1. ชีวิตช่วงต้นและอาชีพเยาวชน
โรมัน ไวเดินเฟ็ลเลอร์เกิดเมื่อวันที่ 6 สิงหาคม ค.ศ. 1980 ที่เมืองดีทซ์ รัฐไรน์ลันท์-ฟัลทซ์ ในเยอรมนีตะวันตก เขาเริ่มต้นเส้นทางอาชีพฟุตบอลกับสโมสรเยาวชนชปอร์ทฟร็อยน์เดอไอส์บัคทาลตั้งแต่ปี ค.ศ. 1985 ถึง ค.ศ. 1997 หลังจากการแสดงผลงานอันโดดเด่นในการแข่งขันฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปี 1997 ซึ่งทีมชาติเยอรมนีชุดเยาวชนของเขาทำผลงานได้ดีจนติดอันดับสี่ และตัวเขาเองก็ได้รับเลือกให้เป็นผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของการแข่งขัน ทำให้เขามีโอกาสเข้าร่วมทีมเยาวชนของสโมสร1. เอ็ฟเซ ไคเซิร์สเลาเทิร์นในปี ค.ศ. 1996 และลงเล่นไป 40 นัดตลอดสองฤดูกาลในทีมเยาวชนก่อนจะก้าวขึ้นสู่ระดับอาชีพ
2. อาชีพสโมสร
อาชีพสโมสรของโรมัน ไวเดินเฟ็ลเลอร์โดดเด่นด้วยช่วงเวลาที่สำคัญกับสองสโมสรใหญ่ในเยอรมนี คือ 1. เอ็ฟเซ ไคเซิร์สเลาเทิร์น และโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ ซึ่งเขาได้สร้างชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากมาย
2.1. 1. เอ็ฟเซ ไคเซิร์สเลาเทิร์น
ในปี ค.ศ. 1998 โรมัน ไวเดินเฟ็ลเลอร์ได้ย้ายเข้าร่วมทีมเยาวชนของ1. เอ็ฟเซ ไคเซิร์สเลาเทิร์นอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นเขาได้ลงเล่นให้กับทีมสำรองคือ 1. เอ็ฟเซ ไคเซิร์สเลาเทิร์น II ถึง 51 นัดในสามฤดูกาล เขาได้รับการเลื่อนขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่สำหรับบุนเดิสลีกา ฤดูกาล 2000-01 และได้ประเดิมสนามในระดับอาชีพเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน ค.ศ. 2000 ในการแข่งขันกับชัลเคอ 04 อย่างไรก็ตาม ตลอดระยะเวลาสองปีที่อยู่ในทีมชุดใหญ่ของไคเซิร์สเลาเทิร์น เขาได้ลงสนามในลีกเพียง 6 นัดเท่านั้น เนื่องจากเขาถูกใช้เป็นผู้รักษาประตูสำรองของเกออร์ก คอค ทำให้เขารู้สึกไม่มีความสุขกับสถานการณ์นี้
2.2. โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์
เส้นทางอาชีพของโรมัน ไวเดินเฟ็ลเลอร์ที่โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ถือเป็นบทบาทที่สำคัญที่สุดในชีวิตนักฟุตบอลของเขา ซึ่งเต็มไปด้วยความสำเร็จ การบาดเจ็บ และเหตุการณ์สำคัญที่หล่อหลอมชื่อเสียงของเขา

2.2.1. การก้าวสู่จุดสูงสุดและความสำเร็จด้านแชมป์
ในปี ค.ศ. 2002 โรมัน ไวเดินเฟ็ลเลอร์ได้ย้ายมายังโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์แบบไร้ค่าตัว เพื่อเป็นตัวแทนที่มีศักยภาพของเย็นส์ เลมัน ผู้ซึ่งย้ายไปสโมสรฟุตบอลอาร์เซนอลในปี ค.ศ. 2003 ไวเดินเฟ็ลเลอร์ประเดิมสนามให้กับดอร์ทมุนท์เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม ค.ศ. 2003 ในการแข่งขันกับอดีตสโมสรของเขา ไคเซิร์สเลาเทิร์น ซึ่งดอร์ทมุนท์แพ้ไป 1-0 หลังจากเลมันย้ายออกไปในฤดูกาล 2003-04 ไวเดินเฟ็ลเลอร์ก็ก้าวขึ้นมาเป็นผู้รักษาประตูตัวหลักของทีมและดำรงตำแหน่งนี้ต่อเนื่องยาวนานถึง 16 ฤดูกาล กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่เป็นสัญลักษณ์ของสโมสร

