1. ภาพรวม
ฮูลิโอ เซซาร์ โรเมโร อินสฟรัน (Julio César Romero Insfránฮูลิโอ เซซาร์ โรเมโร อินสฟรันภาษาสเปน เกิดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 1960) หรือที่รู้จักกันในชื่อ โรเมริโต (Romeritoโรเมริโตภาษาสเปน) เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวปารากวัยที่เล่นในตำแหน่งกองกลาง เขาได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลปารากวัย และเป็นนักฟุตบอลชาวปารากวัยเพียงคนเดียวที่ได้รับการคัดเลือกจากเปเล่ให้อยู่ในรายชื่อ FIFA 100 เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 2004 ซึ่งเป็นการรวบรวมรายชื่อนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด 125 คนที่ยังมีชีวิตอยู่
2. ประวัติส่วนตัวและภูมิหลัง
โรเมริโตมีภูมิหลังวัยเยาว์ที่เรียบง่ายและเริ่มต้นเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลในบ้านเกิดของเขา
2.1. การเกิดและภูมิหลังวัยเยาว์
ฮูลิโอ เซซาร์ โรเมโร เกิดเมื่อวันที่ 28 สิงหาคม ค.ศ. 1960 ที่เมืองลูเก ประเทศปารากวัย
q=Luque, Paraguay|position=right
2.2. ฉายา
เขาเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายด้วยฉายา "โรเมริโต" ซึ่งเป็นชื่อเล่นที่แฟนบอลและสื่อมวลชนใช้เรียกขานเขาตลอดอาชีพการค้าแข้ง
3. เส้นทางอาชีพนักฟุตบอล
เส้นทางอาชีพนักฟุตบอลของโรเมริโตมีความโดดเด่นทั้งในระดับสโมสรและระดับทีมชาติ โดยเขาสร้างผลงานอันน่าประทับใจในหลายประเทศ
3.1. จุดเริ่มต้นอาชีพ
โรเมริโตเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับสโมสรท้องถิ่นอย่าง สปอร์ติโว ลูเคโญ ในปี ค.ศ. 1977 ในปี ค.ศ. 1979 ผลงานที่สม่ำเสมอของเขาทำให้เขาได้รับเลือกติดฟุตบอลทีมชาติปารากวัยชุดเยาวชนเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์เยาวชนโลก และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดของทัวร์นาเมนต์ ร่วมกับดิเอโก มาราโดนา ในปีเดียวกันนั้น โรเมริโตยังมีบทบาทสำคัญในการพาทีมชาติปารากวัยคว้าแชมป์โกปาอาเมริกา 1979 โดยเขายิงได้ 3 ประตูในรายการนี้ ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ครั้งแรกในรอบ 26 ปีของปารากวัย
3.2. อาชีพกับสโมสร
โรเมริโตได้ค้าแข้งกับสโมสรชั้นนำหลายแห่งทั่วโลก สร้างชื่อเสียงและคว้าแชมป์มากมาย
3.2.1. นิวยอร์ก คอสมอส
ในปี ค.ศ. 1980 โรเมริโตได้ย้ายไปร่วมทีมนิวยอร์ก คอสมอส ซึ่งเป็นสโมสรที่เคยดึงดูดผู้เล่นระดับตำนานมากมายในลีกอเมริกาเหนือ (NASL) ที่นั่น เขาได้เล่นเคียงข้างกับนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่ระดับโลกอย่างการ์ลุส อัลแบร์ตู กัปตันทีมชาติบราซิลชุดแชมป์โลกปี ค.ศ. 1970 และฟรันทซ์ เบ็คเคินเบาเออร์ กัปตันทีมชาติเยอรมนีชุดแชมป์โลกปี ค.ศ. 1974 ในการแข่งขันซอกเกอร์โบวล์ปี ค.ศ. 1980 เขายิงประตูชัยช่วยให้ทีมเอาชนะฟอร์ตลอเดอร์เดล สไตรเกอร์สไป 3-0 และพาทีมคว้าแชมป์ NASL ได้ในปี ค.ศ. 1980 และ ค.ศ. 1982 ตลอดระยะเวลาที่อยู่กับนิวยอร์ก คอสมอส เขาลงสนามไป 88 นัดและยิงได้ 28 ประตู
