1. ภาพรวม
แกรี ริชาร์ด เบลีย์ (Gary Richard Baileyภาษาอังกฤษ) เกิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1958 ที่เมืองอิปสวิช ประเทศอังกฤษ เป็นอดีตนักฟุตบอลในตำแหน่งผู้รักษาประตูที่มีชื่อเสียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการลงเล่นเกือบ 300 นัดให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในฟุตบอลลีก แม้จะเกิดในอังกฤษ แต่เขาเติบโตในแอฟริกาใต้ ซึ่งมีอิทธิพลอย่างมากต่อเส้นทางอาชีพและชีวิตส่วนตัวของเขา เบลีย์ได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดคนหนึ่งในอังกฤษช่วงต้นถึงกลางทศวรรษ 1980 และเป็นที่จดจำจากผลงานการคว้าแชมป์เอฟเอคัพสองสมัยกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ก่อนที่อาการบาดเจ็บรุนแรงจะนำไปสู่การเลิกเล่นครั้งแรก
หลังจากการเลิกเล่นอาชีพนักฟุตบอลอย่างถาวร แกรี เบลีย์ได้พิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถและความมุ่งมั่นในด้านอื่นๆ อย่างรอบด้าน เขาเข้าศึกษาต่อในระดับอุดมศึกษาจนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาฟิสิกส์ และต่อด้วยปริญญาโทบริหารธุรกิจ (MBA) พร้อมกับการสร้างอาชีพที่ประสบความสำเร็จในฐานะผู้บรรยายและนักวิเคราะห์ฟุตบอลทางโทรทัศน์และวิทยุ นอกจากนี้ เขายังมีบทบาทสำคัญในฐานะทูตสำหรับการเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก 2010 ของแอฟริกาใต้ และเป็นวิทยากรสร้างแรงบันดาลใจที่เดินทางไปทั่วโลกเพื่อแบ่งปันแนวคิดเรื่อง "ความสำเร็จภายใต้แรงกดดัน" รวมถึงการเขียนหนังสือที่สะท้อนมุมมองด้านชีวิตส่วนตัวและสังคม ชีวิตของเบลีย์เป็นตัวอย่างของการปรับตัวและการสร้างคุณค่าในหลากหลายมิติ ทั้งในวงการฟุตบอลและบทบาททางสังคมหลังเลิกเล่น
2. ชีวิตในวัยเด็กและภูมิหลัง
แกรี ริชาร์ด เบลีย์ เกิดเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ. 1958 ที่เมืองอิปสวิช ซึ่งตั้งอยู่ในซัฟโฟล์ค ประเทศอังกฤษ อย่างไรก็ตาม เขาเติบโตขึ้นในแอฟริกาใต้ และเริ่มต้นชีวิตในวัยเด็กที่นั่น บิดาของเขาคือ รอย เบลีย์ ซึ่งเป็นอดีตผู้รักษาประตูของสโมสรอิปสวิชทาวน์ ซึ่งเป็นสโมสรเดียวกับเมืองที่แกรี เบลีย์เกิด ภูมิหลังครอบครัวที่มีบิดาเป็นนักฟุตบอลอาชีพได้วางรากฐานและความสนใจในกีฬาฟุตบอลให้กับแกรีมาตั้งแต่เด็ก
3. อาชีพนักฟุตบอล
แกรี เบลีย์สร้างชื่อเสียงในฐานะผู้รักษาประตูมากความสามารถในวงการฟุตบอล ทั้งในระดับสโมสรและระดับชาติ แม้ว่าอาชีพของเขาจะถูกจำกัดด้วยอาการบาดเจ็บรุนแรง แต่เขาก็ทิ้งผลงานที่น่าประทับใจไว้มากมาย
3.1. ช่วงเริ่มต้นอาชีพและการประเดิมสนามกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