ในช่วงเวลาที่รุ่งโรจน์ที่สุดของเขา ไวเดินเฟ็ลเลอร์เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ดอร์ทมุนท์ประสบความสำเร็จอย่างงดงาม โดยเขาคว้าแชมป์บุนเดิสลีกาถึงสองสมัยติดต่อกันในฤดูกาล 2010-11 และฤดูกาล 2011-12 นอกจากนี้ เขายังช่วยให้ทีมคว้าแชมป์เดเอ็ฟเบ-โพคาลได้ถึงสองครั้งในฤดูกาล 2011-12 และ2016-17 โดยในนัดชี้ขาดแชมป์บุนเดิสลีกาปี 2012 เขาโชว์ฟอร์มเซฟจุดโทษจากอาร์เยน ร็อบเบินได้อย่างยอดเยี่ยม และในนัดชิงชนะเลิศเดเอ็ฟเบ-โพคาลปีเดียวกัน ซึ่งดอร์ทมุนท์เอาชนะไบเอิร์นมิวนิก 5-2 เขาก็ถูกเปลี่ยนตัวออกในนาทีที่ 33 หลังจากปะทะกับมารีโอ โกเมซ เขาคว้าแชมป์เดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพได้ในปี 2008 และ 2013 นอกจากนี้ เขายังเป็นส่วนหนึ่งของทีมที่เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2012-13 แต่พ่ายแพ้ไปอย่างน่าเสียดาย
เขายังคงต่อสัญญาค้าแข้งกับดอร์ทมุนท์อย่างต่อเนื่อง โดยเซ็นสัญญาจนถึงปี 2016 เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม ค.ศ. 2013 จากนั้นต่อสัญญาเพิ่มอีกหนึ่งปีจนถึงปี 2017 เมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 และขยายสัญญาอีกครั้งจนถึงปี 2018 เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 2017
2.2.2. อาการบาดเจ็บและข้อถกเถียง
ตลอดเส้นทางอาชีพของโรมัน ไวเดินเฟ็ลเลอร์ มีทั้งช่วงเวลาที่สดใสและช่วงเวลาที่ต้องเผชิญกับความท้าทายจากอาการบาดเจ็บและข้อถกเถียงที่สำคัญ
ในปี ค.ศ. 2005 ไวเดินเฟ็ลเลอร์เข้ารับการผ่าตัดหลังจากประสบอาการเอ็นไขว้เข่าข้างซ้ายฉีกขาดระหว่างการฝึกซ้อม ซึ่งทำให้เขาต้องพักรักษาตัวหลายเดือน และในช่วงปลายฤดูกาล 2007-08 เขาก็พลาดการลงสนามในนัดชิงชนะเลิศเดเอ็ฟเบ-โพคาล เนื่องจากเอ็นยึดข้อเข่าข้างขวาฉีกขาดบางส่วน ซึ่งทีมก็พ่ายแพ้ให้กับไบเอิร์นมิวนิกไป 2-1 โดยมีมาร์ค ซีกเลอร์เข้ามาทำหน้าที่แทน
เหตุการณ์ที่เป็นข้อถกเถียงอย่างมากเกิดขึ้นในช่วงต้นฤดูกาล 2007-08 เมื่อไวเดินเฟ็ลเลอร์ถูกสมาคมฟุตบอลเยอรมนีลงโทษห้ามลงสนาม 3 นัด และปรับเงิน 10.00 K EUR ฐานใช้คำพูดเหยียดเชื้อชาติกับเกรัลด์ อซาโมอาห์ กองหน้าของชัลเคอ 04 เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นในนาทีที่ 51 ของการแข่งขันเมื่อวันที่ 18 สิงหาคม ค.ศ. 2007 หลังจากที่ทั้งสองปะทะกันในสนาม อซาโมอาห์เป็นผู้ที่รายงานเหตุการณ์นี้เป็นครั้งแรก หลังจากนั้น ไวเดินเฟ็ลเลอร์ได้ออกมาขอโทษอซาโมอาห์ตามรายงานข่าว แต่ก็ปฏิเสธว่าเขาไม่ได้พูดถ้อยคำเหยียดเชื้อชาติตามที่ถูกกล่าวหา เหตุการณ์นี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการต่อต้านการเหยียดเชื้อชาติในวงการฟุตบอลและสังคม
2.2.3. อาชีพช่วงปลายและการแขวนสตั๊ด
หลังจากฤดูกาล 2014-15 ที่ผู้จัดการทีมเยือร์เกิน คลอปป์อำลาทีมไป โทมัส ทุเคิล ผู้จัดการทีมคนใหม่ได้เลือกโรมัน เบือร์กี ผู้เล่นใหม่เข้ามาเป็นผู้รักษาประตูตัวเลือกแรก ทำให้ไวเดินเฟ็ลเลอร์ต้องรับบทบาทเป็นผู้รักษาประตูสำรองในเกมลีก อย่างไรก็ตาม เขายังคงได้รับโอกาสลงเล่นในการแข่งขันฟุตบอลยุโรปของสโมสร
