1. ชีวิต
โดมิงโก อัลแบร์โต ทาราสโคนี เกิดเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 1903 ที่บัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา
1.1. วัยเด็กและการศึกษา
ข้อมูลเกี่ยวกับวัยเด็กและการศึกษาของทาราสโคนีมีจำกัดในบันทึกทางประวัติศาสตร์ แต่เขาเติบโตขึ้นมาในสภาพแวดล้อมที่ฟุตบอลเป็นส่วนสำคัญของวัฒนธรรมอาร์เจนตินา ซึ่งหล่อหลอมให้เขากลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพในเวลาต่อมา
1.2. การเริ่มต้นในฐานะนักฟุตบอล
ทาราสโคนีเริ่มต้นเส้นทางอาชีพฟุตบอลของเขาที่สโมสรอัตลันตา โดยประเดิมสนามครั้งแรกในปี ค.ศ. 1921 หลังจากนั้นเพียงหนึ่งฤดูกาล เขาก็ย้ายไปร่วมทีมโบคา จูเนียร์ส ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาจะสร้างชื่อเสียงและกลายเป็นหนึ่งในผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาล ไม่เพียงแต่ของสโมสรเท่านั้น แต่ยังรวมถึงในปริเมรา ดิวิซิออนอีกด้วย
2. กิจกรรมและผลงานสำคัญ
ตลอดอาชีพค้าแข้งของโดมิงโก อัลแบร์โต ทาราสโคนี เขาได้สร้างผลงานที่โดดเด่นทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักฟุตบอลที่สำคัญที่สุดในประวัติศาสตร์ของอาร์เจนตินา
2.1. อาชีพกับสโมสร
ทาราสโคนีมีอาชีพค้าแข้งที่ยาวนานและประสบความสำเร็จกับหลายสโมสร โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโบคา จูเนียร์ส ที่ซึ่งเขาได้สร้างสถิติการทำประตูที่น่าประทับใจและคว้าแชมป์มากมาย
2.1.1. ผลงานกับโบคา จูเนียร์ส

ทาราสโคนีใช้เวลาถึง 10 ปีกับสโมสรโบคา จูเนียร์ส ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาประสบความสำเร็จอย่างสูง เขาลงสนามในเกมอย่างเป็นทางการ 226 นัด และยิงไปถึง 186 ประตู ทำให้เขากลายเป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลอันดับ 4 ของสโมสร เป็นรองเพียงมาร์ติน ปาแลร์โม, โรเบร์โต เชร์โร และฟรันซิสโก บารายโย เท่านั้น ตลอดระยะเวลาที่อยู่กับโบคา จูเนียร์ส ทาราสโคนีคว้าแชมป์อย่างเป็นทางการได้ถึง 9 รายการ ซึ่งตอกย้ำสถานะของเขาในฐานะตำนานของสโมสร
2.1.2. การทัวร์ยุโรปและสถิติการทำประตู
ในปี ค.ศ. 1925 ทาราสโคนีได้เข้าร่วมการทัวร์ยุโรปกับโบคา จูเนียร์ส ซึ่งเป็นทัวร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างมาก เขาทำได้ 7 ประตูในการทัวร์ครั้งนั้น เป็นผู้ทำประตูสูงสุดอันดับสองรองจากมานูเอล เซโออาเน นอกจากนี้ เขายังเป็นดาวซัลโวของปริเมรา ดิวิซิออนถึง 4 สมัย ในปี ค.ศ. 1922, 1923, 1924 และ 1927
หลังจากที่ทาราสโคนีออกจากโบคา จูเนียร์สในปี ค.ศ. 1932 ไม่มีบันทึกการแข่งขันใด ๆ ของเขาจนกระทั่งปี ค.ศ. 1934 ซึ่งเขาได้เข้าร่วมทีมสปอร์ติโบ บาร์รากัส ซึ่งขณะนั้นยังคงเล่นในสมาคมอย่างเป็นทางการ (AFA) ที่ยังคงเป็นสโมสรสมัครเล่น ซึ่งตรงข้ามกับลีกา อาร์เฆนตินา เด ฟุตบอล (LAF) ซึ่งเป็นลีกอาชีพแห่งแรกของประเทศ ทาราสโคนีลงเล่นเพียง 6 นัดกับสปอร์ติโบ บาร์รากัสโดยไม่มีประตู ก่อนจะย้ายไปเฆเนรัล ซาน มาร์ติน ซึ่งเขาลงเล่น 20 นัดและยิงได้ 16 ประตูในฤดูกาลเดียวกัน ในปี ค.ศ. 1935 ทาราสโคนีย้ายกลับไปสปอร์ติโบ บาร์รากัสอีกครั้ง ก่อนจะปิดฉากอาชีพค้าแข้งที่สโมสรอาร์เฆนติโนส จูเนียร์ส โดยลงเล่น 8 นัดในฤดูกาล 1936 ก่อนจะประกาศเลิกเล่นฟุตบอล
