1. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
โอทิส อี. ยัง มีพื้นเพมาจากครอบครัวใหญ่ในรัฐโรดไอแลนด์ และได้ผ่านประสบการณ์สำคัญในช่วงวัยหนุ่มทั้งด้านการศึกษาและการรับราชการทหาร ซึ่งหล่อหลอมให้เขากลายเป็นบุคคลที่มีความมุ่งมั่นและหลากหลายความสามารถ
1.1. วัยเด็กและการศึกษา
ยังเกิดที่พรอวิเดนซ์ รัฐโรดไอแลนด์ เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม ค.ศ. 1932 เขาเป็นหนึ่งในพี่น้อง 14 คน (หรือบางแหล่งระบุว่า 12 คน) หลังจากนั้น เขาได้เข้าศึกษาด้านการแสดงที่มหาวิทยาลัยนิวยอร์ก วิทยาลัยครุศาสตร์ ซึ่งในชั้นเรียนเดียวกันนั้นมีหลุยส์ กอสเซตต์ จูเนียร์ นักแสดงชื่อดังร่วมเรียนอยู่ด้วย นอกจากนี้ เขายังได้รับการฝึกฝนเพิ่มเติมที่โรงเรียนการแสดงเนเบอร์ฮูดเพลย์เฮาส์ ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญในการพัฒนาทักษะการแสดงของเขา
1.2. การรับราชการทหาร
เมื่ออายุ 17 ปี ยังได้เข้าร่วมนาวิกโยธินสหรัฐฯ และได้ปฏิบัติหน้าที่ในสงครามเกาหลี ประสบการณ์จากการรับราชการทหารนี้ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญในชีวิตช่วงต้นของเขา ก่อนที่เขาจะตัดสินใจหันมาประกอบอาชีพในวงการบันเทิง
2. อาชีพ
โอทิส อี. ยัง มีเส้นทางอาชีพที่น่าสนใจและหลากหลาย ตั้งแต่การเป็นนักแสดงในวงการละครเวที โทรทัศน์ และภาพยนตร์ ไปจนถึงการผันตัวไปสู่งานรับใช้ศาสนาและงานด้านการศึกษา ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่รอบด้านของเขา
2.1. อาชีพการแสดง
ยังเริ่มต้นอาชีพการแสดงในช่วงต้นทศวรรษ 1960 ด้วยการทำงานในละครนอกบรอดเวย์ ทั้งในฐานะนักแสดงและนักเขียนบทละคร เขาได้ปรากฏตัวในละครบรอดเวย์เรื่อง บลูส์ฟอร์มิสเตอร์ชาร์ลี ของเจมส์ บอลด์วิน โดยร่วมแสดงกับนักแสดงที่มีชื่อเสียงอย่างไดอาน่า แซนส์ และอัล ฟรีแมน จูเนียร์
2.1.1. โทรทัศน์
บทบาทที่โดดเด่นที่สุดของยังในวงการโทรทัศน์คือการรับบทเป็น เจมาล เดวิด อดีตทาสในละครโทรทัศน์แนวตะวันตกของช่องเอบีซีเรื่อง ดิเอาต์คาสต์ส (ค.ศ. 1968-1969) ซึ่งเป็นผลงานที่ทำให้เขาได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวาง การรับบทนำในละครแนวตะวันตกนี้ถือเป็นหมุดหมายสำคัญทางประวัติศาสตร์ เนื่องจากเขากลายเป็นนักแสดงชาวแอฟริกัน-อเมริกันคนที่สองที่ได้ร่วมแสดงนำในละครโทรทัศน์แนวตะวันตก ถัดจากเรย์มอนด์ เซนต์ ฌาคส์ ที่เคยแสดงในฤดูกาลสุดท้ายของเรื่อง รอว์ไฮด์ ในปี ค.ศ. 1965 นอกจากนี้ ยังยังเคยปรากฏตัวในละครโทรทัศน์อีกหลายเรื่อง เช่น ดิเอฟบีไอ ตอน "ไครซิส กราวด์" (ค.ศ. 1973) และในซีรีส์ยอดนิยมอย่าง โคลัมโบ ตอน "ไอเดนติตี ไครซิส" (ฤดูกาลที่ 5, ค.ศ. 1975)
