1. ภาพรวม
เอ็ดดี ทอมสัน (Edward James Thomsonภาษาอังกฤษ) เกิดเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1947 ณ เมือง โรสเวลล์ ประเทศสกอตแลนด์ และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003 ที่เมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย เขาเป็นทั้งนักฟุตบอลและผู้ฝึกสอนที่มีชื่อเสียงชาวสกอตแลนด์ ซึ่งได้สร้างคุณูปการอย่างใหญ่หลวงให้กับวงการฟุตบอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศออสเตรเลีย ตลอดอาชีพค้าแข้งของเขา ทอมสันได้ลงเล่นในตำแหน่งกองหลังและกองกลางให้กับหลายสโมสร เช่น ฮาร์ตออฟมิดโลเธียน และ อเบอร์ดีน ในสกอตแลนด์, ซานอันโตนิโอ ธันเดอร์ ในสหรัฐอเมริกา และ ซิดนีย์ ซิตี้ ในออสเตรเลีย
หลังจากแขวนสตั๊ด ทอมสันได้ผันตัวมาเป็นผู้ฝึกสอนอย่างเต็มตัว โดยเริ่มต้นอาชีพผู้ฝึกสอนในออสเตรเลียกับสโมสรซิดนีย์ ซิตี้ และ ซิดนีย์ โอลิมปิก ก่อนจะก้าวขึ้นมาคุมทีมชาติออสเตรเลียในตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 ถึง ค.ศ. 1996 โดยพาทีมชาติออสเตรเลียทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจหลายครั้ง รวมถึงการพาทีมชาติออสเตรเลียชุดโอลิมปิกจบอันดับที่สี่ ซึ่งเป็นผลงานที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ และการเป็นผู้ที่เปิดโอกาสให้ผู้เล่นดาวรุ่งหลายคนได้แจ้งเกิด บทความนี้จะครอบคลุมถึงชีวิต ความสำเร็จ และผลกระทบที่เขามีต่อวงการฟุตบอล ทั้งในฐานะผู้เล่นและผู้ฝึกสอน โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของเขาในการพัฒนาฟุตบอลออสเตรเลียและผู้เล่นเยาวชน
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
เอ็ดดี ทอมสัน หรือชื่อเต็มคือ Edward James Thomsonภาษาอังกฤษ เกิดเมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1947 ที่เมืองโรสเวลล์ ซึ่งเป็นชุมชนทำเหมืองขนาดเล็กในเขตมิดโลเธียน ใกล้กับเอดินบะระ ประเทศสกอตแลนด์ เขาเป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องเจ็ดคนของครอบครัวที่มีพ่อเป็นคนงานเหมืองถ่านหิน
q=Rosewell, Midlothian, Scotland|position=left
2.1. วัยเด็กและการศึกษา
ตั้งแต่วัยเด็ก เอ็ดดี ทอมสัน มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เขาใช้เวลาในวัยเยาว์กับการฝึกฝนและพัฒนาทักษะฟุตบอล โดยเข้าร่วมทีมเยาวชนอย่าง ไวต์ฮิลล์ เวลแฟร์ เอฟซี (Whitehill Welfare F.C.) และ เพนนิควิก แอธเลติก เอฟซี (Penicuik Athletic F.C.) ในสกอตแลนด์ เขาสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเมื่ออายุ 15 ปี และเริ่มต้นทำงานที่โรงงานทวิดมิลล์