3.2.2. ฟลูมิเนนเซ่ เอฟซี
ในปี ค.ศ. 1984 โรเมริโตย้ายไปบราซิลเพื่อเล่นให้กับสโมสรฟลูมิเนนเซ่ เอฟซี ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาประสบความสำเร็จอย่างสูง เขาได้รับการคัดเลือกให้เป็นนักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งอเมริกาใต้ประจำปี ค.ศ. 1985 และเป็นที่รักของแฟนบอลอย่างมากหลังจากนำทีมคว้าแชมป์กังเปโอนาตูบราซีเลย์รูแซรียีอาในปี ค.ศ. 1984 นอกจากนี้ เขายังพาทีมคว้าแชมป์กังเปโอนาตูการียอกาได้ในปี ค.ศ. 1984 และ ค.ศ. 1985 ด้วยผลงานอันยอดเยี่ยมนี้ ทำให้เขาได้รับรางวัลโบลา จี ปราตาในปี ค.ศ. 1984 ตลอดระยะเวลาที่อยู่กับฟลูมิเนนเซ่ เขาลงสนามไป 78 นัดและยิงได้ 19 ประตู
3.2.3. เอฟซี บาร์เซโลน่า
หลังจากประสบความสำเร็จในบราซิล โรเมริโตได้ย้ายไปค้าแข้งช่วงสั้นๆ ในประเทศสเปนกับสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างเอฟซี บาร์เซโลน่าในปี ค.ศ. 1988 แม้จะเป็นช่วงเวลาที่ไม่นานนัก แต่เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมที่คว้าแชมป์ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพในฤดูกาล 1988-89 โดยเขาลงสนามไป 7 นัดและยิงได้ 1 ประตู
3.2.4. ปูเอบลา เอฟซี
ในปี ค.ศ. 1989 โรเมริโตย้ายไปเล่นในประเทศเม็กซิโกกับสโมสรปูเอบลา เอฟซี ที่นั่นเขายังคงรักษาฟอร์มการเล่นที่โดดเด่นและพาทีมคว้าแชมป์เม็กซิกัน ปริเมรา ดิวิซิออนในฤดูกาล 1989-90 รวมถึงแชมป์โกปา เม็กซิโกในปีเดียวกันด้วย เขาลงสนามให้ปูเอบลาไป 17 นัดและยิงได้ 2 ประตู
3.2.5. สโมสรช่วงท้ายอาชีพ
หลังจากค้าแข้งในเม็กซิโก โรเมริโตได้กลับสู่ทวีปอเมริกาใต้ในปี ค.ศ. 1990 และเล่นให้กับสโมสรต่างๆ ในช่วงปลายอาชีพ เขาได้กลับไปเล่นให้กับสปอร์ติโว ลูเคโญ สโมสรแรกของเขาอีกหลายครั้ง และยังได้เล่นให้กับโอลิมเปีย ซึ่งเขาพาทีมคว้าแชมป์ตอร์เนโอ เรปูบลิกาในปี ค.ศ. 1992 นอกจากนี้ เขายังเคยเล่นให้กับคลับ เซร์โร โกราในปารากวัย และเดปอร์เตส ลา เซเรน่าในประเทศชิลี ก่อนที่จะแขวนสตั๊ดในที่สุด ตลอดอาชีพการค้าแข้งของเขา โรเมริโตยิงประตูรวมกันได้มากกว่า 400 ประตู
3.3. เส้นทางทีมชาติ
โรเมริโตเป็นกำลังสำคัญของฟุตบอลทีมชาติปารากวัยมาอย่างยาวนาน
เขาเป็นผู้เล่นคนสำคัญในการพาทีมชาติปารากวัยคว้าแชมป์โกปาอาเมริกา 1979 ซึ่งเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของประเทศ และในปี ค.ศ. 1986 เขามีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ฟุตบอลทีมชาติปารากวัยกลับเข้าสู่รอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก 1986 หลังจากห่างหายไปนานถึง 28 ปี ในการแข่งขันฟุตบอลโลกที่เม็กซิโก เขาทำประตูได้ในรอบแรกทั้งในนัดที่พบกับฟุตบอลทีมชาติอิรักและฟุตบอลทีมชาติเม็กซิโกซึ่งเป็นเจ้าภาพ ตลอดเส้นทางอาชีพกับทีมชาติปารากวัย เขาลงสนามไป 64 นัดและยิงได้ 13 ประตู ทำให้เขากลายเป็นผู้ทำประตูสูงสุดอันดับ 3 ในประวัติศาสตร์ของทีมชาติปารากวัย
3.4. รูปแบบการเล่นและสถิติ