2.1.2. ภาพยนตร์
ยังเริ่มต้นอาชีพในวงการภาพยนตร์ด้วยการปรากฏตัวในเรื่อง เมอร์เดอร์อินมิสซิสซิปปี (ค.ศ. 1965) แต่บทบาทที่สร้างชื่อเสียงและเป็นที่จดจำมากที่สุดของเขาคือบท ริชาร์ด "มูล" มัลฮอลล์ เพื่อนร่วมงานตำรวจชายฝั่งของแจ็ก นิโคลสันและแรนดี เคว็ดในภาพยนตร์แนวตลกดราม่าเรื่อง สารภาพรักกับเธอ (หรือ เดอะลาสต์ดีเทล) ในปี ค.ศ. 1973 ซึ่งเป็นภาพยนตร์แนวนิว ซีเนม่าที่ได้รับคำชื่นชมอย่างสูง นอกจากนี้ เขายังมีผลงานในภาพยนตร์อื่นๆ เช่น มีแอนด์มายบราเธอร์ (ค.ศ. 1969), เดอะโคลนส์ (ค.ศ. 1973), เซอร์ไววัล (ค.ศ. 1976), ภาพยนตร์สยองขวัญทุนต่ำอย่าง เดอะแคปเจอร์ออฟบิ๊กฟุต (ค.ศ. 1979) และ บลัดบีช (ค.ศ. 1981) รวมถึง ฮอลลีวูดไนต์ส (ค.ศ. 1980) และ ฟาร์เมอร์สทาวน์ (ค.ศ. 1980)
หลังจากปี ค.ศ. 1985 ยังได้ลดบทบาทในงานแสดงลง โดยผันตัวไปสู่งานด้านศาสนาและการศึกษา
2.2. อาชีพนักเขียน
นอกเหนือจากความสามารถด้านการแสดง โอทิส อี. ยัง ยังมีความสามารถในฐานะนักเขียน เขาได้ทำงานเป็นนักเขียนบทละครนอกบรอดเวย์ในช่วงต้นทศวรรษ 1960 ซึ่งเป็นช่วงที่เขายังคงทำงานควบคู่ไปกับการแสดง ความสามารถด้านการเขียนนี้สะท้อนให้เห็นถึงมิติที่หลากหลายในอาชีพของเขา
2.3. งานรับใช้ศาสนาและการศึกษา
ในช่วงปลายอาชีพการแสดง ยังได้ตัดสินใจผันตัวไปสู่งานรับใช้ศาสนาและงานด้านการศึกษา ซึ่งกลายเป็นอีกหนึ่งบทบาทสำคัญในชีวิตของเขา
2.3.1. งานรับใช้ศาสนา
ยังได้ศึกษาเทววิทยาที่ไลฟ์แปซิฟิกยูนิเวอร์ซิตีในลอสแอนเจลิส และสำเร็จการศึกษาระดับศิลปศาสตรบัณฑิตในปี ค.ศ. 1983 หลังจากนั้น เขาได้รับศีลบวชเป็นศิษยาภิบาล และได้ดำรงตำแหน่งศิษยาภิบาลอาวุโสของอีลิมโฟร์สแควร์กอสเปลเชิร์ชในรอเชสเตอร์ รัฐนิวยอร์ก ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1986 ถึง ค.ศ. 1988 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความศรัทธาและการอุทิศตนเพื่อศาสนา
2.3.2. งานด้านการศึกษา