2.2. อาชีพช่วงต้น
ในที่สุด ความมุ่งมั่นของทอมสันก็ประสบความสำเร็จ เมื่ออายุ 17 ปี ในปี ค.ศ. 1964 เขาได้เซ็นสัญญาเป็นนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรบ้านเกิดอย่าง ฮาร์ตออฟมิดโลเธียน ซึ่งเป็นหนึ่งในสโมสรของสกอตติชฟุตบอลลีก การได้สวมเสื้อเบลเซอร์และผูกเนกไทเป็นครั้งแรกในฐานะนักฟุตบอลอาชีพ และเดินไปรอบๆ หมู่บ้านเล็กๆ ของโรสเวลล์ ทำให้เขากลายเป็นจุดสนใจของผู้คนจำนวนมาก
ในปี ค.ศ. 1966 ทอมสันได้ประเดิมสนามในลีกให้กับฮาร์ตออฟมิดโลเธียนในตำแหน่งฮาล์ฟแบ็ก (กองกลาง) ภายใต้การนำของ ทอมมี วอล์กเกอร์ และกลายเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีมในปีถัดมา (ค.ศ. 1967) ในช่วงเวลานั้น เขายังได้รับโอกาสลงเล่นให้กับทีมชาติสกอตแลนด์ชุดอายุไม่เกิน 23 ปีจำนวน 3 นัด ทอมสันเน้นการเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์ฮาล์ฟ ซึ่งเป็นบทบาทที่สำคัญในการสนับสนุนเกมรับของทีม มากกว่าการทำประตู
ในปี ค.ศ. 1973 ทอมสันย้ายไปร่วมทีมอเบอร์ดีน ด้วยค่าตัว 60.00 K GBP และลงเล่นให้กับสโมสรนี้เป็นเวลา 3 ฤดูกาล ก่อนที่ในปี ค.ศ. 1976 เขาจะออกจากสกอตแลนด์เพื่อไปร่วมทีมซานอันโตนิโอ ธันเดอร์ ในนอร์ทอเมริกันซอกเกอร์ลีก (NASL) เป็นเวลา 1 ฤดูกาล และในปี ค.ศ. 1977 เขาก็ย้ายมายังประเทศออสเตรเลียเพื่อเข้าร่วมทีมซิดนีย์ ซิตี้ ในฤดูกาลแรกของการก่อตั้งเนชันแนลซอกเกอร์ลีก (NSL) โดยลงเล่นในตำแหน่งกองหลังให้กับทีม
3. อาชีพผู้เล่น
ตลอดระยะเวลาการเป็นนักฟุตบอล เอ็ดดี ทอมสัน สร้างผลงานที่โดดเด่นให้กับหลายสโมสร รวมถึงมีส่วนร่วมกับทีมชาติในระดับเยาวชน
3.1. อาชีพสโมสร
ในช่วงอาชีพค้าแข้งของเขา เอ็ดดี ทอมสัน ประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสโมสรซิดนีย์ ซิตี้ ในออสเตรเลีย
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | ฟุตบอลถ้วยแห่งชาติ | ฟุตบอลลีกคัพ | ฟุตบอลยุโรป | รวม | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ดิวิชัน | จำนวนนัดที่ลงสนาม | ประตู | จำนวนนัดที่ลงสนาม | ประตู | จำนวนนัดที่ลงสนาม | ประตู | จำนวนนัดที่ลงสนาม | ประตู | จำนวนนัดที่ลงสนาม | ประตู | ||
ฮาร์ตออฟมิดโลเธียน | 1966-67 | สกอตติช ดิวิชันวัน | 9 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 9 | 0 |
1967-68 | 9 | 1 | 5 | 1 | 3 | 0 | 0 | 0 | 17 | 1 | ||
1968-69 | 34 | 0 | 2 | 0 | 6 | 0 | 0 | 0 | 42 | 0 | ||
1969-70 | 23 | 0 | 2 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 25 | 0 | ||
