1. ภาพรวม
เลอันโดร เดซาบาโต หรือที่รู้จักกันในชื่อเล่นว่า ชาโว เป็นนักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินาที่ผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล เขาเป็นที่จดจำจากอาชีพนักฟุตบอลที่ยาวนานในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นกำลังสำคัญของสโมสรฟุตบอลเอสตูเดียนเตส เด ลา ปลาตา ซึ่งเขาคว้าแชมป์โคปาลิเบร์ตาโดเรสในปี 2009 นอกจากนี้ เขายังเคยประสบความสำเร็จในการพาทีมอื่นเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดของอาร์เจนตินา อย่างไรก็ตาม อาชีพของเขาไม่ได้ปราศจากข้อโต้แย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับการถูกกล่าวหาว่าเหยียดเชื้อชาติในระหว่างการแข่งขันโคปาลิเบร์ตาโดเรสปี 2005 ซึ่งนำไปสู่การจับกุมและเกิดการถกเถียงในสังคมอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับพฤติกรรมในวงการลูกหนัง
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
2.1. กำเนิดและวัยเด็ก
เลอันโดร เดซาบาโต เกิดเมื่อวันที่ 24 มกราคม ค.ศ. 1979 ที่เมืองคัฟเฟราตา ในจังหวัดซานตาเฟ ประเทศอาร์เจนตินา เขามีญาติสองคนคือ อันเดรส เดซาบาโต และ เลอันโดร ลุยส์ เดซาบาโต ซึ่งทั้งคู่เป็นนักฟุตบอลอาชีพเช่นกัน
3. อาชีพนักฟุตบอล
เลอันโดร เดซาบาโต เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลอาชีพในฐานะกองหลัง โดยใช้เท้าขวาเป็นหลัก และมีส่วนร่วมในเหตุการณ์สำคัญหลายครั้งตลอดเส้นทางอาชีพของเขา โดยส่วนสูงของเขาคือ 186 cm
3.1. อาชีพสโมสร
ตลอดอาชีพสโมสร เดซาบาโตได้เล่นให้กับหลายทีมในอาร์เจนตินา โดยมีบทบาทสำคัญในการพาทีมประสบความสำเร็จ รวมถึงเผชิญหน้ากับข้อถกเถียงที่กลายเป็นประเด็นสำคัญในวงการฟุตบอล
3.1.1. ช่วงเริ่มต้นอาชีพสโมสรและการเลื่อนชั้น
เดซาบาโตเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลอาชีพในปี ค.ศ. 1997 กับสโมสรฟุตบอลเอสตูเดียนเตส เด ลา ปลาตา ซึ่งเป็นสโมสรที่เขามีความผูกพันมาอย่างยาวนาน ในปี ค.ศ. 2001 เขาได้ย้ายไปร่วมทีมสโมสรฟุตบอลโอลิมโปด้วยสัญญายืมตัว และใช้เวลาหนึ่งฤดูกาลกับสโมสรแห่งนี้ จากนั้นในปี ค.ศ. 2002 เขาก็ย้ายไปเล่นให้กับสโมสรฟุตบอลกิลเมส ด้วยสัญญายืมตัวเช่นกัน ซึ่งเขาค้าแข้งอยู่กับกิลเมสจนถึงปี ค.ศ. 2006 ตลอดระยะเวลาที่อยู่กับทั้งโอลิมโปและกิลเมส เขามีส่วนสำคัญในการพาทั้งสองทีมเลื่อนชั้นจากปรีเมรา บี นาซิอองนาล ซึ่งเป็นลีกดิวิชั่นสองของอาร์เจนตินา ขึ้นสู่ปรีเมรา ดิวิซิออน ซึ่งเป็นลีกสูงสุดของประเทศ
3.1.2. ข้อถกเถียงเรื่องการเหยียดเชื้อชาติในโคปาลิเบร์ตาโดเรส 2005
ในระหว่างการแข่งขันโคปาลิเบร์ตาโดเรส ปี 2005 ซึ่งเป็นการแข่งขันระหว่างกิลเมสต้นสังกัดของเดซาบาโต กับสโมสรฟุตบอลเซาเปาโลจากบราซิล เกิดเหตุการณ์ข้อถกเถียงครั้งใหญ่ เมื่อเดซาบาโตถูกกล่าวหาว่าใช้คำพูดเหยียดเชื้อชาติใส่ผู้เล่นเอดินัลโด บาติสตา ลิบานิโอ (Edinaldo Batista Libânioเอดินัลโด บาติสตา ลิบานิโอPortuguese) ของเซาเปาโล หลังจบการแข่งขัน เดซาบาโตถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมในบราซิลและถูกควบคุมตัวหนึ่งคืน เหตุการณ์นี้สร้างความประหลาดใจอย่างมากในวงการฟุตบอล และนำไปสู่การถกเถียงในที่สาธารณะอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับประเด็นการเหยียดเชื้อชาติในกีฬาฟุตบอล
