1. ภาพรวม
เรอเน ฌีราร์ (René Girardเรอเน ฌีราร์ภาษาฝรั่งเศส) เกิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1954 ที่เมือง วอแวร์ จังหวัด การ์ด ประเทศฝรั่งเศส เขาเป็นอดีตนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมชาวฝรั่งเศส อาชีพการเล่นของฌีราร์ในตำแหน่งกองกลางตัวรับโดดเด่นกับการเป็นสมาชิกของสโมสรนีมส์ ออแล็งปิก และสโมสรฟุตบอลฌีรงแด็งเดอบอร์โด ซึ่งเขาได้รับรางวัลชนะเลิศลีกเอิงหลายสมัย และยังเป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศสที่เข้าร่วมฟุตบอลโลก 1982
หลังจากเลิกเล่นฟุตบอล ฌีราร์ได้เริ่มต้นอาชีพในฐานะผู้จัดการทีม โดยมีบทบาทสำคัญในการคุมทีมเยาวชนทีมชาติฝรั่งเศสหลายรุ่น รวมถึงทีมชาติฝรั่งเศส รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาในฐานะผู้จัดการทีมคือการพาทีมมงเปอลีเย อัชแอ็สเซคว้าแชมป์ลีกเอิงในฤดูกาล 2011-12 ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
เรอเน ฌีราร์ เกิดเมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1954 ในเมืองวอแวร์ ซึ่งตั้งอยู่ในจังหวัดการ์ด ประเทศฝรั่งเศส
3. อาชีพนักฟุตบอล
เรอเน ฌีราร์ มีอาชีพนักฟุตบอลที่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะในตำแหน่งกองกลางตัวรับ โดยเขาได้ลงสนามให้กับหลายสโมสรในฝรั่งเศสและยังเป็นส่วนหนึ่งของฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศสอีกด้วย
3.1. อาชีพในสโมสร
ฌีราร์เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับสโมสรนีมส์ ออแล็งปิก ซึ่งเขาเล่นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1973 ถึง 1980 โดยลงสนามไป 202 นัดและทำได้ 27 ประตู หลังจากนั้น เขาย้ายไปร่วมทีมสโมสรฟุตบอลฌีรงแด็งเดอบอร์โดในปี ค.ศ. 1980 และใช้เวลาแปดฤดูกาลที่นั่น โดยลงสนาม 241 นัดและยิงได้ 17 ประตู ในช่วงเวลาที่อยู่กับบอร์โด ฌีราร์ประสบความสำเร็จอย่างมาก คว้าแชมป์ลีกเอิงได้ถึง 3 สมัยในฤดูกาล 1983-84, 1984-85 และ 1986-87 นอกจากนี้ เขายังช่วยให้ทีมคว้าแชมป์กุปเดอฟร็องส์ได้ 2 สมัยติดต่อกันในฤดูกาล 1985-86 และ 1986-87 โดยเฉพาะการเอาชนะออแล็งปิกเดอมาร์แซย์ในรอบชิงชนะเลิศทั้งสองครั้ง รวมถึงแชมป์ทรอเฟเดช็องปียงในปี ค.ศ. 1986 หลังจากนั้น เขากลับไปเล่นให้กับนีมส์ ออแล็งปิกอีกครั้งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1988 ถึง 1991 ก่อนจะแขวนสตั๊ด โดยลงเล่นไปอีก 92 นัดและทำได้ 5 ประตู
3.2. อาชีพในทีมชาติ
เรอเน ฌีราร์ ได้รับเลือกให้ติดฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศสและลงสนามไปทั้งหมด 7 นัด ทำได้ 1 ประตู เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติฝรั่งเศสชุดที่เข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลก 1982 ซึ่งฝรั่งเศสทำผลงานได้ดีจบในอันดับที่ 4 ของการแข่งขัน
4. อาชีพผู้จัดการทีม
หลังจากการแขวนสตั๊ดในฐานะนักฟุตบอล เรอเน ฌีราร์ ได้เปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้จัดการทีมและได้คุมทีมหลายสโมสร รวมถึงทีมชาติฝรั่งเศสในระดับเยาวชน ซึ่งเขาได้สร้างชื่อเสียงและประสบความสำเร็จอย่างมาก
4.1. บทบาทผู้จัดการทีมช่วงแรก
เรอเน ฌีราร์ เริ่มต้นอาชีพผู้จัดการทีมกับสโมสรเก่าของเขาคือนีมส์ ออแล็งปิกในปี ค.ศ. 1992 หลังจากนั้น เขาย้ายไปคุมทีมปาว เอฟซีระหว่างปี ค.ศ. 1996 ถึง 1997 และแอร์เซ สทราซบูร์ในปี ค.ศ. 1998 นอกจากบทบาทในระดับสโมสรแล้ว ฌีราร์ยังได้รับโอกาสในระดับทีมชาติ โดยเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศสตั้งแต่ปี ค.ศ. 1998 ถึง 2002