ควบคู่ไปกับงานรับใช้ศาสนา ยังได้มีบทบาทในฐานะนักการศึกษา โดยเขาได้สอนวิชาการแสดงที่สกูลวิทเอาต์วอลส์ ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมทางเลือกในรอเชสเตอร์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1987 ถึง ค.ศ. 1991 ต่อมาในปี ค.ศ. 1989 เขาก็ได้เข้าร่วมเป็นคณาจารย์ที่วิทยาลัยชุมชนมอนโรในรอเชสเตอร์ และดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ด้านการสื่อสารและหัวหน้าภาควิชาการละคร จนกระทั่งเกษียณอายุในปี ค.ศ. 1999 บทบาทเหล่านี้ทำให้เขาสามารถถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ให้กับคนรุ่นใหม่ได้อย่างต่อเนื่อง
3. ชีวิตส่วนตัว
โอทิส อี. ยัง มีชีวิตส่วนตัวที่มั่นคง เขาแต่งงานกับบาร์บารา และมีบุตรชายสองคน บุตรสาวสองคน รวมถึงมารดาของเขาที่ชื่อ เกวนโดลิน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตนอกเหนือจากอาชีพการงานของเขา
4. การเสียชีวิต
โอทิส อี. ยัง เสียชีวิตเมื่อวันที่ 12 ตุลาคม ค.ศ. 2001 ด้วยวัย 69 ปี ที่โรงพยาบาลทหารผ่านศึกในลอสแอนเจลิส หลังจากที่เขาประสบภาวะสมองขาดเลือด (Stroke) ในลอสแอนเจลิส พิธีรำลึกถึงเขาได้จัดขึ้นที่โบสถ์มหาวิทยาลัยเพปเปอร์ดีน
5. การประเมินและผลกระทบ
โอทิส อี. ยัง ทิ้งมรดกอันสำคัญไว้ในวงการบันเทิงและสังคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะผู้บุกเบิกที่ทลายกำแพงทางเชื้อชาติในวงการโทรทัศน์ และเป็นนักแสดงที่มีผลงานการแสดงอันทรงพลัง
5.1. ผู้บุกเบิกในวงการโทรทัศน์
ยังได้รับการยกย่องอย่างสูงในฐานะผู้บุกเบิกในวงการโทรทัศน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการเป็นนักแสดงชาวแอฟริกัน-อเมริกันคนแรกๆ ที่ได้รับบทนำในละครโทรทัศน์แนวตะวันตก การปรากฏตัวของเขาในเรื่อง ดิเอาต์คาสต์ส ถือเป็นการทลายกำแพงทางสังคมและวัฒนธรรมในยุคที่การเป็นตัวแทนของคนผิวสียังมีข้อจำกัดอย่างมากในสื่อกระแสหลัก บทบาทของเขามีส่วนช่วยเปิดประตูให้กับนักแสดงผิวสีคนอื่นๆ ในอนาคต และเป็นสัญลักษณ์ของการเปลี่ยนแปลงในวงการบันเทิง
5.2. ผลงานสำคัญและการแสดง
การแสดงของยังในภาพยนตร์เรื่อง สารภาพรักกับเธอ ได้รับการชื่นชมอย่างมากจากนักวิจารณ์และผู้ชม โดยบทบาทของเขาในฐานะเพื่อนร่วมเดินทางของแจ็ก นิโคลสันนั้นมีความสมจริงและน่าจดจำ การแสดงของเขามีส่วนสำคัญในการทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้กลายเป็นหนึ่งในภาพยนตร์คลาสสิกของยุคนิว ซีเนม่า นอกจากนี้ บทบาทของเขาในละครโทรทัศน์และละครเวทีก็แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการถ่ายทอดอารมณ์และความลึกซึ้งของตัวละครได้อย่างยอดเยี่ยม ทำให้เขายังคงเป็นที่จดจำในฐานะนักแสดงผู้มากฝีมือและผู้มีส่วนสำคัญในการพัฒนาวงการบันเทิง