร์มตกและต้องแข่งขันเพื่อตำแหน่งตัวจริงที่เอฟซี อันยาง แต่เขาก็ยังคงแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพและความมุ่งมั่นในการพยายามแย่งชิงตำแหน่งกลับคืนมา การตัดสินใจเกษียณเพื่อเข้ารับราชการทหารในปี พ.2560 เป็นการสิ้นสุดอาชีพนักฟุตบอลอาชีพตามเส้นทางที่นักกีฬาชายชาวเกาหลีใต้หลายคนต้องเผชิญในยุคสมัยนั้น ถึงแม้ว่าอาชีพค้าแข้งของเขาอาจจะไม่โดดเด่นในแง่ของจำนวนเกมที่ลงสนามในลีกสูงสุด แต่การที่เขาสามารถนำทีมเลื่อนชั้นและยังคงอยู่ในวงการฟุตบอลในฐานะผู้ฝึกสอน ก็แสดงให้เห็นถึงความหลงใหลและความผูกพันที่มีต่อกีฬาฟุตบอลของเขา