แกรี เบลีย์เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับสโมสร Wits University ในโจฮันเนสเบิร์ก แอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นในเส้นทางสายลูกหนังของเขาในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ด้วยความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาฝีเท้า เขาได้ออกค่าเดินทางด้วยตนเองเพื่อบินมายังแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ เพื่อเข้ารับการทดสอบฝีเท้ากับสโมสรยักษ์ใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด ในที่สุดเขาก็ได้รับโอกาสลงประเดิมสนามนัดแรกให้กับสโมสรเมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน ค.ศ. 1978 ในการแข่งขันกับสโมสรอิปสวิชทาวน์ ซึ่งเป็นสโมสรที่บิดาของเขาเคยเล่น และเป็นเมืองเกิดของแกรี เบลีย์เองด้วย
3.2. อาชีพกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
หลังจากการประเดิมสนาม แกรี เบลีย์ได้สร้างชื่อเสียงและกลายเป็นผู้รักษาประตูมือหนึ่งของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดในช่วงปลายทศวรรษ 1970 ภายหลังการเลิกเล่นของอเล็กซ์ สเต็ปนีย์ อดีตผู้รักษาประตูคนสำคัญของสโมสร ตลอดระยะเวลาเกือบสิบปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1978 ถึง ค.ศ. 1987 เขาลงสนามให้กับทีม "ปีศาจแดง" ไปทั้งสิ้น 294 นัด เขาได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในผู้รักษาประตูที่ดีที่สุดในอังกฤษในช่วงต้นถึงกลางทศวรรษ 1980 นอกจากนี้ เขายังสร้างสถิติการรักษาประตูไม่ให้เสียได้ (clean sheet) ถึง 161 นัด ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดอันดับสามของสโมสร ณ เดือนมกราคม ค.ศ. 2022 ก่อนที่ดาบิด เด เฆอาจะทำลายสถิติได้ ในช่วงเวลาที่อยู่กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เบลีย์ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยคว้าแชมป์เอฟเอคัพได้ถึง 2 สมัย ในฤดูกาล 1982-83 และ 1984-85 และคว้าแชมป์เอฟเอแชริตีชีลด์ ในปี ค.ศ. 1983 เขาได้เล่นภายใต้การคุมทีมของผู้จัดการทีมสามคน ได้แก่ เดฟ เซกซ์ตัน, รอน แอตกินสัน และอเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
3.3. อาชีพระดับนานาชาติ
แกรี เบลีย์ได้รับโอกาสลงเล่นให้กับฟุตบอลทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ถึง 2 นัด อย่างไรก็ตาม เขายังไม่สามารถยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมได้ เนื่องจากในเวลานั้นปีเตอร์ ชิลตันและเรย์ เคลเมนซ์ ซึ่งเป็นผู้รักษาประตูที่มีประสบการณ์มากกว่า ต่างก็มีฟอร์มการเล่นที่โดดเด่น การประเดิมสนามให้กับทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ของเขาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 มีนาคม ค.