1970-71 | 34 | 0 | 1 | 0 | 6 | 0 | 0 | 0 | 41 | 0 | ||
1971-72 | 29 | 2 | 4 | 0 | 6 | 1 | 0 | 0 | 39 | 3 | ||
1972-73 | 24 | 1 | 2 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 26 | 1 | ||
รวม | 162 | 4 | 16 | 1 | 21 | 1 | 0 | 0 | 199 | 6 | ||
อเบอร์ดีน | 1972-73 | สกอตติช ดิวิชันวัน | 7 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 7 | 0 |
1973-74 | 32 | 1 | 1 | 0 | 10 | 0 | 4 | 0 | 47 | 1 | ||
1974-75 | 17 | 0 | 4 | 0 | 4 | 1 | 0 | 0 | 25 | 1 | ||
1975-76 | สกอตติช พรีเมียร์ ดิวิชัน | 28 | 0 | 1 | 0 | 2 | 0 | 0 | 0 | 31 | 0 | |
1976-77 | 7 | 0 | 0 | 0 | 4 | 0 | 0 | 0 | 11 | 0 | ||
รวม | 91 | 1 | 6 | 0 | 20 | 1 | 4 | 0 | 121 | 2 | ||
ซานอันโตนิโอ ธันเดอร์ | 1976 | นอร์ทอเมริกันซอกเกอร์ลีก | 19 | 3 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 19 | 3 |
ซิดนีย์ ซิตี้ | 1977 | เนชันแนลซอกเกอร์ลีก | 17 | 0 | 1 | 0 | - | - | - | - | 18 | 0 |
1978 | 23 | 1 | 3 | 1 | - | - | - | - | 26 | 2 | ||
1979 | 13 | 1 | 2 | 0 | - | - | - | - | 15 | 1 | ||
1980 | 12 | 0 | 0 | 0 | - | - | - | - | 12 | 0 | ||
รวม | 65 | 2 | 6 | 1 | - | - | - | - | 71 | 3 | ||
รวมตลอดอาชีพ | 337 | 10 | 28 | 2 | 41 | 2 | 4 | 0 | 410 | 14 |
เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมซิดนีย์ ซิตี้ ที่คว้าแชมป์เนชันแนลซอกเกอร์ลีกได้ถึง 2 สมัย ในปี ค.ศ. 1977 ในฐานะผู้เล่น และในปี ค.ศ. 1980 ในฐานะผู้เล่น-ผู้ฝึกสอน
3.2. อาชีพระดับทีมชาติ (ในฐานะผู้เล่น)
ในฐานะผู้เล่น เอ็ดดี ทอมสัน ได้รับการเรียกตัวติดทีมชาติสกอตแลนด์ชุดอายุไม่เกิน 23 ปี ในช่วงที่เขายังค้าแข้งกับฮาร์ตออฟมิดโลเธียน โดยเขาลงสนามให้กับทีมชาติชุดเยาวชนนี้จำนวน 3 นัด
4. อาชีพผู้ฝึกสอน
หลังจากประสบความสำเร็จในฐานะผู้เล่น เอ็ดดี ทอมสัน ได้ผันตัวมาเป็นผู้ฝึกสอน โดยมีเส้นทางอาชีพที่หลากหลายและเต็มไปด้วยความสำเร็จในออสเตรเลียและญี่ปุ่น
4.1. การฝึกสอนช่วงต้นในออสเตรเลีย
หลังจากการประกาศแขวนสตั๊ด เอ็ดดี ทอมสัน ได้รับตำแหน่งผู้ฝึกสอนเต็มเวลาของสโมสรซิดนีย์ ซิตี้ในทันที เขาพาทีมคว้าแชมป์ระดับประเทศได้อีก 2 สมัย ในปี ค.ศ. 1981 และ ค.ศ. 1982 ซึ่งเป็นการคว้าแชมป์ลีก 3 สมัยติดต่อกัน ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดในประวัติศาสตร์ของเนชันแนลซอกเกอร์ลีก (NSL) นอกจากนี้ เขายังพาทีมคว้าแชมป์เอ็นเอสแอล คัพในปี ค.ศ. 1986 และยังได้รับรางวัลผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยมของออสเตรเลียถึง 3 ครั้ง ในปี ค.ศ. 1981, ค.ศ. 1984 และ ค.ศ. 1985 ในช่วงเวลาดังกล่าว เขายังได้จบหลักสูตรการฝึกสอนระดับสูงสุดของสมาคมฟุตบอลออสเตรเลียและสมาคมฟุตบอลสกอตแลนด์
