1. ข้อมูลส่วนบุคคล
กิบา มีชื่อเต็มว่า จิลเบร์ตู อามาอูรี จี โกโด이 ฟิลยู เกิดเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ค.ศ. 1976 ที่เมืองลอนดรีนา รัฐปารานา ประเทศบราซิล แม้ว่าเขาจะเกิดที่ลอนดรีนา แต่เขาเติบโตในเมืองกูรีตีบา กิบามีส่วนสูง 1.92 m และน้ำหนัก 91 kg เขาเล่นในตำแหน่งตัวตีด้านนอกและถนัดมือขวา กิบาสามารถสื่อสารได้ถึงสามภาษา ได้แก่ ภาษาโปรตุเกส, ภาษาอังกฤษ และภาษาอิตาลี
2. เส้นทางอาชีพ
กิบาเริ่มต้นเส้นทางอาชีพนักวอลเลย์บอลอาชีพในประเทศบราซิล ก่อนที่จะย้ายไปเล่นในลีกต่างประเทศที่อิตาลี, รัสเซีย, อาร์เจนตินา และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เขาเป็นที่จดจำมากที่สุดจากความสำเร็จอันยิ่งใหญ่กับทีมชาติบราซิล ซึ่งเขาได้เป็นกัปตันทีมและนำพาทีมไปสู่ยุคทองของวงการวอลเลย์บอลโลก
2.1. อาชีพกับสโมสร
กิบาเริ่มต้นอาชีพกับสโมสรในประเทศบราซิลหลายแห่ง ได้แก่ กูรีชีบานู, โกกามาร์, ชาเปโก, เซาไกตานู, นิโปเมด, โอลิมปิกุส และมีนัสเตนิสกลูบี โดยเขาพาทีมมีนัสเตนิสกลูบีคว้าแชมป์ลีกบราซิลได้ 2 สมัยติดต่อกันในฤดูกาล 1999/2000 และ 2000/2001
ในปี ค.ศ. 2001 กิบาได้ย้ายไปเล่นในประเทศอิตาลีกับสโมสรยาฮู! เฟอร์รารา (4 ตอร์ริ เฟอร์รารา วอลเลย์) ในเซเรียอา 1 เป็นเวลาสองปี หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 2003 เขาได้เซ็นสัญญากับนอยคอม เบรบันกา กูเนโอ (เบร บันกา ลันนุตติ กูเนโอ) และในปี ค.ศ. 2006 เขาก็พาทีมคว้าแชมป์โกปปาอีตาเลีย พร้อมทั้งได้รับรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ของการแข่งขัน
ในฤดูร้อนปี ค.ศ. 2007 กิบาอำลาอิตาลีเพื่อไปเล่นให้กับอิสครา โอดินต์โซโว ในซูเปอร์ลีกรัสเซีย เป็นเวลาสองปี ซึ่งเขาพาทีมคว้าอันดับสองในลีกรัสเซียสองฤดูกาลติดต่อกัน (2007/2008 และ 2008/2009) และคว้าอันดับสามในซีอีวีแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2008/2009
ในปี ค.ศ. 2009 กิบาได้ย้ายกลับมายังประเทศบราซิลเพื่อเล่นให้กับปิญเญย์รุส และในฤดูกาลแรกกับสโมสร เขาก็พาทีมคว้าเหรียญทองแดงในซูเปอร์ลีกาบราซิล ฤดูกาล 2009/2010 จากนั้นเขายังได้เล่นให้กับสโมสรซีเมด ฟลอเรียนอโปลิส ในฤดูกาล 2011/2012
ในช่วงท้ายของอาชีพ กิบาได้เล่นให้กับเปร์โซนัล โบลีวาร์ ในประเทศอาร์เจนตินา (2012-2013) และเล่นช่วงสั้นๆ ให้กับอัล-นัศร์ ดูไบ ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (2013-2014) ซึ่งเป็นสโมสรสุดท้ายของเขา ก่อนที่จะกลับมาเล่นอีกครั้งในช่วงสั้นๆ ในปี 2018-2019 กับสโมสรไอบีบี โปโลเนีย ลอนดอน
ปี | สโมสร | ประเทศ |
---|---|---|
1996-1997 | ชาเปโก เซาไกตานู | บราซิล |
1997-1998 | โอลิมปิกุส เซาไกตานู | บราซิล |
1998-1999 | เรปอร์ต นิโปเมด | บราซิล |
1999-2001 | มีนัสเตนิสกลูบี | บราซิล |
2001-2003 | ยาฮู! เฟอร์รารา | อิตาลี |
2003-2007 | เบร บันกา ลันนุตติ กูเนโอ | อิตาลี |
2007-2009 | อิสครา โอดินต์โซโว | รัสเซีย |
