1. Life
เอมิล แอร์เนสต์ วาเร ซึ่งบางแหล่งสะกดชื่อว่า "เอมีลิ แอร์เนสตี วาเร" (Eemili Ernesti Väreภาษาฟินแลนด์) เกิดเมื่อวันที่ 28 กันยายน ค.ศ. 1885 ที่แคร์เคอแล ซึ่งในขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของแกรนด์ดัชชีฟินแลนด์ เขามีชีวิตอยู่จนถึงวันที่ 31 มกราคม ค.ศ. 1974 และเสียชีวิตลงด้วยวัย 88 ปีที่บ้านเกิดของเขาในแคร์เคอแล ประเทศฟินแลนด์
2. Wrestling Career
เอมิล วาเรมีอาชีพนักมวยปล้ำที่โดดเด่นด้วยความสำเร็จทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ รวมถึงสถิติการไม่แพ้ใครที่น่าประทับใจ
2.1. Early Career and National Success
วาเรเริ่มต้นอาชีพนักมวยปล้ำด้วยการคว้าแชมป์ระดับประเทศของประเทศฟินแลนด์ในปี 1909 และ 1911 นอกจากนี้ เขายังสามารถคว้าแชมป์ยุโรปอย่างไม่เป็นทางการได้ในปี 1912 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพที่โดดเด่นของเขาตั้งแต่ช่วงต้นอาชีพ ในขณะที่ยังเป็นนักมวยปล้ำ วาเรสังกัดสโมสรViipurin Voimailijat ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองVyborg
2.2. Olympic and World Championships

ความสำเร็จที่สำคัญที่สุดของเอมิล วาเรคือการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกถึงสองสมัย โดยเหรียญทองแรกได้มาจากการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 1912 ที่สต็อกโฮล์ม ในรุ่นไลต์เวต และเหรียญทองที่สองได้จากการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 1920 ที่แอนต์เวิร์ป ซึ่งเป็นชัยชนะในรุ่นไลต์เวตเช่นกัน
ก่อนหน้าความสำเร็จในโอลิมปิก วาเรยังได้ครองตำแหน่งแชมป์โลกในการแข่งขันมวยปล้ำชิงแชมป์โลกที่จัดขึ้นในเฮลซิงกิ ประเทศฟินแลนด์ ในรุ่นน้ำหนัก 73 kg ความสามารถที่โดดเด่นของเขาได้รับการยืนยันด้วยสถิติที่น่าทึ่ง โดยระหว่างปี 1912 ถึง 1916 เขาได้รับชัยชนะในการแข่งขันมวยปล้ำทุกนัดที่ลงแข่ง
3. Post-Retirement Activities
หลังจากโอลิมปิกฤดูร้อน 1920 เอมิล วาเรได้อำลาอาชีพนักมวยปล้ำอาชีพ แต่เขายังคงทุ่มเทให้กับวงการกีฬาอย่างต่อเนื่อง โดยผันตัวไปรับบทบาทเป็นกรรมการตัดสินและผู้ฝึกสอนมวยปล้ำ
ในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1920 วาเรมีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการสโมสรมวยปล้ำViipurin Voimailijat ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาสังกัดมาตลอด โดยเขาเคยดำรงตำแหน่งประธาน เลขาธิการ เหรัญญิก และรองประธานของสโมสร นอกจากนี้ เขายังได้เป็นสมาชิกคณะกรรมการของสหพันธ์มวยปล้ำฟินแลนด์ ซึ่งสะท้อนถึงการอุทิศตนอย่างต่อเนื่องในการพัฒนาและส่งเสริมกีฬามวยปล้ำในประเทศของเขา
4. Legacy and Impact
เอมิล วาเรได้รับการจดจำในฐานะหนึ่งในนักมวยปล้ำที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของประเทศฟินแลนด์ ความโดดเด่นของเขามาจากชัยชนะระดับนานาชาติหลายรายการ รวมถึงเหรียญทองโอลิมปิกสองสมัย และตำแหน่งแชมป์โลก ซึ่งสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศฟินแลนด์ในเวทีโลก
สถิติการไม่แพ้ใครของเขาในช่วงปี 1912 ถึง 1916 ยิ่งตอกย้ำสถานะของเขาในฐานะนักกีฬาที่ทรงอิทธิพลในช่วงเวลาดังกล่าว การอุทิศตนให้กับวงการมวยปล้ำอย่างต่อเนื่องหลังจากการอำลาสังเวียน โดยการเป็นกรรมการ, ผู้ฝึกสอน และการดำรงตำแหน่งบริหารในองค์กรกีฬา ได้แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นและผลกระทบอันยาวนานที่เขามีต่อการพัฒนาวงการมวยปล้ำในประเทศฟินแลนด์