โรเมริโตเป็นนักฟุตบอลที่เล่นในตำแหน่งกองกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในบทบาทกองกลางตัวรุก เขามีส่วนสูงประมาณ 173 cm มีทักษะการเลี้ยงบอลที่ยอดเยี่ยม วิสัยทัศน์ในการจ่ายบอล และความสามารถในการทำประตูที่เฉียบคม ซึ่งทำให้เขาสามารถสร้างสรรค์โอกาสและจบสกอร์ได้ด้วยตัวเอง ตลอดอาชีพการค้าแข้งของเขา เขาทำประตูรวมได้มากกว่า 400 ประตู
4. รางวัลและเกียรติประวัติ
โรเมริโตได้รับรางวัลและเกียรติประวัติมากมายทั้งในระดับสโมสรและระดับส่วนบุคคล ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถอันโดดเด่นของเขา
4.1. รางวัลระดับสโมสร
- นิวยอร์ก คอสมอส
- NASL: ค.ศ. 1980, ค.ศ. 1982
- ฟลูมิเนนเซ่ เอฟซี
- แซรียีอา: ค.ศ. 1984
- กังเปโอนาตูการียอกา: ค.ศ. 1984, ค.ศ. 1985
- เอฟซี บาร์เซโลน่า
- ยูฟ่าคัพวินเนอร์สคัพ: ฤดูกาล 1988-89
- ปูเอบลา เอฟซี
- ปริเมรา ดิวิซิออน: ฤดูกาล 1989-90
- โกปา เม็กซิโก: ฤดูกาล 1989-90
- โอลิมเปีย
- ตอร์เนโอ เรปูบลิกา: ค.ศ. 1992
4.2. รางวัลส่วนบุคคล
- ปารากวัย
- โกปาอาเมริกา: ค.ศ. 1979
- นักฟุตบอลยอดเยี่ยมแห่งอเมริกาใต้: ค.ศ. 1985; รางวัลเงิน: ค.ศ. 1979
- ผู้ทำประตูสูงสุดปริเมรา ดิวิซิออน เด ปารากวัย: ค.ศ. 1990
- FIFA 100: ค.ศ. 2004
- โบลา จี ปราตา: ค.ศ. 1984
- ทีมยอดเยี่ยมแห่งอเมริกาใต้: ค.ศ. 1986
5. กิจกรรมหลังยุติอาชีพ
หลังจากยุติอาชีพนักฟุตบอล โรเมริโตได้ผันตัวไปทำกิจกรรมที่น่าสนใจหลายอย่าง ทั้งในด้านการเมืองและวงการบันเทิง
5.1. กิจกรรมทางการเมือง
โรเมริโตได้เข้าสู่เส้นทางการเมืองในฐานะสมาชิกของพรรคโคโลราโด ในเมืองลูเก ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา และปัจจุบันเขายังคงดำรงตำแหน่งเป็นสมาชิกสภาเมืองลูเก
5.2. กิจกรรมอื่นๆ
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2006 โรเมริโตสร้างความประหลาดใจให้กับสาธารณชนด้วยการเปิดตัวในฐานะนักร้องร็อกเป็นครั้งแรกในเทศกาลดนตรี "พิลเซน ร็อก" (Pilsen Rock) ซึ่งเป็นเทศกาลดนตรีชื่อดังของปารากวัย เขาขึ้นเวทีในฐานะแขกรับเชิญของวงดนตรีท้องถิ่นยอดนิยมอย่าง Revolber และร้องท่อนเปิดของเพลง "ซียาเต เออร์มาโนส, 1 มิซิล" (Siete hermanos, 1 misil) ต่อหน้าผู้ชมกว่า 40,000 คน
6. การประเมินและผลกระทบ
ฮูลิโอ เซซาร์ โรเมโร หรือ "โรเมริโต" ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลปารากวัย ความสำเร็จของเขาในการพาทีมชาติปารากวัยคว้าแชมป์โกปาอาเมริกาในปี ค.ศ. 1979 และการเป็นผู้เล่นคนสำคัญในการนำทีมกลับสู่ฟุตบอลโลกในปี ค.ศ. 1986 ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับนักฟุตบอลรุ่นหลังในประเทศ นอกจากนี้ การได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน FIFA 100 โดยเปเล่ ยังเป็นการตอกย้ำสถานะของเขาในฐานะนักฟุตบอลระดับโลก ความสามารถอันโดดเด่นในตำแหน่งกองกลาง การทำประตูที่เฉียบคม และการมีส่วนร่วมกับสโมสรชั้นนำในหลายทวีป ทำให้เขามีผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อวงการฟุตบอลทั้งในปารากวัยและในระดับนานาชาติ