1. ภาพรวม

แอนนี เฟรดริกา ฟูรูเฮล์ม (Annie Fredrika Furuhjelmแอนนี เฟรดริกา ฟูรูเฮล์มภาษาสวีเดน; 11 ธันวาคม ค.ศ. 1859 - 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1937) เป็นนักข่าว นักกิจกรรมสิทธิสตรี และนักเขียนชาวฟินแลนด์ ผู้มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางสังคมและสิทธิมนุษยชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านสิทธิสตรีและสิทธิเลือกตั้ง เธอเป็นสมาชิก รัฐสภาฟินแลนด์ สังกัด พรรคประชาชนสวีเดนแห่งฟินแลนด์ (SFP) ในช่วงปี ค.ศ. 1913 ถึง 1924 และอีกครั้งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1927 ถึง 1929/1930 ฟูรูเฮล์มสร้างประวัติศาสตร์ในฐานะสตรีชาวยุโรปคนแรกที่ได้รับสิทธิเลือกตั้งและทำหน้าที่เป็นผู้แทนในการประชุม สหพันธ์สิทธิเลือกตั้งสตรีระหว่างประเทศ (IWSA) และเป็นนักการเมืองหญิงที่ได้รับเลือกตั้งคนแรกที่ได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้า รัฐสภาสหราชอาณาจักร บทบาทของเธอในฐานะผู้นำการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีระดับประเทศและนานาชาติ รวมถึงการทำงานด้านวารสารศาสตร์และการเมือง ได้ทิ้งมรดกอันยั่งยืนต่อการพัฒนาประชาธิปไตยและสิทธิพลเมืองในฟินแลนด์
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
แอนนี ฟูรูเฮล์มเกิดในอะแลสกาซึ่งขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย และใช้ชีวิตวัยเด็กส่วนหนึ่งในไซบีเรีย ก่อนจะย้ายกลับมายังฟินแลนด์ เธอได้รับการศึกษาอย่างดีเยี่ยมและมีความสามารถทางภาษาหลายภาษา ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสำหรับบทบาทในอนาคตของเธอ
2.1. วัยเด็กและการศึกษา
แอนนี เฟรดริกา ฟูรูเฮล์ม เกิดเมื่อวันที่ 11 ธันวาคม ค.ศ. 1859 ที่ปราสาทเรคูร์ ในเมือง ซิตกา บน เกาะบารานอฟ ซึ่งขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของ อะแลสการัสเซีย บิดาของเธอคือ โยฮัน ฮัมปุส ฟูรูเฮล์ม ซึ่งดำรงตำแหน่งผู้ว่าการอะแลสการัสเซียคนรองสุดท้าย และมารดาของเธอคือ อันนา ฟอน ชูลต์ซ (Anna von Schoultz) บุตรสาวของนักผจญภัยชาวสวีเดน-ฟินแลนด์ หลังจากที่สหรัฐอเมริกาเข้าซื้ออะแลสกาในปี ค.ศ. 1867 ครอบครัวของเธอได้ย้ายไปยัง ไซบีเรีย ของรัสเซีย โดยใช้ชีวิตอยู่ที่ นีโคลาเยฟสค์-ออน-อะมูร์ เป็นเวลาหกปีก่อนจะเดินทางกลับมายัง เฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์