2009-2011 | ปิญเญย์รุส | บราซิล |
2011-2012 | ซีเมด ฟลอเรียนอโปลิส | บราซิล |
2012-2013 | เปร์โซนัล โบลีวาร์ | อาร์เจนตินา |
2013 | ฟุนวิก ตาอูบาเต | บราซิล |
2013-2014 | อัล-นัศร์ ดูไบ | สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ |
2018-2019 | ไอบีบี โปโลเนีย ลอนดอน | สหราชอาณาจักร |
2.2. อาชีพกับทีมชาติ
กิบาประเดิมสนามกับทีมชาติบราซิลเมื่ออายุ 18 ปีในปี ค.ศ. 1995 และในปีนั้นเขาก็คว้าแชมป์ชิงแชมป์อเมริกาใต้เป็นครั้งแรก เขาลงเล่นให้กับทีมชาติบราซิลรวมทั้งหมด 319 นัด และเป็นกำลังสำคัญที่นำพาทีมเข้าสู่ยุคทองของวอลเลย์บอลบราซิลในช่วงทศวรรษ 2000 ภายใต้การคุมทีมของเบร์นาร์ดู เรเซ็งจี โดยมีผู้เล่นสำคัญร่วมทีมอย่างดันชี, อันเดร, กุสตาโว, อันเดร เฮลเลอร์, ริการ์ดู การ์เซีย และแซร์ฌิว ซังตุส
2.2.1. กีฬาโอลิมปิก
กิบามีส่วนร่วมในการแข่งขันโอลิมปิกหลายครั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเอเธนส์ 2004 ซึ่งเขาอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุดและช่วยให้ทีมชาติบราซิลคว้าเหรียญทองโอลิมปิกเป็นสมัยที่สองในประวัติศาสตร์ และตัวเขาเองยังได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ของการแข่งขัน ในนัดชิงชนะเลิศเมื่อวันที่ 29 สิงหาคม ค.ศ. 2004 ที่สนามกีฬาแห่งสันติภาพและมิตรภาพในปีเรอุส ทีมบราซิลเอาชนะอิตาลีไปได้ 3-1 เซต

ในปักกิ่ง 2008 กิบาในวัย 32 ปี ยังคงเป็นผู้เล่นตัวจริง แต่ทีมบราซิลเริ่มสูญเสียรัศมีแห่งความไร้เทียมทานไปบ้าง หลังจากพ่ายแพ้ให้กับสหรัฐอเมริกา 0-3 เซตในรอบรองชนะเลิศเวิลด์ลีก 2008 ที่รีโอเดจาเนโร ทีมบราซิลก็ยังคงสามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศโอลิมปิก 2008ได้ แต่ก็ไม่สามารถป้องกันเหรียญทองไว้ได้ โดยพ่ายแพ้ให้กับสหรัฐอเมริกาอีกครั้งในสี่เซต ทำให้ได้รับเหรียญเงิน
ในลอนดอน 2012 กิบาซึ่งส่วนใหญ่ถูกใช้เป็นกัปตันสำรอง ได้นำทีมบราซิลเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศเหรียญทองอีกครั้ง ในนัดชิงชนะเลิศกับรัสเซีย ทีมบราซิลนำ 2-0 เซต และได้เปรียบอย่างมากในเซตที่สาม กิบาถูกส่งลงสนามเพื่อเป็นการอำลาการแข่งขันระดับนานาชาติของเขา อย่างไรก็ตาม บราซิลไม่สามารถปิดเกมได้ในเซตที่สาม และสุดท้ายก็พ่ายแพ้ไปในห้าเซต ทำให้กิบาและเพื่อนร่วมทีมต้องคว้าเหรียญเงินอีกครั้ง หลังจากโอลิมปิกครั้งนี้ เขาก็ได้ประกาศเลิกเล่นให้กับทีมชาติบราซิล
2.2.2. การแข่งขันชิงแชมป์โลก
ในปี ค.ศ. 2002 ที่ชิงแชมป์โลกที่อาร์เจนตินา ทีมบราซิลได้แก้แค้นทั้งอิตาลี (เอาชนะแชมป์เก่า 3 สมัย 3-2 เซตในรอบก่อนรองชนะเลิศ) และรัสเซีย (ชนะในนัดชิงชนะเลิศที่ดุเดือดห้าเซต) นับเป็นแชมป์โลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของทีมชาติบราซิล
กิบายังคงอยู่ในฟอร์มที่ยอดเยี่ยมตลอดหลายฤดูกาลถัดมา ซึ่งนอกจากการคว้าแชมป์แล้ว เขายังได้รับรางวัล MVP จากผลงานในเวิลด์ลีก 2006 และชิงแชมป์โลก 2006