แม้บทบาทจะเปลี่ยนไป แต่เขายังคงเป็นส่วนสำคัญของทีมและได้รับความไว้วางใจจากสโมสร โดยในวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2016 ไวเดินเฟ็ลเลอร์ได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่กับดอร์ทมุนท์ไปอีกหนึ่งปีจนถึงปี 2017 และในวันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ. 2017 เขาก็ขยายสัญญาออกไปอีกจนถึงปี 2018
ในที่สุด เมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2017-18 โรมัน ไวเดินเฟ็ลเลอร์ก็ตัดสินใจแขวนสตั๊ดจากการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ โดยเขาได้ลงสนามเป็นตัวสำรองในนัดสุดท้าย และประกาศว่าจะยังคงทำงานให้กับดอร์ทมุนท์ในบทบาทอื่นต่อไป การแข่งขันอำลาสนามของเขาจัดขึ้นเมื่อวันที่ 7 กันยายน ค.ศ. 2018 ที่สนามซิกนาลอีดูนาพาร์ค (เวสต์ฟาเลินชตาดีออน) ซึ่งทีม "โรมันแอนด์เฟรนด์ส" ของเขาชนะทีม "บีเฟาเบอออลสตาร์ส" และไวเดินเฟ็ลเลอร์ยังยิงได้สองประตูในเกมนี้ด้วย
3. อาชีพระดับชาติ
เส้นทางอาชีพของโรมัน ไวเดินเฟ็ลเลอร์ในนามทีมชาติเยอรมนีมีจุดเด่นจากการเป็นกำลังสำคัญในทีมชาติชุดเยาวชน และการประเดิมสนามในชุดใหญ่ที่มาค่อนข้างช้า แต่ก็ประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่
3.1. ทีมชาติชุดเยาวชน
โรมัน ไวเดินเฟ็ลเลอร์เริ่มสร้างชื่อเสียงในระดับทีมชาติชุดเยาวชน โดยในปี ค.ศ. 1997 เขาเป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอลทีมชาติเยอรมนีรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปีที่เข้าร่วมฟุตบอลโลกเยาวชนอายุไม่เกิน 17 ปี และช่วยให้ทีมเข้าถึงรอบรองชนะเลิศได้เป็นอันดับสี่ แม้จะแพ้บราซิลในรอบรองและสเปนในนัดชิงอันดับสาม แต่เขาก็ได้รับเลือกให้เป็นผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์นี้ ระหว่างปี ค.ศ. 1999 ถึง ค.ศ. 2001 เขายังได้ลงสนาม 3 นัดให้กับฟุตบอลทีมชาติเยอรมนีรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี และในปี ค.ศ. 2005 เขายังเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติชุด บี หรือที่รู้จักกันในชื่อ "ทีม 2006" ซึ่งเป็นทีมพัฒนาผู้เล่นสำหรับฟุตบอลโลก 2006ที่เยอรมนีเป็นเจ้าภาพ ถึงแม้จะได้รับโอกาสในทีมชุดนี้ แต่เขาก็ไม่ได้รับเลือกให้เข้าร่วมทีมชุดสุดท้ายของเยือร์เกิน คลินส์มันน์สำหรับฟุตบอลโลก 2006
3.2. ทีมชาติชุดใหญ่
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2013 ไวเดินเฟ็ลเลอร์ถูกเรียกติดฟุตบอลทีมชาติเยอรมนีชุดใหญ่เป็นครั้งแรกสำหรับเกมกระชับมิตรกับอิตาลีและอังกฤษ เขาได้ประเดิมสนามนัดแรกในฐานะตัวจริงกับอังกฤษที่สนามกีฬาเวมบลีย์เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ค.ศ. 2013 ด้วยวัย 33 ปี ทำให้เขากลายเป็นผู้รักษาประตูที่อายุมากที่สุดที่ประเดิมสนามให้กับทีมชาติเยอรมนี และสามารถรักษาคลีนชีทช่วยให้ทีมชนะ 1-0 จากนั้นเขาได้ลงเล่นในเกมกับแคเมอรูนซึ่งจบลงด้วยผลเสมอ 2-2 และนัดที่สามกับอาร์มีเนียซึ่งเยอรมนีชนะ 6-1 โดยทั้งสองนัดเป็นเกมกระชับมิตร