ในปี ค.ศ. 1870 ฟูรูเฮล์มถูกส่งไปศึกษาที่เมือง เดรสเดิน ประเทศเยอรมนี ก่อนที่จะกลับมารวมกับครอบครัวที่เฮลซิงกิในปี ค.ศ. 1872 เธอได้รับการศึกษาอย่างดีเยี่ยม โดยสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนยิมเนเซียมสำหรับเด็กหญิงในปี ค.ศ. 1876 และสำเร็จการศึกษาระดับบัณฑิตศึกษาจากวิทยาลัยในปี ค.ศ. 1887 ความสามารถทางภาษาของเธอโดดเด่นเป็นอย่างมาก โดยเธอสามารถพูดได้อย่างคล่องแคล่วถึงหกภาษา ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส เยอรมัน อิตาลี รัสเซีย และสวีเดน ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญสำหรับการทำงานในระดับนานาชาติของเธอในอนาคต
3. การทำงาน
หลังสำเร็จการศึกษา แอนนี ฟูรูเฮล์มได้เริ่มต้นอาชีพที่หลากหลาย ทั้งในฐานะนักข่าว นักกิจกรรมสิทธิสตรี และนักการเมือง โดยมีบทบาทสำคัญทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ
3.1. กิจกรรมในฐานะนักข่าว
หลังสำเร็จการศึกษา แอนนี ฟูรูเฮล์มใช้ชีวิตอยู่ที่ที่ดินของครอบครัวและได้ก่อตั้งโรงเรียนขึ้น นอกจากนี้เธอยังทำงานเป็นพยาบาลในชุมชนท้องถิ่นเป็นเวลาหลายปี แต่ด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายกับความโดดเดี่ยว เธอจึงตัดสินใจผันตัวมาเป็นนักข่าวในปี ค.ศ. 1890 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพที่หลากหลายของเธอในฐานะนักข่าว นักเขียน และนักการเมือง
ในปี ค.ศ. 1890 แอนนี ฟูรูเฮล์มได้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ชื่อ นิวไทด์ (Nutidนิวไทด์ภาษาสวีเดน) ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นกระบอกเสียงสำคัญขององค์กรสตรีฟินแลนด์ เธอทำหน้าที่เป็นบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์ นิวไทด์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1901 ถึง 1908 และต่อมาในปี ค.ศ. 1919 เธอได้เริ่มทำงานเป็นบรรณาธิการของวารสาร อัสตรา (Astra) โดยดำรงตำแหน่งนี้จนถึงปี ค.ศ. 1927 บทบาทของเธอในวงการสื่อสารมวลชนมีส่วนสำคัญในการเผยแพร่แนวคิดเกี่ยวกับสิทธิสตรีและการปฏิรูปสังคมในฟินแลนด์
3.2. กิจกรรมในฐานะนักกิจกรรมสตรี
แอนนี ฟูรูเฮล์มมีบทบาทสำคัญในการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีและงานด้านมนุษยธรรม ในปี ค.ศ. 1899 เธอได้ร่วมกับสตรีที่มีแนวคิดเดียวกัน เช่น ลูซินา ฮักมัน (Lucina Hagman), อัลลี นิสซิเนน (Alli Nissinen) และ โซเฟีย ไรน์ (Sofia Rein) เพื่อช่วยฮักมันในการจัดตั้ง องค์กรมาร์ธา (Martha Organization) ซึ่งเป็นองค์กรด้านมนุษยธรรมที่มุ่งช่วยเหลือสตรีในการบริหารจัดการครัวเรือน เนื่องจากในขณะนั้นรัฐบาลฟินแลนด์สั่งห้ามการรวมตัวกัน สตรีเหล่านี้จึงต้องจัดการประชุมอย่างลับ ๆ ตามบ้านของสมาชิก ฟูรูเฮล์มดำรงตำแหน่งเลขานุการคนแรกขององค์กรนี้