หลังจากที่ซิดนีย์ ซิตี้ถอนตัวออกจาก NSL ในปี ค.ศ. 1987 ทอมสันก็เข้ามารับผิดชอบสโมสรซิดนีย์ โอลิมปิก โดยพาทีมเข้าถึงรอบแกรนด์ไฟนอลในปี ค.ศ. 1989 ก่อนจะลาออกในช่วงต้นฤดูกาลถัดมาเพื่อไปรับตำแหน่งผู้ฝึกสอนทีมชาติออสเตรเลีย
4.2. ทีมชาติออสเตรเลีย
เส้นทางการคุมทีมชาติของเอ็ดดี ทอมสัน เริ่มต้นขึ้นในปี ค.ศ. 1984 เมื่อเขาได้รับตำแหน่งผู้ฝึกสอนของทีมชาติออสเตรเลียชุดบี (ทีมโอลิมปิก) โดยการคุมทีมนัดแรกคือการเสมอกับกลาสโกว์ เรนเจอส์ 0-0 ที่เมลเบิร์น และในปี ค.ศ. 1985 เขายังได้เป็นผู้ช่วยผู้ฝึกสอนของทีมซอกเกอร์รูส์ (ทีมชาติออสเตรเลียชุดใหญ่) ภายใต้การคุมทีมของแฟรงก์ อาร็อก
ในปี ค.ศ. 1990 เอ็ดดี ทอมสัน ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของทั้งทีมชาติออสเตรเลียชุดใหญ่และทีมโอลิมปิก ทำให้เขากลายเป็นบุคคลแรกที่รับหน้าที่เป็นสตาฟฟ์ทีมชาติแบบเต็มเวลา การคุมทีมนัดแรกในฐานะหัวหน้าผู้ฝึกสอนชุดใหญ่คือการแพ้ให้กับทีมชาติเกาหลีใต้ 0-1 ที่โซล เมื่อวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 1990
ภายใต้การคุมทีมของทอมสัน ทีมชาติออสเตรเลียสร้างผลงานที่น่าประทับใจหลายครั้ง เช่น ชัยชนะในนัดกระชับมิตรกับสวีเดน และสหรัฐอเมริกา
ในปี ค.ศ. 1992 ทีมโอลิมปิกของออสเตรเลียภายใต้การคุมทีมของทอมสัน สามารถเอาชนะเนเธอร์แลนด์ได้อย่างน่าจดจำในการแข่งขันรอบคัดเลือกและผ่านเข้าไปเล่นในโอลิมปิกที่บาร์เซโลนาได้สำเร็จ โดยทีมทำผลงานได้ดีที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วยการจบอันดับที่สี่ แม้จะแพ้ให้กับโปแลนด์ 1-6 ในรอบรองชนะเลิศ และแพ้ให้กับกานา 0-1 ในนัดชิงเหรียญทองแดง
ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกปี 1994 ออสเตรเลียภายใต้การนำของทอมสันเกือบจะผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายได้สำเร็จ โดยพวกเขาเอาชนะคู่แข่งจากโซนโอเชียเนียได้ แต่ต้องมาพ่ายแพ้ให้กับอาร์เจนตินา ที่มีดิเอโก มาราโดนากลับมาช่วยทีม ในรอบเพลย์ออฟระหว่างทวีปด้วยผลรวม 0-1 จากการสกัดบอลที่ผิดพลาดเพียงครั้งเดียว
ตลอดช่วงเวลาที่เขาคุมทีมชาติ ทอมสันมีส่วนสำคัญในการค้นพบและพัฒนาผู้เล่นดาวรุ่งหลายคนให้ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีม เช่น แฮร์รี คีเวลล์ และ ลูกัส นีล ซึ่งผู้เล่นเหล่านี้ได้กลายเป็นกำลังหลักที่ช่วยให้ออสเตรเลียผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลก 2006ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่มได้สำเร็จ
4.3. ซานเฟรชเช ฮิโรชิมะ
ในปี ค.ศ. 1997 หลังจากการนำทีมโอลิมปิกของออสเตรเลียตกรอบแบ่งกลุ่มในโอลิมปิกฤดูร้อน 1996 เอ็ดดี ทอมสัน ได้รับข้อเสนอและตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งผู้ฝึกสอนทีมชาติเพื่อมารับตำแหน่งผู้จัดการทีมซานเฟรชเช ฮิโรชิมะ ในเจลีก ประเทศญี่ปุ่น โดยเขาคุมทีมเป็นเวลา 4 ปี จนถึงปี ค.ศ. 2000
ในช่วงเวลาที่เขาคุมซานเฟรชเช ฮิโรชิมะ สโมสรกำลังประสบปัญหาทางการเงินอย่างหนัก ทำให้จำเป็นต้องปล่อยผู้เล่นตัวหลักหลายคนออกไป ทอมสันจึงต้องปรับใช้ปรัชญาการคุมทีมที่เน้นการเล่นแบบโต้กลับเร็ว เพื่อประคองทีมให้อยู่รอดในลีกสูงสุดและหลีกเลี่ยงการตกชั้นสู่เจลีก 2 แม้ว่าบางครั้งรูปแบบการเล่นที่เน้นเกมรับของเขาจะถูกวิพากษ์วิจารณ์ แต่เขาก็ยังคงยึดมั่นในแนวทางนี้อย่างต่อเนื่อง
ด้วยความสัมพันธ์ที่ดีในวงการฟุตบอลออสเตรเลีย ทอมสันได้นำผู้เล่นชาวออสเตรเลียหลายคนเข้ามาเสริมทีม เช่น ออเรลิโอ วิดมาร์, เกรแฮม อาร์โนลด์, สตีฟ โคริกา, เฮย์เดน ฟอกซ์ และ โทนี่ โปโปวิช นอกจากนี้ เขายังให้ความสำคัญกับการพัฒนาผู้เล่นเยาวชนของญี่ปุ่น เช่น ทัตสึฮิโกะ คุโบะ, โคตะ ฮัตโตริ, ทากาชิ ชิโมดะ รวมถึงการผลักดันผู้เล่นรุ่นใหม่อย่าง คาซูยูกิ โมริซากิ และ ชิการะ ฟูจิโมโตะ ให้ก้าวขึ้นมาสู่ทีมชุดใหญ่ และในปี ค.ศ. 1999 เขายังพาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศถ้วยจักรพรรดิได้สำเร็จ
5. ข้อถกเถียงและข้อกล่าวหา
ในปี ค.ศ. 1994 เกิดข้อถกเถียงและข้อกล่าวหาที่สำคัญในอาชีพของเอ็ดดี ทอมสัน โดยมีข้อกล่าวหาว่าเขามีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำที่ไม่เหมาะสมในการโอนย้ายผู้เล่น ซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับการย้ายทีมของเนโด เชลิช ไปยังสโมสรโบรุสซีอาดอร์ทมุนท์
เพื่อสอบสวนข้อกล่าวหาดังกล่าว จึงมีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้น โดยมีอดีตผู้พิพากษาจากรัฐนิวเซาท์เวลส์คือโดนัลด์ สจ๊วต เป็นประธาน รายงานที่เผยแพร่โดยคณะกรรมการได้เสนอแนะให้ปลดทอมสันออกจากตำแหน่ง อย่างไรก็ตาม แม้จะมีข้อเสนอแนะดังกล่าว เขาก็ยังคงอยู่ในตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนต่อไป เนื่องจากการสอบสวนของวุฒิสภาออสเตรเลียพบว่ามีหลักฐานไม่เพียงพอที่จะดำเนินการลงโทษเขา
6. เกียรติประวัติและความสำเร็จ
ตลอดอาชีพทั้งในฐานะผู้เล่นและผู้จัดการทีม เอ็ดดี ทอมสัน ได้รับเกียรติประวัติและความสำเร็จมากมาย
6.1. ในฐานะผู้เล่น
- สกอตติชคัพ รองชนะเลิศ: 1967-68 (กับ ฮาร์ตออฟมิดโลเธียน)
- เนชันแนลซอกเกอร์ลีก: 1977, 1980 (กับ ซิดนีย์ ซิตี้)
6.2. ในฐานะผู้จัดการทีม
- เนชันแนลซอกเกอร์ลีก: 1980, 1981, 1982 (กับ ซิดนีย์ ซิตี้)
- เนชันแนลซอกเกอร์ลีก ดิวิชันเหนือ: 1984, 1985 (กับ ซิดนีย์ ซิตี้)
- เอ็นเอสแอล คัพ: 1986 (กับ ซิดนีย์ ซิตี้)
- เอ็นเอสแอล แชริตี้ ชีลด์: 1982 (กับ ซิดนีย์ ซิตี้)
- เนชันแนลซอกเกอร์ลีก รองชนะเลิศ: 1986 (กับ ซิดนีย์ โอลิมปิก)
- เอ็นเอสแอล พรีเมียร์ชิพ รองชนะเลิศ: 1986 (กับ ซิดนีย์ โอลิมปิก)
- เอ็นเอสแอล คัพ รองชนะเลิศ: 1989 (กับ ซิดนีย์ โอลิมปิก)
- โอเอฟซี เนชันส์ คัพ: 1996 (กับ ทีมชาติออสเตรเลีย)
- ทรานส์-แทสแมน คัพ: 1991, 1995 (กับ ทีมชาติออสเตรเลีย)
- โอเอฟซี ฟุตบอลชายชิงแชมป์อายุไม่เกิน 23 ปี: 1996 (กับ ทีมชาติออสเตรเลีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี)
- จบอันดับที่สี่ในโอลิมปิก: 1992 (กับ ทีมชาติออสเตรเลีย รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี)
6.3. เกียรติประวัติส่วนบุคคล
- ผู้ฝึกสอนยอดเยี่ยมแห่งปีเนชันแนลซอกเกอร์ลีก: 1981, 1984, 1985
- ได้รับการจารึกในหอเกียรติยศฟุตบอลออสเตรเลีย: ค.ศ. 2002
7. สถิติอาชีพ
เอ็ดดี ทอมสัน มีสถิติอาชีพทั้งในฐานะผู้เล่นและผู้จัดการทีมที่น่าสนใจ ซึ่งสะท้อนถึงเส้นทางที่ยาวนานและเต็มไปด้วยประสบการณ์ของเขา
7.1. สถิติการคุมทีม
สถิติการคุมทีมของเอ็ดดี ทอมสัน ที่ซานเฟรชเช ฮิโรชิมะในเจลีก ประเทศญี่ปุ่น
ปี | สังกัด | การแข่งขัน | จำนวนนัด | แต้ม | ชนะ | เสมอ | แพ้ | อันดับ | นาบิสโกคัพ | ถ้วยจักรพรรดิ | ทีม |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1997 | เจลีก | เลก 1 | 16 | 21 | 8 | - | 8 | 10 | ตกรอบแบ่งกลุ่ม | รอบ 4 | ซานเฟรชเช ฮิโรชิมะ |
เลก 2 | 16 | 15 | 5 | - | 11 | 13 | |||||
1998 | เจลีก | เลก 1 | 17 | 19 | 7 | - | 10 | 13 | ตกรอบแบ่งกลุ่ม | รอบ 8 ทีม | |
เลก 2 | 17 | 24 | 9 | - | 8 | 9 | |||||
1999 | เจลีก 1 | เลก 1 | 15 | 27 | 9 | 0 | 6 | 6 | รอบ 2 | รองชนะเลิศ | |
เลก 2 | 15 | 21 | 7 | 1 | 7 | 8 | |||||
2000 | เจลีก 1 | เลก 1 | 15 | 19 | 7 | 1 | 7 | 10 | รอบ 2 | รอบ 4 | |
เลก 2 | 15 | 18 | 6 | 1 | 8 | 11 |
สถิติรวมการคุมทีมซานเฟรชเช ฮิโรชิมะระหว่างปี ค.ศ. 1997-2000:
ทีม | ตั้งแต่ | ถึง | G (จำนวนนัด) | W (ชนะ) | D (เสมอ) | L (แพ้) | Win % (อัตราชนะ) |
---|---|---|---|---|---|---|---|
ซานเฟรชเช ฮิโรชิมะ | 1997 | 2000 | 126 | 58 | 3 | 65 | 46.03% |
8. การเสียชีวิต
ในปี ค.ศ. 2000 เอ็ดดี ทอมสัน ได้เดินทางกลับมายังประเทศออสเตรเลีย และไม่นานหลังจากนั้น เขาก็ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิดนอนฮอดจ์กิน (Non-Hodgkin lymphoma) ซึ่งเป็นโรคมะเร็งที่เขาต้องต่อสู้ในเวลาต่อมา
เขาได้เข้ารับการรักษาพยาบาลและผ่าตัดตับอ่อนเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็ง อย่างไรก็ตาม อาการของโรคได้กลับมาเป็นซ้ำ ทำให้เขาต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลหลายครั้ง เอ็ดดี ทอมสัน เสียชีวิตเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2003 ที่โรงพยาบาลในเมืองซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย สิริอายุ 55 ปี
q=Sydney, Australia|position=right
9. มรดกและการประเมินผล
เอ็ดดี ทอมสัน ทิ้งมรดกอันสำคัญไว้ให้กับวงการฟุตบอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเทศออสเตรเลีย การที่เขาได้รับการจารึกในหอเกียรติยศฟุตบอลออสเตรเลียในปี ค.ศ. 2002 เป็นเครื่องยืนยันถึงคุณูปการอันยิ่งใหญ่ที่เขามีต่อกีฬาฟุตบอลในประเทศนี้
เขาได้รับการยกย่องอย่างสูงในฐานะผู้ฝึกสอนที่มีสายตาเฉียบคมในการค้นพบและพัฒนาผู้เล่นเยาวชนที่มีศักยภาพ เช่น การให้โอกาสกับแฮร์รี คีเวลล์ และ ลูกัส นีล ในช่วงที่พวกเขายังเป็นดาวรุ่ง ผู้เล่นเหล่านี้ได้เติบโตเป็นกำลังสำคัญและมีบทบาทอย่างมากในการพาทีมชาติออสเตรเลียผ่านเข้ารอบสุดท้ายของฟุตบอลโลก 2006ได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และประสบความสำเร็จในการผ่านเข้าสู่รอบแบ่งกลุ่ม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์ของทอมสันในการวางรากฐานสำหรับอนาคตของฟุตบอลออสเตรเลีย
แม้ในช่วงที่เขาคุมทีมซานเฟรชเช ฮิโรชิมะในญี่ปุ่น ทีมจะต้องเผชิญกับปัญหาทางการเงินและการถูกบังคับให้ปล่อยผู้เล่นตัวหลักออกไป แต่ทอมสันก็ยังคงยึดมั่นในปรัชญาการคุมทีมและการพัฒนาผู้เล่นเยาวชนอย่างต่อเนื่อง ความพยายามของเขาในการประคองทีมให้อยู่รอดในเจลีก และการปั้นผู้เล่นดาวรุ่งทั้งชาวออสเตรเลียและญี่ปุ่นให้ก้าวขึ้นมาเป็นกำลังสำคัญของทีม แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและความทุ่มเทของเขา แม้จะต้องเผชิญกับอุปสรรคต่าง ๆ การมีส่วนร่วมของเขาในการสร้างนักฟุตบอลรุ่นใหม่และวางรากฐานที่แข็งแกร่งให้กับทีมฟุตบอล จึงถือเป็นส่วนหนึ่งของมรดกสำคัญที่เขามอบไว้ให้กับวงการฟุตบอล