ไวเดินเฟ็ลเลอร์ถูกเสนอชื่อเป็นผู้รักษาประตูสำรองรองจากมานูเอล น็อยเออร์สำหรับฟุตบอลโลก 2014ที่ประเทศบราซิล แม้ว่าทีมชาติเยอรมนีจะคว้าแชมป์โลกได้เป็นสมัยที่สี่ แต่ไวเดินเฟ็ลเลอร์ก็ไม่ได้รับโอกาสลงสนามในเกมใดๆ ในการแข่งขันครั้งนั้น อย่างไรก็ตาม การได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดแชมป์โลกถือเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในอาชีพของเขา เขาลงสนามในนามทีมชาติเยอรมนีในนัดแข่งขันอย่างเป็นทางการครั้งแรกในเกมกับยิบรอลตาร์ในศึกยูฟ่า ยูโร 2016 รอบคัดเลือกเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2015 การแข่งขันนี้ถือเป็นนัดอำลาทีมชาติของเขา โดยเขามีสถิติการลงสนามให้ทีมชาติชุดใหญ่รวมทั้งหมด 5 นัด
4. สถิติอาชีพ
4.1. สโมสร
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | เดเอ็ฟเบ-โพคาล | ยุโรป | อื่นๆ | รวม | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ลีก | นัด | ประตู | นัด | ประตู | นัด | ประตู | นัด | ประตู | นัด | ประตู | ||
1. เอ็ฟเซ ไคเซิร์สเลาเทิร์น II | 1998-99 | เรกิโอนาลลีกา เวสต์/ซืทเวสต์ | 4 | 0 | - | - | - | 4 | 0 | |||
1999-2000 | เรกิโอนาลลีกา เวสต์/ซืทเวสต์ | 35 | 0 | - | - | - | 35 | 0 | ||||
2001-02 | เรกิโอนาลลีกา ซืท | 12 | 0 | - | - | - | 12 | 0 | ||||
รวม | 51 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 51 | 0 | ||
1. เอ็ฟเซ ไคเซิร์สเลาเทิร์น | 2000-01 | บุนเดิสลีกา | 3 | 0 | 0 | 0 | 1 | 0 | - | 4 | 0 | |
2001-02 | 3 | 0 | 1 | 0 | - | - | 4 | 0 | ||||
รวม | 6 | 0 | 1 | 0 | 1 | 0 | 0 | 0 | 8 | 0 | ||
โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ II | 2002-03 | เรกิโอนาลลีกา นอร์ด | 7 | 0 | - | - | - | 7 | 0 | |||
2003-04 | 4 | 0 | - | - | - | 4 | 0 | |||||
2004-05 | 2 | 0 | - | - | - | 2 | 0 | |||||
รวม | 13 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 13 | 0 | ||
โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ | 2002-03 | บุนเดิสลีกา | 11 | 0 | 2 | 0 | - | 1 | 0 | 14 | 0 | |
2003-04 | 17 | 0 | 2 | 0 | 6 | 0 | 2 | 0 | 27 | 0 | ||
2004-05 | 26 | 0 | 1 | 0 | - | - | 27 | 0 | ||||
2005-06 | 24 | 0 | 1 | 0 | 2 | 0 | - | 27 | 0 | |||
2006-07 | 34 | 0 | 2 | 0 | - | - | 36 | 0 | ||||
2007-08 | 14 | 0 | 0 | 0 | - | - | 14 | 0 | ||||
2008-09 | 32 | 0 | 3 | 0 | 2 | 0 | - | 37 | 0 | |||
2009-10 | 30 | 0 | 3 | 0 | - | - | 33 | 0 | ||||
2010-11 | 33 | 0 | 2 | 0 | 8 | 0 | - | 43 | 0 | |||
2011-12 | 32 | 0 | 4 | 0 | 6 | 0 | 1 | 0 | 43 | 0 | ||
2012-13 | 31 | 0 | 4 | 0 | 13 | 0 | 1 | 0 | 49 | 0 | ||
2013-14 | 30 | 0 | 3 | 0 | 9 | 0 | 1 | 0 | 43 | 0 | ||
2014-15 | 25 | 0 | 0 | 0 | 7 | 0 | - | 32 | 0 | |||
2015-16 | 1 | 0 | 0 | 0 | 13 | 0 | - | 14 | 0 | |||
2016-17 | 7 | 0 | 2 | 0 | 2 | 0 | 0 | 0 | 11 | 0 | ||
2017-18 | 2 | 0 | 0 | 0 | 1 | 0 | 0 | 0 | 3 | 0 | ||
รวม | 349 | 0 | 29 | 0 | 69 | 0 | 6 | 0 | 453 | 0 | ||
รวมตลอดอาชีพ | 419 | 0 | 30 | 0 | 70 | 0 | 6 | 0 | 525 | 0 |
4.2. ทีมชาติ
ทีมชาติ | ปี | นัด | ประตู |
---|---|---|---|
เยอรมนี | 2013 | 1 | 0 |
2014 | 3 | 0 | |
2015 | 1 | 0 | |
รวม | 5 | 0 |
5. เกียรติประวัติ
โรมัน ไวเดินเฟ็ลเลอร์ได้รับเกียรติประวัติสำคัญตลอดเส้นทางอาชีพทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ
- โบรุสซีอาดอร์ทมุนท์
- บุนเดิสลีกา: ชนะเลิศ 2 สมัย (2010-11, 2011-12)
- เดเอ็ฟเบ-โพคาล: ชนะเลิศ 2 สมัย (2011-12, 2016-17)
- ซูเพอร์คัพเยอรมัน: ชนะเลิศ 2 สมัย (2008, 2013)
- ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก: รองชนะเลิศ 1 สมัย (2012-13)
- บุนเดิสลีกา: รองชนะเลิศ 3 สมัย (2012-13, 2013-14, 2015-16)
- เดเอ็ฟเบ-โพคาล: รองชนะเลิศ 4 สมัย (2007-08, 2013-14, 2014-15, 2015-16)
- เดเอ็ฟเบ-ลีกาโพคาล: รองชนะเลิศ 1 สมัย (2003)
- เดเอ็ฟเอ็ล-ซูเพอร์คัพ: รองชนะเลิศ 3 สมัย (2011, 2012, 2016, 2017)
- ทีมชาติเยอรมนี รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี
- เหรียญทองแดงในฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี 1997
- ทีมชาติเยอรมนี
- ฟุตบอลโลก: ชนะเลิศ 1 สมัย (2014)
6. กิจกรรมหลังแขวนสตั๊ดและมรดก
หลังจากประกาศแขวนสตั๊ดเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล 2017-18 โรมัน ไวเดินเฟ็ลเลอร์ยังคงมีบทบาทสำคัญกับโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ โดยเขาเข้ารับตำแหน่งเป็นทูตระหว่างประเทศของสโมสร ซึ่งสะท้อนถึงความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นและความภักดีของเขาที่มีต่อทีมตลอดระยะเวลา 16 ฤดูกาลที่ผ่านมา บทบาทนี้ทำให้เขาสามารถใช้ประสบการณ์และชื่อเสียงของเขาในการส่งเสริมภาพลักษณ์ของสโมสรในระดับนานาชาติ
มรดกที่ไวเดินเฟ็ลเลอร์ทิ้งไว้ให้กับวงการฟุตบอลเยอรมนี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์ คือการเป็นสัญลักษณ์ของผู้รักษาประตูที่เปี่ยมด้วยความมุ่งมั่นและฟอร์มการเล่นที่สม่ำเสมอ เขาเป็นผู้เล่นหลักที่นำพาสโมสรจากช่วงเวลาที่ตกต่ำไปสู่การเป็นหนึ่งในทีมชั้นนำของยุโรป คว้าแชมป์สำคัญมากมาย และยังเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติเยอรมนีชุดแชมป์โลก การที่เขาอยู่กับสโมสรยาวนานและเป็นกำลังสำคัญในการฟื้นฟูความสำเร็จของดอร์ทมุนท์นั้น ทำให้เขากลายเป็นตำนานของสโมสร อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เคยถูกกล่าวหาเรื่องการเหยียดเชื้อชาติก็ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์อาชีพของเขา ซึ่งย้ำเตือนถึงความรับผิดชอบของนักกีฬาในการเป็นแบบอย่างที่ดีต่อสังคมและประเด็นทางสังคมที่วงการฟุตบอลยังคงต้องเผชิญและแก้ไขต่อไป