ในปี ค.ศ. 1907 เธอได้ร่วมก่อตั้ง สมาคมสตรีสวีเดนแห่งฟินแลนด์ (Swedish Women's Association of Finland) และได้รับเลือกให้เป็นประธาน ซึ่งเธอได้ดำรงตำแหน่งนี้ตลอดชีวิต นอกจากนี้ เธอยังดำรงตำแหน่งประธานของ สมาคมสิทธิเลือกตั้งสตรีฟินแลนด์ (Finnish Women's Suffrage Association) บทบาทความเป็นผู้นำของเธอในองค์กรเหล่านี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมสิทธิและสถานะของสตรีในสังคม
3.3. การเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเลือกตั้งสตรีระหว่างประเทศ

แอนนี ฟูรูเฮล์มมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเลือกตั้งสตรีในระดับนานาชาติ ในปี ค.ศ. 1904 เธอได้เข้าร่วมการประชุมครั้งที่ 5 ของ สภานานาชาติสตรี (International Council of Women - ICW) ที่กรุง เบอร์ลิน และได้ร้องขอความช่วยเหลือจากองค์กรเพื่อก่อตั้งองค์กรสิทธิเลือกตั้งในฟินแลนด์ แม้ว่า ICW จะปฏิเสธเนื่องจากฟินแลนด์ยังคงอยู่ภายใต้การปกครองของ จักรวรรดิรัสเซีย แต่ แครี แชปแมน แคตต์ (Carrie Chapman Catt) ได้ให้คำมั่นว่า สหพันธ์สิทธิเลือกตั้งสตรีระหว่างประเทศ (International Women Suffrage Alliance - IWSA) จะสนับสนุนองค์กรสิทธิเลือกตั้งของฟินแลนด์
ฟูรูเฮล์มกลับจากการประชุมด้วยพลังงานที่เปี่ยมล้น และได้จัดการประชุมซึ่งมีสตรีเข้าร่วมถึง 1,000 คน ในปีต่อมา เธอได้ก่อตั้งคณะกรรมการสิทธิเลือกตั้งสตรี ภายหลัง การปฏิวัติ ค.ศ. 1905 ฟินแลนด์ได้กลับมามีเอกราชจากรัสเซีย และได้รับ สิทธิเลือกตั้งถ้วนหน้า สำหรับพลเมืองฟินแลนด์ทุกคนในปี ค.ศ. 1906 เมื่อองค์กรสิทธิเลือกตั้งของฟินแลนด์ได้รับการอนุมัติให้เข้าร่วมเป็นพันธมิตรกับ IWSA ในปี ค.ศ. 1906 ฟูรูเฮล์มได้กลายเป็นผู้แทนชาวยุโรปคนแรกที่ได้รับสิทธิเลือกตั้งอย่างเต็มที่ในสมาคมนี้
ระหว่างปี ค.ศ. 1909 ถึง 1920 เธอเป็นสมาชิกคณะกรรมการบริหารของ IWSA และเข้าร่วมการประชุมขององค์กรตั้งแต่ฟินแลนด์เข้าร่วมในปี ค.ศ. 1906 จนถึงปี ค.ศ. 1929 เธอเป็นผู้กล่าวสุนทรพจน์หลักในการประชุม IWSA ที่กรุง โคเปนเฮเกน ในปี ค.ศ. 1906 และได้รับการยืนปรบมืออย่างกึกก้องสำหรับสุนทรพจน์ของเธอ นอกจากนี้ เธอยังเป็นผู้มีส่วนร่วมประจำใน ยูส ซัฟฟราจี (Jus Suffragii) ซึ่งเป็นวารสารทางการของ IWSA และเป็นเพื่อนสนิทของแครี แชปแมน แคตต์
3.4. อาชีพทางการเมือง
ในปี ค.ศ. 1913 แอนนี ฟูรูเฮล์มได้รับเลือกให้เป็นสมาชิก รัฐสภาฟินแลนด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในสตรี 21 คนแรกที่ได้รับเลือกตั้ง เธอเป็นตัวแทนของ พรรคประชาชนสวีเดนแห่งฟินแลนด์ (SFP) โดยเป็นตัวแทนจาก เขตเลือกตั้งอูซิมา และดำรงตำแหน่งในสภาผู้แทนราษฎรตั้งแต่ปี ค.ศ. 1913 ถึง 1924 และอีกครั้งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1927 ถึง 1929/1930