ในชิงแชมป์โลก 2010 ที่ประเทศอิตาลี กิบาได้เสียตำแหน่งผู้เล่นตัวจริงให้กับผู้เล่นที่อายุน้อยกว่าอย่างดันชี และมูรีลู อย่างไรก็ตาม กิบายังคงเป็นกัปตันทีมและเป็นส่วนสำคัญของทีมชาติ โดยคว้าแชมป์โลกสมัยที่สามได้สำเร็จ ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์โลก 3 สมัยติดต่อกัน
2.2.3. ฟีฟ่าเวิลด์คัพ
กิบามีส่วนร่วมในการแข่งขันเวิลด์คัพหลายครั้ง โดยคว้าเหรียญทองได้สองครั้งติดต่อกันในปี ค.ศ. 2003 และ 2007 ซึ่งในปี 2007 เขายังได้รับรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ของการแข่งขันอีกด้วย นอกจากนี้ เขายังคว้าเหรียญทองแดงในการแข่งขันเวิลด์คัพ 2011 ที่ประเทศญี่ปุ่น
2.2.4. เวิลด์ลีก
กิบามีสถิติที่โดดเด่นในการแข่งขันเวิลด์ลีก โดยคว้าแชมป์ได้ถึง 8 สมัย ได้แก่ ปี 2001, 2003, 2004, 2005, 2006, 2007, 2009 และ 2010
ในปี ค.ศ. 2001 กิบาคว้าแชมป์เวิลด์ลีกสมัยแรกของเขา โดยบราซิลเอาชนะอิตาลีซึ่งเป็นแชมป์ 8 สมัยในรอบชิงชนะเลิศ ในปี ค.ศ. 2002 ทีมบราซิลพ่ายแพ้ให้กับรัสเซียในรอบชิงชนะเลิศเวิลด์ลีกที่เบลูโอรีซองชี ทำให้ได้เหรียญเงิน
ในปี ค.ศ. 2003 ทีมบราซิลนำโดยกิบาคว้าแชมป์เวิลด์ลีกสมัยแรกจากทั้งหมดห้าสมัยติดต่อกัน โดยเอาชนะเซอร์เบียและมอนเตเนโกรในรอบชิงชนะเลิศด้วยคะแนน 31-29 ในไทเบรกเซตที่ห้า
ในปี ค.ศ. 2006 กิบาได้รับรางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) ของการแข่งขันเวิลด์ลีก และในปี ค.ศ. 2008 ทีมบราซิลพ่ายแพ้ให้กับสหรัฐอเมริกา 0-3 เซตในรอบรองชนะเลิศเวิลด์ลีกที่รีโอเดจาเนโร
ในปี ค.ศ. 2009 กิบาถูกรวมอยู่ในทีมที่สร้างขึ้นใหม่ ซึ่งสามารถกลับมาคว้าแชมป์เวิลด์ลีกได้อีกครั้ง โดยในรอบชิงชนะเลิศที่เบลเกรด บราซิลเผชิญหน้ากับเซอร์เบียและผู้สนับสนุนกว่า 22,000 คน และสามารถเอาชนะไปได้ในห้าเซตที่สูสี
ในปี ค.ศ. 2011 กิบาได้กลับมาเป็นผู้เล่นตัวจริงเนื่องจากดันชีได้รับบาดเจ็บ และเกือบจะเพิ่มแชมป์เวิลด์ลีกอีกสมัยให้กับคอลเลกชันของเขา อย่างไรก็ตาม ทีมบราซิลพ่ายแพ้ให้กับรัสเซียในรอบชิงชนะเลิศห้าเซต
2.2.5. การแข่งขันระหว่างประเทศอื่นๆ
กิบามีผลงานที่โดดเด่นในการแข่งขันระดับนานาชาติอื่น ๆ อีกมากมาย:
- เวิลด์แกรนด์แชมเปียนคัพ: คว้าเหรียญทอง 3 สมัย (1997, 2005, 2009)
- ชิงแชมป์อเมริกาใต้: คว้าเหรียญทอง 9 สมัย (1995, 1997, 1999, 2001, 2003, 2005, 2007, 2009) โดยได้รับรางวัล MVP ในปี 2007 และ Best Spiker ในปี 2009
- แพนอเมริกันเกมส์: คว้าเหรียญทองในปี 2007 (พร้อมรางวัล MVP), เหรียญเงินในปี 1999 และเหรียญทองแดงในปี 2003
- อเมริกาส์คัพ: คว้าเหรียญทอง 3 สมัย (1998, 1999, 2001)
3. รูปแบบการเล่นและลักษณะเฉพาะ
กิบาไม่ได้มีส่วนสูงมากนักสำหรับนักวอลเลย์บอล แต่เขาสามารถชดเชยข้อจำกัดด้านความสูงด้วยทักษะทางกายภาพและความสามารถในการกระโดดที่ไม่เหมือนใคร ในช่วงที่เขายังเล่นอยู่ เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในตัวตีด้านนอกที่ดีที่สุดในโลก กิบาไม่เพียงแต่เป็นที่ชื่นชมจากรูปแบบการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจเท่านั้น แต่เขายังมีแรงผลักดัน ความน่าดึงดูด และความมุ่งมั่นที่ทำให้เขาเป็นที่รักของแฟนวอลเลย์บอลทั่วโลก
เขาได้รับเลือกให้เป็นกัปตันทีมชาติเนื่องจากทักษะความเป็นผู้นำที่โดดเด่น กิบาเป็นที่รู้จักจากบุคลิกที่เปี่ยมด้วยพลังงาน ซึ่งช่วยกระตุ้นให้ทีมบราซิลทั้งทีมเล่นได้อย่างเต็มศักยภาพ ด้วยเหตุนี้ ทีมบราซิลจึงได้รับการพิจารณาว่าแทบจะไม่มีใครเอาชนะได้ในช่วงทศวรรษ 2000 และกิบาก็เป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งในความสำเร็จนั้น เขายังโดดเด่นด้วยการตีลูกขนานจากด้านซ้ายที่รวดเร็วและทักษะการป้องกันที่ยอดเยี่ยม
4. ชีวิตส่วนตัว
กิบาเกิดที่ลอนดรีนา แต่เติบโตในกูรีตีบา เขาได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาวเมื่ออายุได้หกเดือน และต้องต่อสู้กับโรคร้ายนี้ในช่วงวัยเด็ก
ในปี ค.ศ. 2003 กิบาได้แต่งงานกับคริสตินา ปีร์ฟ อดีตนักวอลเลย์บอลหญิงทีมชาติโรมาเนีย-บราซิล ทั้งคู่มีบุตรด้วยกันสองคน คือ บุตรสาวชื่อนิโคล (เกิดปี ค.ศ. 2004) และบุตรชายชื่อแพทริก (เกิดปี ค.ศ. 2009) กิบาขึ้นชื่อว่าเป็นสามีที่รักครอบครัวมาก และไม่เคยถอดแหวนแต่งงานออกแม้ในขณะที่เล่นวอลเลย์บอล อย่างไรก็ตาม ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2012 คริสตินาได้ยื่นฟ้องหย่า และในปี ค.ศ. 2013 กิบาได้เริ่มคบหากับมาเรีย ลุยซา ดอทท์
นอกจากนี้ กิบาและริการ์ดู การ์เซีย เซตเตอร์ของทีมชาติบราซิล ยังเป็นเพื่อนสนิทกันมาตั้งแต่ทั้งคู่มีอายุ 13 ปี
5. กิจกรรมทางสังคมและการส่งเสริม
กิบามีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในกิจกรรมเพื่อสังคมและการส่งเสริมต่าง ๆ เขาทำงานร่วมกับเด็ก ๆ ที่ป่วยเป็นมะเร็งเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นโรคที่เขาเคยเผชิญมาตั้งแต่เด็ก นอกจากนี้ เขายังให้การสนับสนุนเด็กกำพร้าและเด็กที่ป่วยเป็นโรคมะเร็ง และมีบทบาทสำคัญในการรณรงค์ต่อต้านมะเร็งต่อมลูกหมาก
กิบาและอดีตภรรยา คริสตินา ปีร์ฟ ซึ่งเป็นนักวอลเลย์บอลเช่นกัน ได้เข้าร่วมโครงการรณรงค์ต่อต้านมะเร็งเต้านมของสถาบันศิลปะแห่งการใช้ชีวิตที่ดี (Institute Art of Living Well) เขายังร่วมฉลองวันโอลิมปิกกับเด็ก ๆ 600 คนจากโครงการเพื่อสังคมในรีโอเดจาเนโร
ในด้านการส่งเสริม กิบาได้เข้าร่วมแคมเปญโฆษณาให้กับแบรนด์ต่าง ๆ เช่น โว้ก อิตาเลีย, นิสสัน, เทคนอส และโอลิมปิกุส เขายังคงมีส่วนร่วมในโครงการความรับผิดชอบต่อสังคมอย่างต่อเนื่อง
6. กิจกรรมหลังการเลิกเล่น
หลังจากประกาศเลิกเล่นวอลเลย์บอลอาชีพในฤดูร้อนปี ค.ศ. 2014 เมื่ออายุ 37 ปี กิบาได้ยังคงมีบทบาทสำคัญในวงการวอลเลย์บอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านการบริหารจัดการกีฬา
ในปี ค.ศ. 2016 กิบาได้รับเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมการนักกีฬาของสหพันธ์วอลเลย์บอลระหว่างประเทศ (FIVB) คณะกรรมการชุดนี้ประกอบด้วยนักกีฬา 10 คนจากเก้าประเทศ ซึ่งเป็นตัวแทนของทั้งวอลเลย์บอลและวอลเลย์บอลชายหาด คณะกรรมการได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการที่ Volleyball House ในรีโอเดจาเนโร ระหว่างการแข่งขันโอลิมปิก 2016 โดยมีผู้แทนจากคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) และคณะกรรมการนักกีฬาของ IOC เข้าร่วมด้วย
7. รางวัลสำคัญและเกียรติยศส่วนบุคคล
ตลอดอาชีพการงาน กิบาได้รับรางวัลส่วนบุคคลและเกียรติยศมากมาย ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถอันโดดเด่นและอิทธิพลของเขาในวงการวอลเลย์บอล:
- 1993 FIVB U19 ชิงแชมป์โลก - ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP)
- 1995 FIVB U21 ชิงแชมป์โลก - ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP)
- 2004 โอลิมปิกเกมส์ (เอเธนส์) - ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP)
- 2006 FIVB เวิลด์ลีก - ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP)
- 2006 FIVB ชิงแชมป์โลก - ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP)
- 2006 พรีมีอู บราซิล โอลิมปิกู - นักกีฬาบราซิลยอดเยี่ยมแห่งปี
- 2007 แพนอเมริกันเกมส์ - ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP)
- 2007 ชิงแชมป์อเมริกาใต้ - ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP)
- 2007 FIVB เวิลด์คัพ - ผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP)
- 2008 FIVB เวิลด์ลีก - ตัวเสิร์ฟยอดเยี่ยม
- 2009 ชิงแชมป์อเมริกาใต้ - ตัวตบยอดเยี่ยม
- 2010 นิตยสารแฟมัส - นักวอลเลย์บอลยอดเยี่ยมแห่งทศวรรษที่ผ่านมา
- 2011 รัฐปารานา - เหรียญเชิดชูเกียรติเพื่อการส่งเสริมกีฬา
- 2011 สกายสปอร์ตส์ - นักวอลเลย์บอลที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลก
- 2015 ฟอกซ์สปอร์ตส์ - นักวอลเลย์บอลชายยอดเยี่ยมตลอดกาล
- 2016 อาร์ซีไอ บราซิล - นักกีฬายอดเยี่ยม

8. มรดกและการประเมิน
กิบาได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักวอลเลย์บอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล มรดกของเขาในวงการวอลเลย์บอลนั้นยิ่งใหญ่และยาวนาน โดยในปี ค.ศ. 2018 เขาได้รับเลือกให้เข้าสู่หอเกียรติยศวอลเลย์บอล ซึ่งเป็นการยืนยันสถานะของเขาในฐานะตำนานของวงการ
คณะกรรมการโอลิมปิกบราซิลได้ผลิตสารคดีเรื่อง "Heróis Olímpicos" (วีรบุรุษโอลิมปิก) เพื่อเชิดชูเกียรติแก่กิบา นอกจากนี้ หนังสืออัตชีวประวัติของเขาในชื่อ "Giba Neles!" ได้รับการแปลเป็นสองภาษา ได้แก่ ภาษาโปแลนด์และภาษาอิตาลี ซึ่งแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลและความนิยมของเขาในระดับนานาชาติ
ผลกระทบโดยรวมของกิบาต่อวงการวอลเลย์บอลไม่เพียงจำกัดอยู่แค่ในสนาม แต่ยังรวมถึงการเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬารุ่นใหม่ และการมีส่วนร่วมในกิจกรรมทางสังคมต่างๆ ซึ่งตอกย้ำถึงบทบาทของเขาในฐานะบุคคลสำคัญที่สร้างคุณูปการอย่างมหาศาลต่อกีฬาวอลเลย์บอลและสังคมโดยรวม