2.2. อาชีพกับทีมชาติอาร์เจนตินา
ทาราสโคนีเป็นส่วนสำคัญของทีมชาติอาร์เจนตินาในช่วงทศวรรษที่ 1920 โดยมีส่วนร่วมในการแข่งขันระดับนานาชาติที่สำคัญและสร้างผลงานที่น่าจดจำ
2.2.1. ความสำเร็จในฟุตบอลโอลิมปิก

ในปี ค.ศ. 1928 ทาราสโคนีเป็นตัวแทนของทีมชาติอาร์เจนตินาเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโอลิมปิกฤดูร้อนที่อัมสเตอร์ดัม เขาแสดงผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยพาทีมคว้าเหรียญเงิน และยังเป็นดาวซัลโวของทัวร์นาเมนต์ด้วยการยิงถึง 11 ประตูจาก 4 นัด ซึ่งเป็นสถิติการทำประตูสูงสุดในโอลิมปิกที่ยังคงอยู่จนถึงปัจจุบัน
2.2.2. การคว้าแชมป์โคปา อเมริกา
ทาราสโคนีมีบทบาทสำคัญในการคว้าแชมป์โคปา อเมริกาให้กับทีมชาติอาร์เจนตินาถึง 2 สมัย ในปี ค.ศ. 1925 และ ค.ศ. 1929 ตลอดอาชีพทีมชาติ เขาลงเล่นให้ทีมชาติอาร์เจนตินา 24 นัด และยิงได้ 18 ประตู ระหว่างปี ค.ศ. 1922 ถึง ค.ศ. 1929
3. สถิติส่วนบุคคลและรางวัล
โดมิงโก อัลแบร์โต ทาราสโคนี ได้รับการยอมรับในฐานะนักฟุตบอลที่มีความสามารถในการทำประตูสูง โดยมีสถิติและรางวัลส่วนบุคคลที่โดดเด่นตลอดอาชีพค้าแข้งของเขา
3.1. ดาวซัลโวประจำลีก
ทาราสโคนีเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้อย่างสม่ำเสมอและมีประสิทธิภาพในลีกสูงสุดของอาร์เจนตินา เขาคว้าตำแหน่งดาวซัลโวประจำลีกได้ถึง 5 สมัย ในปี ค.ศ. 1922, 1923, 1924, 1927 และ 1934 ตลอดอาชีพค้าแข้งในลีกระหว่างปี ค.ศ. 1921 ถึง ค.ศ. 1934 เขายิงประตูรวมได้ 208 ประตูจากการลงสนาม 289 นัด ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลในประวัติศาสตร์ของลีก
3.2. อันดับการทำประตูในทีมชาติ
สำหรับทีมชาติอาร์เจนตินา ทาราสโคนีรั้งอันดับที่ 13 ในรายชื่อผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลของทีมชาติ โดยยิงได้ 18 ประตูจากการลงสนาม 24 นัด ระหว่างปี ค.ศ. 1922 ถึง ค.ศ. 1929
4. ประวัติการคว้าแชมป์
โดมิงโก อัลแบร์โต ทาราสโคนี ประสบความสำเร็จอย่างสูงในการคว้าแชมป์ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถและอิทธิพลของเขาในวงการฟุตบอล
4.1. แชมป์กับโบคา จูเนียร์ส
- ปริเมรา ดิวิซิออน (5 สมัย): 1923, 1924, 1926, 1930, 1931 (LAF)
- โกปา อิบาร์กูเรน (2 สมัย): 1923, 1924
- โกปา คอมเปเตนเซีย จอกกี้ คลับ (1 สมัย): 1925
- โกปา เอสติมูโล (1 สมัย): 1926
4.2. แชมป์กับทีมชาติอาร์เจนตินา
- โคปา อเมริกา (2 สมัย): 1925, 1929
- โอลิมปิกฤดูร้อน (1 สมัย): เหรียญเงิน 1928
5. อิทธิพลในวัฒนธรรมสมัยนิยม