ศ. 1985 ในการแข่งขันกับสาธารณรัฐไอร์แลนด์ ซึ่งอังกฤษเป็นฝ่ายชนะไป 2-1 การลงสนามในระดับนานาชาติครั้งที่สองของเขาเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มิถุนายนปีเดียวกัน ในเกมที่อังกฤษแพ้ให้กับเม็กซิโก 1-0 แม้จะลงสนามไม่มาก แต่เขาก็เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติอังกฤษชุดที่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลก 1986 ที่เม็กซิโก ในฐานะผู้รักษาประตูสำรอง นอกจากนี้ เบลีย์ยังเคยคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ในปี ค.ศ. 1984 กับทีมชาติอังกฤษชุดเยาวชนอีกด้วย
3.4. อาการบาดเจ็บและการเลิกเล่นครั้งแรก
จุดเปลี่ยนสำคัญในอาชีพของแกรี เบลีย์เกิดขึ้นระหว่างการฝึกซ้อมกับทีมชาติอังกฤษในระหว่างการแข่งขันฟุตบอลโลก 1986 ที่เม็กซิโก เขาได้รับบาดเจ็บที่หัวเข่าอย่างรุนแรง ซึ่งส่งผลกระทบอย่างมากต่ออาชีพการเป็นนักฟุตบอลของเขา อาการบาดเจ็บนี้ทำให้เขาต้องพลาดการลงสนามเกือบตลอดฤดูกาล 1986-87 หลังจากนั้น เขาตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดและเดินทางกลับไปยังแอฟริกาใต้
3.5. การกลับมาเล่นฟุตบอลและการเลิกเล่นอย่างถาวร
หลังจากกลับมายังแอฟริกาใต้และพักฟื้นอาการบาดเจ็บที่หัวเข่า แกรี เบลีย์ตัดสินใจกลับมาลงสนามอีกครั้งกับสโมสรไกเซอร์ชีฟส์ ในปี ค.ศ. 1988 ซึ่งเป็นหนึ่งในสโมสรฟุตบอลที่มีชื่อเสียงที่สุดในแอฟริกาใต้ เขาสามารถสร้างผลงานที่น่าประทับใจได้อย่างรวดเร็ว โดยในปี ค.ศ. 1989 เขานำพาสโมสรคว้าได้ถึง 5 รายการ (quadruple) ได้แก่ แชมป์เนชันแนลซอกเกอร์ลีก (แอฟริกาใต้), แชมป์บีพีท็อป 8, แชมป์เจพีเอส น็อกเอาต์, แชมป์แชริตีสเปคทาคูลาร์ และแชมป์โอห์ลสันส์ ชาเลนจ์คัพ (Ohlsson's Challenge Cup) ซึ่งเป็นการยืนยันถึงความสามารถของเขาอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงในแอฟริกาใต้ แกรี เบลีย์ก็ตัดสินใจประกาศยุติอาชีพนักฟุตบอลอย่างถาวรในปี ค.ศ. 1990 ขณะมีอายุ 32 ปี
4. อาชีพหลังเลิกเล่น
หลังจากแขวนสตั๊ดอย่างถาวร แกรี เบลีย์ได้เริ่มต้นเส้นทางอาชีพใหม่ที่หลากหลายและประสบความสำเร็จไม่แพ้ช่วงที่เป็นนักฟุตบอล เขามีบทบาทสำคัญในวงการสื่อ การศึกษา และการเป็นวิทยากรสร้างแรงบันดาลใจ
4.1. สื่อและการออกอากาศ
แกรี เบลีย์ผันตัวมาเป็นผู้ดำเนินรายการวิทยุที่ Talk Radio 702 ในแอฟริกาใต้ และต่อมาได้เป็นนักวิเคราะห์ฟุตบอลและผู้บรรยายทางโทรทัศน์ให้กับซูเปอร์สปอร์ต ซึ่งเขาได้ทำงานที่นั่นเป็นเวลา 25 ปี และเป็นที่รู้จักในฐานะผู้ที่นำเสนอข่าวสารฟุตบอลอังกฤษสู่ทวีปแอฟริกา ในปัจจุบัน เขายังคงทำงานในวงการสื่อ โดยเป็นนักวิเคราะห์และผู้บรรยายกีฬาให้กับช่องบีอินสปอร์ตส์ (BeIN Sports) ในไมอามี ฟลอริดา ซึ่งครอบคลุมการแข่งขันฟุตบอลสเปนและฝรั่งเศส รวมถึงการบรรยายเกมการแข่งขันในยูเอสแอล (ลีกฟุตบอลระดับสองของสหรัฐ) และเป็นนักวิเคราะห์การถ่ายทอดสดสำหรับลีกฟุตบอลหญิงแห่งชาติ (NWSL)
4.2. การศึกษาและการศึกษาต่อ
แม้จะประสบความสำเร็จในอาชีพนักฟุตบอล แต่แกรี เบลีย์ก็ให้ความสำคัญกับการศึกษาอย่างมาก ในช่วงที่เขายังคงเล่นฟุตบอลอาชีพ เขาสามารถสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีวิทยาศาสตร์ (BSc) สาขาฟิสิกส์จากแมนเชสเตอร์โพลีเทคนิค (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์เมโทรโพลิตัน) ได้สำเร็จ นอกจากนี้ ในขณะที่ทำงานเต็มเวลาให้กับซูเปอร์สปอร์ต เขายังสามารถสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจ (MBA) จากโรงเรียนธุรกิจเฮนลีย์ในออกซฟอร์ด ประเทศอังกฤษ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความสามารถในการบริหารจัดการเวลาที่ยอดเยี่ยมของเขา
4.3. การเป็นทูตและกิจกรรมการพูด
แกรี เบลีย์มีบทบาทสำคัญในฐานะทูตสำหรับความพยายามที่ประสบความสำเร็จของแอฟริกาใต้ในการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฟุตบอลโลก 2010 ซึ่งเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่นำฟุตบอลโลกมาสู่ทวีปแอฟริกาเป็นครั้งแรก นอกจากการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านฟุตบอลทางโทรทัศน์แล้ว เขายังเป็นวิทยากรหลักที่ได้รับความนิยมอย่างสูง โดยมีหัวข้อการพูดสร้างแรงบันดาลใจที่โดดเด่นคือ "ความสำเร็จภายใต้แรงกดดัน" (Success under Pressureภาษาอังกฤษ) เขามีโอกาสเดินทางไปทั่วโลกเพื่อบรรยายให้กับบริษัทชั้นนำมากมาย เช่น ไมโครซอฟท์, ไอบีเอ็ม, ไนกี้, โคคา-โคล่า, เมอร์เซเดส-เบนซ์ และอื่นๆ อีกมากมาย ด้วยความสำเร็จในฐานะวิทยากร เขาได้รับการยกย่องให้เข้าสู่ Speakers Hall of Fame ในปี ค.ศ. 2010
4.4. ผลงานการเขียน
แกรี เบลีย์ได้ถ่ายทอดประสบการณ์และความรู้ของเขาผ่านผลงานการเขียนหนังสือสองเล่ม หนังสือเล่มแรกมีชื่อว่า "Success under Pressure" (ความสำเร็จภายใต้แรงกดดัน) ซึ่งมีคำนำเขียนโดยอดีตผู้จัดการทีมของเขา อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ส่วนหนังสืออีกเล่มหนึ่งเป็นหนังสือส่วนตัวที่มุ่งเน้นช่วยเหลือสังคมในประเด็นการหย่าร้าง โดยมีชื่อว่า "Putting the Kids first" (ให้ความสำคัญกับเด็กๆ เป็นอันดับแรก) ซึ่งสะท้อนถึงความสนใจของเขาในการช่วยเหลือและให้คำแนะนำในเรื่องครอบครัวและเด็ก
4.5. กิจกรรมปัจจุบัน
ในปัจจุบัน แกรี เบลีย์ยังคงมีบทบาทที่กระตือรือร้นในวงการกีฬา โดยทำงานเป็นนักวิเคราะห์และผู้บรรยายให้กับบีอินสปอร์ตส์ (BeIN Sports) ในไมอามี ฟลอริดา ซึ่งเขาครอบคลุมการแข่งขันฟุตบอลสเปนและฝรั่งเศส นอกจากนี้ เขายังรับหน้าที่บรรยายเกมการแข่งขันของยูเอสแอล (ลีกฟุตบอลระดับสองของสหรัฐ) และเป็นนักวิเคราะห์การถ่ายทอดสดสำหรับลีกฟุตบอลหญิงแห่งชาติ (NWSL) ซึ่งเป็นลีกฟุตบอลหญิงระดับสูงสุดในสหรัฐ
5. ชีวิตส่วนตัว
แกรี เบลีย์เป็นบุตรชายของรอย เบลีย์ อดีตผู้รักษาประตูของสโมสรอิปสวิชทาวน์ ในปี ค.ศ. 1990 หลังจากกลับมายังแอฟริกาใต้ เขาได้แต่งงานกับเคท ซอนเดอร์ส และมีบุตรด้วยกันสามคน ได้แก่ ลารา เจนนา และรอส อย่างไรก็ตาม ทั้งคู่ได้หย่าร้างกันในปี ค.ศ. 2006
ต่อมาในปี ค.ศ. 2010 แกรี เบลีย์ได้พบกับมิเชลล์ แมคลีน อดีตมิสยูนิเวิร์ส 1992 ซึ่งเป็นนางงามจากนามิเบีย ทั้งคู่แต่งงานกันในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2013 และในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2013 แกรี เบลีย์ได้ย้ายถิ่นฐานไปพำนักในสหรัฐอเมริกา ปัจจุบันเขาอาศัยอยู่ที่หาดไมอามี ในฟลอริดา
6. เกียรติประวัติ
แกรี เบลีย์ได้รับเกียรติประวัติและถ้วยรางวัลมากมายตลอดอาชีพนักฟุตบอลของเขา ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติเยาวชน:
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
- เอฟเอคัพ: 1982-83, 1984-85
- เอฟเอแชริตีชีลด์: 1983
ไกเซอร์ชีฟส์
- เนชันแนลซอกเกอร์ลีก: 1989
- บีพีท็อป 8: 1989
- เจพีเอส น็อกเอาต์: 1989
- แชริตีสเปคทาคูลาร์: 1989
- โอห์ลสันส์ ชาเลนจ์คัพ: 1989
ทีมชาติอังกฤษ
- ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี: 1984
7. มรดกและการตอบรับ
แกรี เบลีย์ได้รับการยอมรับอย่างสูงในวงการฟุตบอลจากความสามารถในฐานะผู้รักษาประตูและการเป็นมืออาชีพ นอกจากนี้ เขายังทิ้งมรดกที่สำคัญไว้ในแง่ของการเป็นบุคคลสาธารณะที่สร้างแรงบันดาลใจและมีส่วนร่วมกับสังคม
ปีเตอร์ ชไมเคิล อดีตผู้รักษาประตูระดับตำนานของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และฟุตบอลทีมชาติเดนมาร์ก เคยกล่าวในรายการ บีบีซี แมตช์ออฟเดอะเดย์ 3 ว่า แกรี เบลีย์เป็นผู้รักษาประตูคนโปรดของเขาตลอดกาล และเขายกย่องเบลีย์เป็นเหมือนไอดอลมาตั้งแต่ยังเด็กเมื่อเติบโตอยู่ในเดนมาร์ก คำกล่าวนี้สะท้อนถึงอิทธิพลและความประทับใจที่เบลีย์มีต่อผู้เล่นรุ่นหลัง
นอกเหนือจากผลงานในสนาม แกรี เบลีย์ยังสร้างมรดกทางสังคมผ่านการทำงานในฐานะทูตเพื่อเสนอตัวเป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลกของแอฟริกาใต้ ซึ่งเป็นบทบาทที่ช่วยสร้างความภาคภูมิใจให้กับประเทศและทวีปแอฟริกา รวมถึงการเป็นวิทยากรและนักเขียนที่มุ่งเน้นการส่งเสริมแนวคิดด้าน "ความสำเร็จภายใต้แรงกดดัน" และการให้ความช่วยเหลือทางสังคมในเรื่องครอบครัวและการหย่าร้างผ่านหนังสือ "Putting the Kids first" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเขาในการใช้ประสบการณ์และความรู้เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกต่อชีวิตผู้อื่น
8. ลิงก์ภายนอก
- [http://garybaileyspeaks.com/ เว็บไซต์ทางการของแกรี เบลีย์]