ในปี ค.ศ. 1917 เธอได้ทำหน้าที่เป็นส่วนหนึ่งของคณะกรรมการกฎหมาย ซึ่งได้ฟื้นฟูระบอบกษัตริย์ของฟินแลนด์ขึ้นมาช่วงสั้น ๆ และออก ปฏิญญาอิสรภาพฟินแลนด์ ซึ่งนำไปสู่การก่อตั้ง สาธารณรัฐฟินแลนด์ ในที่สุด ในช่วงปลายอาชีพทางการเมืองของเธอ ฟูรูเฮล์มได้รณรงค์อย่างแข็งขันเพื่อยกเลิกกฎหมาย การห้ามดื่มสุรา ในฟินแลนด์ โดยเชื่อว่ากฎหมายดังกล่าวส่งผลให้เกิดอาชญากรรมและการลักลอบค้าของผิดกฎหมายเพิ่มขึ้น และไม่สามารถควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้อย่างแท้จริง แม้ว่าการรณรงค์นี้จะนำไปสู่ความพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งปี ค.ศ. 1924 แต่เธอก็ได้รับเลือกกลับเข้าสู่สภาอีกครั้งในปี ค.ศ. 1927 เมื่อฟูรูเฮล์มเกษียณจากการเมืองในปี ค.ศ. 1929 เธอได้รับพระราชทาน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดอกกุหลาบขาวแห่งฟินแลนด์
3.4.1. การกล่าวสุนทรพจน์ในรัฐสภาอังกฤษ
ในปี ค.ศ. 1914 แอนนี ฟูรูเฮล์มได้เดินทางไปกรุง ลอนดอน พร้อมกับ แครี แชปแมน แคตต์ เพื่อเข้าร่วมการประชุมที่ รัฐสภาสหราชอาณาจักร ในโอกาสนี้ ฟูรูเฮล์มได้สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการเป็นนักการเมืองหญิงที่ได้รับเลือกตั้งคนแรกที่ได้กล่าวสุนทรพจน์ต่อหน้าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของสหราชอาณาจักร เหตุการณ์นี้มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิเลือกตั้งสตรีทั่วโลก เนื่องจากเป็นการแสดงให้เห็นถึงความสำเร็จและศักยภาพของสตรีในการมีส่วนร่วมในกระบวนการทางการเมืองระดับสูงสุด ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกิจกรรมสิทธิสตรีในหลายประเทศ
4. งานเขียนและสิ่งพิมพ์
แอนนี ฟูรูเฮล์มเป็นนักเขียนที่มีผลงานตีพิมพ์หลายเล่ม ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจและแนวคิดของเธอในประเด็นทางสังคมและการเมือง ผลงานบางส่วนที่สำคัญของเธอ ได้แก่:
- ควินนอร์นา อ็อก แลนท์ดากส์วาเลน (Kvinnorna och lantdagsvalenควินนอร์นา อ็อก แลนท์ดากส์วาเลนภาษาสวีเดน) (ค.ศ. 1910)
- แมนนิสกอร์ อ็อก เออเดน (Människor och ödenแมนนิสกอร์ อ็อก เออเดนภาษาสวีเดน) (ค.ศ. 1932)
- เดน สติกานเด อูรอน (Den stigande oronเดน สติกานเด อูรอนภาษาสวีเดน) (ค.ศ. 1935)
- กรีนิง (Gryningกรีนิงภาษาสวีเดน) (ค.ศ. 1939)
นอกจากงานเขียนเหล่านี้แล้ว เธอยังได้ตีพิมพ์บันทึกความทรงจำสองเล่มในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนที่เธอจะเสียชีวิต ซึ่งให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับชีวิต การทำงาน และมุมมองของเธอต่อเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ ในยุคสมัยของเธอ