หลังจากที่เดซาบาโตได้รับการปล่อยตัว เอดัวร์โด กงซัลวิส เด อังดราดี (Eduardo Gonçalves de Andradeเอดัวร์โด กงซัลวิส เด อังดราดีPortuguese) อดีตนักฟุตบอลทีมชาติบราซิลชื่อดังซึ่งปัจจุบันเป็นคอลัมนิสต์ ได้ออกมาปกป้องเดซาบาโต โดยกล่าวว่าคำพูดที่ถูกกล่าวหานั้นไม่ใช่การเหยียดเชื้อชาติ แต่เป็นเพียงการยั่วยุประเภทหนึ่งที่มักเกิดขึ้นในสนามฟุตบอลอยู่เสมอ คำกล่าวอ้างนี้ก่อให้เกิดการอภิปรายเพิ่มเติมเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างการยั่วยุในสนามและการเหยียดเชื้อชาติ
3.1.3. การกลับมายังเอสตูเดียนเตสและการคว้าแชมป์
ในปี ค.ศ. 2006 เดซาบาโตออกจากกิลเมสและย้ายไปร่วมทีมสโมสรฟุตบอลอาร์เจนติโนส จูเนียร์ส โดยใช้เวลาสองฤดูกาลกับสโมสร หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 2007 เขาก็กลับมายังสโมสรฟุตบอลเอสตูเดียนเตส เด ลา ปลาตาอีกครั้ง ในช่วงครึ่งหลังของปี ค.ศ. 2008 เขาได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นตัวหลักของทีมเอสตูเดียนเตสอย่างสม่ำเสมอในรายการโคปา ซูดาเมริกานา ซึ่งในฤดูกาลนั้นเอสตูเดียนเตสสามารถผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้
ในปี ค.ศ. 2009 เดซาบาโตยังคงเป็นกำลังสำคัญของเอสตูเดียนเตส และมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการพาทีมคว้าแชมป์โคปาลิเบร์ตาโดเรสในปีนั้น ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพสโมสรของเขา ในการแข่งขันตลอดทัวร์นาเมนต์ เดซาบาโตเป็นผู้เล่นเพียงคนเดียวที่ไม่ใช่ผู้รักษาประตูที่ได้ลงเล่นทุกนาทีในทุกเกม แม้ว่าเพื่อนร่วมตำแหน่งกองหลังตัวกลางของเขาจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ตั้งแต่อักอุสติน อาลาเยส ไปเป็นคริสเตียน เซลาย และจากนั้นไปเป็นโรลันโด สเกียวี ในปีเดียวกันนั้น เดซาบาโตยังได้รับการคัดเลือกให้ติดทีมยอดเยี่ยมแห่งอเมริกาใต้ประจำปี ซึ่งมาจากการสำรวจความคิดเห็นของนักข่าวตามธรรมเนียมที่จัดโดยหนังสือพิมพ์ เอล ปาอิส (ประเทศอุรุกวัย) นอกจากนี้ ในปี ค.ศ. 2010 เขายังช่วยให้เอสตูเดียนเตสคว้าแชมป์พริเมรา ดิวิซิออน อาเปร์ตูราอีกด้วย
3.2. อาชีพทีมชาติ
เลอันโดร เดซาบาโต ได้รับโอกาสลงเล่นให้กับฟุตบอลทีมชาติอาร์เจนตินาในปี ค.ศ. 2011 เขาถูกเรียกตัวติดทีมชาติเพื่อแข่งขันซูเปร์กลาซิโก เด ลาส อเมริกา กับทีมชาติบราซิล โดยเป็นการเรียกตัวมาแทนที่กิเยร์โม บูร์ดิซโซ ที่ได้รับบาดเจ็บ เดซาบาโตลงประเดิมสนามในนามทีมชาติเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน ค.ศ. 2011 ในการแข่งขันนัดดังกล่าว และลงเล่นรวมทั้งหมด 4 นัดให้กับทีมชาติอาร์เจนตินาโดยไม่สามารถทำประตูได้
4. อาชีพผู้จัดการทีม
หลังจากการเกษียณจากการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เลอันโดร เดซาบาโตได้ผันตัวมารับบทบาทเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล เขาเคยทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีมของสโมสรฟุตบอลเอสตูเดียนเตส เด ลา ปลาตาในปี 2020 ซึ่งเป็นสโมสรที่เขามีความผูกพันมาอย่างยาวนานทั้งในฐานะผู้เล่นและโค้ช เขาเคยเป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวในช่วงต้นปี 2020 ก่อนที่จะได้รับแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมอย่างเต็มตัวในภายหลัง แต่ก็ดำรงตำแหน่งได้ไม่นาน ปัจจุบัน เขาเป็นผู้จัดการทีมของสโมสรฟุตบอลอัลมากโร
5. ชีวิตส่วนตัว
เลอันโดร เดซาบาโต มีความผูกพันกับฟุตบอลในครอบครัวอย่างลึกซึ้ง โดยมีญาติสองคนคือ อันเดรส เดซาบาโต และ เลอันโดร ลุยส์ เดซาบาโต ซึ่งทั้งคู่เป็นนักฟุตบอลอาชีพเช่นเดียวกับเขา
6. เกียรติประวัติและรางวัล
โอลิมโป
- ปรีเมรา บี นาซิอองนาล: 2001-02
เอสตูเดียนเตส
- โคปาลิเบร์ตาโดเรส: 2009
- อาร์เจนตินา พริเมรา ดิวิซิออน: 2010 อาเปร์ตูรา
รางวัลส่วนบุคคล
- ทีมยอดเยี่ยมแห่งอเมริกาใต้: 2009
7. การประเมินและข้อถกเถียง
การประเมินอาชีพและชีวิตของเลอันโดร เดซาบาโต สะท้อนให้เห็นถึงทั้งความสามารถและความสำเร็จในสนาม รวมถึงข้อโต้แย้งทางสังคมที่เขามีส่วนเกี่ยวข้อง
7.1. การประเมินเชิงบวก
ในฐานะนักฟุตบอล เลอันโดร เดซาบาโตได้รับการยอมรับในความสามารถทางเทคนิค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในตำแหน่งกองหลังตัวกลาง เขามีความแข็งแกร่งในการเล่นเกมรับและเป็นผู้เล่นที่มีความทุ่มเทอย่างสูง ความเป็นผู้นำของเขาเห็นได้ชัดเจนจากการที่เขาสามารถพาทีมสโมสรฟุตบอลโอลิมโปและสโมสรฟุตบอลกิลเมสเลื่อนชั้นสู่ลีกสูงสุดของอาร์เจนตินา นอกจากนี้ บทบาทของเขาในทีมสโมสรฟุตบอลเอสตูเดียนเตส เด ลา ปลาตาในการแข่งขันโคปา ซูดาเมริกานาปี 2008 ที่ทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นผู้เล่นตัวหลักที่ลงสนามครบทุกนาทีในการคว้าแชมป์โคปาลิเบร์ตาโดเรสปี 2009 แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเขาต่อความสำเร็จของทีม ความสม่ำเสมอในการเล่นและบทบาทสำคัญในการคว้าแชมป์เหล่านี้เป็นเครื่องยืนยันถึงคุณค่าของเขาในฐานะนักฟุตบอลระดับสูง
7.2. คำวิจารณ์และข้อถกเถียง
แม้จะมีผลงานที่โดดเด่นในสนาม แต่เลอันโดร เดซาบาโตก็เผชิญหน้ากับคำวิจารณ์และข้อถกเถียงที่สำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์การถูกกล่าวหาว่าเหยียดเชื้อชาติใส่ผู้เล่นเอดินัลโด บาติสตา ลิบานิโอในระหว่างการแข่งขันโคปาลิเบร์ตาโดเรสปี 2005 ซึ่งนำไปสู่การจับกุมของเขาในบราซิล แม้ว่าจะมีอดีตนักฟุตบอลชาวบราซิลออกโรงปกป้องว่าเป็นการยั่วยุตามปกติในเกมฟุตบอล แต่เหตุการณ์นี้ได้กลายเป็นประเด็นสำคัญที่ตอกย้ำให้เห็นถึงปัญหาการเหยียดเชื้อชาติในวงการกีฬา และกระตุ้นให้เกิดการอภิปรายถึงผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนและความก้าวหน้าทางสังคม การประเมินทางสังคมและประวัติศาสตร์ของเดซาบาโตจึงไม่อาจแยกออกจากเหตุการณ์นี้ได้ เนื่องจากมันสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการสร้างสังคมที่เท่าเทียมและปราศจากการเลือกปฏิบัติในวงการฟุตบอล ซึ่งยังคงเป็นประเด็นที่ต้องได้รับการพิจารณาและแก้ไขอย่างต่อเนื่อง