โดมิงโก อัลแบร์โต ทาราสโคนี ไม่เพียงแต่เป็นนักฟุตบอลผู้ยิ่งใหญ่เท่านั้น แต่เขายังมีอิทธิพลต่อวัฒนธรรมสมัยนิยมของอาร์เจนตินาอีกด้วย ชื่อของเขาถูกกล่าวถึงในเพลงแทงโก้ชื่อดัง ปาตาดุรา (Patadura) ซึ่งออกจำหน่ายในปี ค.ศ. 1928 และขับร้องโดยคาร์ลอส การ์เดล ตำนานนักร้องเพลงแทงโก้ เพลงนี้เป็นเพลงแทงโก้แนวตลกขบขันที่ใช้กีฬาฟุตบอลเป็นอุปมาอุปไมยเพื่ออธิบายถึงความไร้ความสามารถของบุคคลในเพลง คำว่า ปาตาดุรา เป็นภาษาท้องถิ่นที่ใช้เรียกบุคคลที่ไม่มีทักษะในการเล่นฟุตบอล
เนื้อเพลง ปาตาดุรา (ประพันธ์เนื้อร้องโดยเอนริเก การ์เรราส โซเตโล และทำนองโดยโฮเซ โลเปซ อาเรส) ได้เอ่ยถึงทาราสโคนี (โดยใช้ฉายาว่า ตาราสกา) ว่า "ยิงประตูจากกลางสนาม" ซึ่งหมายถึงการยิงที่ทรงพลังและแม่นยำของเขา นักฟุตบอลคนอื่น ๆ ที่มีชื่อเสียงในยุคนั้นที่ถูกกล่าวถึงในเพลงนี้ ได้แก่ มานูเอล เซโออาเน, ลุยส์ มอนติ และเปโดร โอโชอา (ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของคาร์ลอส การ์เดลด้วย โดยคาร์ลอส การ์เดลได้ประพันธ์เพลงแทงโก้ โอโชอีตา เพื่อเป็นเกียรติแก่เขา)
คาร์ลอส การ์เดลได้บันทึกเพลง ปาตาดุรา เวอร์ชันใหม่ในปี ค.ศ. 1929 ที่ปารีส โดยมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อเพลงเล็กน้อย โดยเปลี่ยนจากการกล่าวถึงนักฟุตบอลชายชาวอาร์เจนตินาไปเป็นผู้เล่นของสโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา (บิเซนเต ปิเอร์รา, ริการ์โด ซาโมรา, โฆเซป ซามิติเอร์, ฟรันซ์ พลัตโก) ซึ่งคาร์ลอส การ์เดลได้สร้างมิตรภาพกับพวกเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับโฆเซป ซามิติเอร์ และกลายเป็นแฟนคลับของทีมบาร์เซโลนา คาร์ลอส การ์เดลยังเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์ของสโมสร และเคยเข้าร่วมชมการแข่งขันบางนัด เช่น โกปา เดล เรย์ นัดชิงชนะเลิศปี 1928
6. การประเมินและมรดก
โดมิงโก อัลแบร์โต ทาราสโคนี ได้รับการประเมินว่าเป็นหนึ่งในกองหน้าที่โดดเด่นที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลอาร์เจนตินา ด้วยสถิติการทำประตูที่น่าทึ่งทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ เขาทิ้งมรดกอันยิ่งใหญ่ไว้ในวงการฟุตบอล
ผลงานของเขากับโบคา จูเนียร์ส โดยเฉพาะการเป็นผู้ทำประตูสูงสุดตลอดกาลอันดับต้น ๆ ของสโมสร และการคว้าแชมป์มากมาย ทำให้เขากลายเป็นสัญลักษณ์ของความสำเร็จและความมุ่งมั่น นอกจากนี้ ความสำเร็จของเขากับทีมชาติอาร์เจนตินา โดยเฉพาะการเป็นดาวซัลโวในโอลิมปิกฤดูร้อน 1928 ด้วยสถิติ 11 ประตูจาก 4 นัด ซึ่งยังคงเป็นสถิติที่ไม่ถูกทำลาย แสดงให้เห็นถึงความสามารถพิเศษของเขาในเวทีระดับนานาชาติ
นอกเหนือจากสถิติและถ้วยรางวัลแล้ว อิทธิพลของทาราสโคนียังแผ่ขยายไปสู่วัฒนธรรมสมัยนิยม การที่เขาถูกกล่าวถึงในเพลงแทงโก้ ปาตาดุรา ของคาร์ลอส การ์เดล สะท้อนให้เห็นว่าเขาเป็นที่รู้จักและเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณของชาวอาร์เจนตินาอย่างแท้จริง มรดกของทาราสโคนีจึงไม่ได้จำกัดอยู่แค่ในสนามฟุตบอล แต่ยังคงอยู่ในความทรงจำและวัฒนธรรมของประเทศในฐานะนักกีฬาผู้สร้างแรงบันดาลใจและเป็นตำนานที่ยังคงถูกจดจำ.