ต่อมา ฌีราร์ได้เข้ามารับผิดชอบในฐานะผู้จัดการทีมเยาวชนของฝรั่งเศส โดยคุมทีมชาติฝรั่งเศส รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี ในช่วงปี ค.ศ. 2002 ถึง 2003 และทีมชาติฝรั่งเศส รุ่นอายุไม่เกิน 16 ปี ในช่วงปี ค.ศ. 2003 ถึง 2004 ในปี ค.ศ. 2004 เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติฝรั่งเศส รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ต่อจากแรย์มง ดอเมแน็ก และคุมทีมจนถึงปี ค.ศ. 2008 ในการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ค.ศ. 2004 ทีมของเขาพ่ายแพ้ให้กับโปรตุเกสในรอบเพลย์ออฟตกรอบไป ในปี ค.ศ. 2006 ทีมชาติฝรั่งเศส รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ภายใต้การคุมทีมของฌีราร์ สามารถผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ แต่ในปี ค.ศ. 2007 พวกเขาพ่ายแพ้ให้กับอิสราเอลในรอบเพลย์ออฟเพื่อเข้าสู่การแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป รุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ค.ศ. 2009 ท้ายที่สุด ฌีราร์ถูกปลดออกจากตำแหน่งเนื่องจากผลงานที่ไม่น่าพอใจในช่วงท้ายของรอบคัดเลือก
4.2. มงเปอลีเย อัชแอ็สเซ
เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ. 2009 เรอเน ฌีราร์ ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนคนใหม่ของมงเปอลีเย อัชแอ็สเซ แทนที่รอลง กูร์บิส ซึ่งเป็นช่วงที่ทีมเพิ่งเลื่อนชั้นขึ้นสู่ลีกเอิง ในฤดูกาลแรก (2009-10) ฌีราร์พาทีมมงเปอลีเยทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม โดยจบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 5 ซึ่งถือเป็นการก้าวกระโดดครั้งใหญ่ และทำให้ทีมได้รับสิทธิ์เข้าแข่งขันยูฟ่ายูโรปาลีกในฤดูกาล 2010-11 อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาล 2010-11 ทีมกลับประสบปัญหาด้านการทำประตูอย่างหนัก จบฤดูกาลด้วยอันดับที่ 14 โดยเป็นทีมที่ทำประตูได้น้อยที่สุดเป็นอันดับสองในลีก ด้วยจำนวนเพียง 32 ประตู แม้ว่าออลีวีเย ฌีรูจะยิงได้ถึง 12 ประตูในฤดูกาลนั้นก็ตาม ทำให้มีข่าวลือเกี่ยวกับการปลด ฌีราร์ ออกจากตำแหน่ง
แต่สโมสรยังคงให้โอกาส ฌีราร์คุมทีมต่อไปในฤดูกาล 2011-12 และเขาก็ตอบแทนความไว้วางใจด้วยผลงานที่น่าตกตะลึง ในฤดูกาลนั้น มงเปอลีเยสามารถคว้าแชมป์ลีกเอิงได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร โดยจบฤดูกาลด้วย 82 คะแนน นำหน้าคู่แข่งสำคัญอย่างปารีแซ็ง-แฌร์แม็งถึง 3 คะแนน หลังพาทีมคว้าแชมป์ ฌีราร์ได้กล่าวว่า "ผมคิดว่าชัยชนะของเราเป็นการกระตุ้นที่แท้จริงสำหรับฟุตบอลฝรั่งเศส มันแสดงให้เห็นว่าทุกคนสามารถเอาชนะกันได้ และเงินไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่าง เราเป็นสโมสรของเพื่อนร่วมทีม เป็นสโมสรที่สร้างนักเตะเยาวชนและให้โอกาสพวกเขา ท้ายที่สุดแล้ว มันก็ได้ผลดีกับเรา เราเล่นฟุตบอลได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยทีมที่สมดุล และผมรู้สึกท่วมท้นจริงๆ"
4.3. บทบาทผู้จัดการทีมในภายหลัง
หลังจากประสบความสำเร็จกับมงเปอลีเย อัชแอ็สเซ เรอเน ฌีราร์ ได้ย้ายไปคุมทีมลีล ออแอ็สเซในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2013 โดยเข้ารับตำแหน่งแทนรูดี การ์ซีอา ผู้ซึ่งย้ายไปคุมทีมสโมสรฟุตบอลโรมา ฌีราร์คุมทีมลีลจนถึงปี ค.ศ. 2015 หลังจากนั้น เขาย้ายไปคุมทีมสโมสรฟุตบอลน็องต์ในปี ค.ศ. 2016 ต่อมาในวันที่ 30 กันยายน ค.ศ. 2018 ฌีราร์ได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของสโมสรวีดาด เอซี ซึ่งเป็นสโมสรจากประเทศโมร็อกโก
5. เกียรติประวัติ
เรอเน ฌีราร์ ได้รับเกียรติประวัติมากมายตลอดอาชีพการเป็นนักฟุตบอลและผู้จัดการทีม
5.1. ในฐานะนักฟุตบอล
ในฐานะนักฟุตบอล ฌีราร์ประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยเฉพาะกับสโมสรสโมสรฟุตบอลฌีรงแด็งเดอบอร์โด
สโมสร | รายการ | ฤดูกาล/ปี |
---|---|---|
บอร์โด | ดิวิชัน 1 | 1983-84, 1984-85, 1986-87 |
บอร์โด | กุปเดอฟร็องส์ | 1985-86, 1986-87 |
บอร์โด | ทรอเฟเดช็องปียง | 1986 |
5.2. ในฐานะผู้จัดการทีม
ในฐานะผู้จัดการทีม ฌีราร์มีผลงานที่โดดเด่นและเป็นที่จดจำ โดยเฉพาะกับการพาทีมมงเปอลีเย อัชแอ็สเซสร้างประวัติศาสตร์
สโมสร | รายการ | ฤดูกาล/ปี |
---|---|---|
มงเปอลีเย | ลีกเอิง | 2011-12 |