5. รางวัลและเกียรติยศ
ในปี ค.ศ. 1929 หลังจากที่แอนนี ฟูรูเฮล์มเกษียณจากบทบาททางการเมือง เธอได้รับพระราชทาน เครื่องราชอิสริยาภรณ์ดอกกุหลาบขาวแห่งฟินแลนด์ (Order of the White Rose of Finland) ซึ่งเป็นหนึ่งในเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่สำคัญที่สุดของฟินแลนด์ การได้รับรางวัลนี้เป็นการยกย่องคุณูปการอันยิ่งใหญ่ของเธอต่อประเทศชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะผู้บุกเบิกด้านสิทธิสตรีและการมีส่วนร่วมในชีวิตสาธารณะ
6. ช่วงปลายชีวิตและการเสียชีวิต
ในช่วงปีสุดท้ายของชีวิต แอนนี ฟูรูเฮล์มได้อุทิศเวลาให้กับองค์กรสิทธิสตรีอย่างเต็มที่ เธอยังคงผลักดันอย่างต่อเนื่องให้มีการยกเลิกกฎหมายห้ามดื่มสุรา โดยเชื่อว่ากฎหมายดังกล่าวเป็นสาเหตุของการเพิ่มขึ้นของอาชญากรรมและการลักลอบค้าของผิดกฎหมาย และไม่สามารถควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เธอได้ตีพิมพ์บันทึกความทรงจำสองเล่มในช่วงเวลาสั้น ๆ ก่อนที่เธอจะเสียชีวิต แอนนี ฟูรูเฮล์มถึงแก่กรรมเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคม ค.ศ. 1937
7. มรดกและการประเมินคุณค่า
แอนนี ฟูรูเฮล์มทิ้งมรดกอันยั่งยืนต่อความก้าวหน้าของสิทธิสตรีและประชาธิปไตยในฟินแลนด์และทั่วโลก โดยได้รับการประเมินคุณค่าส่วนใหญ่ในเชิงบวกจากบทบาทผู้บุกเบิกของเธอ
7.1. การประเมินเชิงบวก
ฟูรูเฮล์มได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางในฐานะบุคคลสำคัญที่ขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงทางสังคมและสิทธิมนุษยชนในฟินแลนด์ เธอเป็นผู้มีวิสัยทัศน์และกล้าหาญในการต่อสู้เพื่อสิทธิเลือกตั้งถ้วนหน้า ซึ่งฟินแลนด์เป็นหนึ่งในประเทศแรก ๆ ของโลกที่มอบสิทธิให้สตรีในการลงคะแนนเสียงและลงสมัครรับเลือกตั้ง การเป็นสตรีชาวยุโรปคนแรกที่ได้รับสิทธิเลือกตั้งและเป็นผู้แทนในการประชุม IWSA รวมถึงการเป็นนักการเมืองหญิงที่ได้รับเลือกตั้งคนแรกที่ได้กล่าวสุนทรพจน์ในรัฐสภาอังกฤษ ล้วนเป็นเครื่องยืนยันถึงบทบาทผู้บุกเบิกของเธอในระดับโลก การทำงานของเธอในฐานะนักข่าวและบรรณาธิการยังช่วยเผยแพร่แนวคิดเฟมินิสต์และสร้างความตระหนักรู้ในประเด็นสิทธิสตรี ซึ่งมีส่วนสำคัญในการเปลี่ยนแปลงทัศนคติทางสังคมและผลักดันให้เกิดการปฏิรูปกฎหมาย
7.2. การวิพากษ์วิจารณ์และข้อถกเถียง
จากข้อมูลที่มีอยู่ ไม่พบการวิพากษ์วิจารณ์หรือข้อถกเถียงที่สำคัญเกี่ยวกับแอนนี ฟูรูเฮล์มที่ได้รับการบันทึกไว้อย่างกว้างขวางในแหล่งข้อมูลสาธารณะ การประเมินคุณค่าของเธอส่วนใหญ่เน้นไปที่บทบาทเชิงบวกและคุณูปการอันโดดเด่นของเธอต่อการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิสตรีและประชาธิปไตย