1. Early Life and Player Career
เซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์มีพื้นเพส่วนตัวและอาชีพนักฟุตบอลในช่วงแรกที่น่าสนใจ ซึ่งเป็นรากฐานของความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ในภายหลัง
1.1. Birth, Childhood, and Family Background
เฮอร์แบร์เกอร์เกิดเมื่อวันที่ 28 มีนาคม ค.ศ. 1897 ที่มันไฮม์ ซึ่งในขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิเยอรมนี เขาเติบโตมาในครอบครัวชาวนาคาทอลิกที่ยากจน ครอบครัวของเขาได้ย้ายมายังเมืองมันไฮม์เพื่อทำงานในโรงงานผลิตแก้วแซง-โกแบ็งในท้องถิ่น ซึ่งสะท้อนถึงชีวิตในวัยเด็กที่เรียบง่ายและขัดสน
1.2. Player Career
เซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์เริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลในปี ค.ศ. 1914 กับสโมสรเอสเฟา วัลด์ฮอฟ มันไฮม์ โดยลงเล่นไป 127 นัดและทำได้ 101 ประตู ระหว่างปี ค.ศ. 1914 ถึง 1921 จากนั้นเขาย้ายไปร่วมทีมเฟาเอฟแอร์ มันไฮม์ในปี ค.ศ. 1922 และค้าแข้งที่นั่นจนถึงปี ค.ศ. 1926 โดยลงเล่น 66 นัด ทำได้ 55 ประตู ในปี ค.ศ. 1925 เขาคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์เยอรมันใต้กับสโมสรเฟาเอฟแอร์ มันไฮม์ ซึ่งเป็นความสำเร็จที่สำคัญในอาชีพนักฟุตบอลของเขา ต่อมาในปี ค.ศ. 1926 เขาย้ายไปเล่นให้กับสโมสรเทนนิส โบรุสเซีย เบอร์ลิน จนถึงปี ค.ศ. 1930 โดยลงสนาม 43 นัด ทำได้ 30 ประตู รวมตลอดอาชีพค้าแข้งในระดับสโมสร เฮอร์แบร์เกอร์ลงเล่นไป 236 นัด และทำประตูได้ 186 ประตู นอกจากนี้ เขายังเคยลงเล่นให้กับฟุตบอลทีมชาติเยอรมนีถึง 3 นัด ระหว่างปี ค.ศ. 1921 ถึง 1925 โดยทำได้ 2 ประตู
2. Coaching Career
อาชีพโค้ชและผู้จัดการทีมฟุตบอลของเซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์ครอบคลุมระยะเวลาหลายทศวรรษ และเป็นช่วงเวลาที่เขาสร้างคุณูปการอันใหญ่หลวงให้กับวงการฟุตบอลเยอรมนี
2.1. Early Coaching and Assistant Role
หลังจากแขวนสตั๊ด เฮอร์แบร์เกอร์เริ่มต้นอาชีพโค้ชในปี ค.ศ. 1928 กับสโมสรเอสเฟา บาเบลสแบร์ก 03 (ในชื่อเดิมว่า SV Nowawes 03) จนถึงปี ค.ศ. 1929 จากนั้นเขาก็ย้ายไปเป็นผู้จัดการทีมของเทนนิส โบรุสเซีย เบอร์ลินระหว่างปี ค.ศ. 1930 ถึง 1932 ในปี ค.ศ. 1932 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้ช่วยโค้ชของฟุตบอลทีมชาติเยอรมนีภายใต้การนำของอ็อตโต แนนร์ซ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางอันยาวนานกับทีมชาติ เฮอร์แบร์เกอร์ยังเคยคุมทีม เบรสเลาอีเลฟเวน (Breslau Eleven) ซึ่งเป็นหนึ่งในทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลเยอรมันอีกด้วย
2.2. National Team Manager (1936-1942)
เซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์เข้ารับตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติเยอรมนีอย่างเต็มตัวในปี ค.ศ. 1936 ภายหลังการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 1936 ที่ทีมชาติเยอรมนีพ่ายแพ้ต่อฟุตบอลทีมชาตินอร์เวย์ในรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงตำแหน่งผู้จัดการทีม เขาคุมทีมลงแข่งขันฟุตบอลโลก 1938 ที่ประเทศฝรั่งเศส และพาทีมเข้าถึงรอบ 16 ทีมสุดท้าย แต่กิจกรรมของทีมชาติเยอรมนีต้องถูกระงับในอีกสี่ปีต่อมาในปี ค.ศ. 1942 เนื่องจากสถานการณ์ของสงครามโลกครั้งที่สองที่ทวีความรุนแรงขึ้น
2.3. Post-War Return and West Germany Manager (1950-1964)
หลังสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง เฮอร์แบร์เกอร์ได้กลับมาทำหน้าที่ผู้ฝึกสอนอีกครั้ง โดยมีช่วงสั้น ๆ เป็นผู้จัดการทีมชั่วคราวของไอน์ทรัคท์ แฟรงก์เฟิร์ตระหว่างปี ค.ศ. 1945 ถึง 1946 ในปี ค.ศ. 1949 เขารับผิดชอบตำแหน่งหัวหน้าโครงการพัฒนาผู้ฝึกสอนที่มหาวิทยาลัยกีฬาโคโลญจน์ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการสร้างบุคลากรทางการกีฬาให้กับประเทศ และในปี ค.ศ. 1950 ภายหลังสมาคมฟุตบอลเยอรมันได้รับการยอมรับให้กลับเข้าเป็นสมาชิกของฟีฟ่าอีกครั้ง เฮอร์แบร์เกอร์ก็ได้รับเรียกตัวให้กลับมาทำหน้าที่ผู้จัดการทีมชาติเยอรมนีตะวันตก เขาดำรงตำแหน่งนี้อย่างยาวนานจนถึงปี ค.ศ. 1964 ก่อนจะส่งไม้ต่อให้กับเฮ็ลมูท เชิน ผู้จัดการทีมระดับตำนานอีกคนหนึ่ง ในช่วงเวลานี้ เฮอร์แบร์เกอร์ยังคงนำทีมชาติเยอรมนีตะวันตกเข้าร่วมการแข่งขันฟุตบอลโลก โดยพาทีมคว้าอันดับสี่ในฟุตบอลโลก 1958 ที่ประเทศสวีเดน และเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในฟุตบอลโลก 1962 ที่ประเทศชิลี
2.4. 1954 FIFA World Cup: The Miracle of Bern
การแข่งขันฟุตบอลโลก 1954 ที่จัดขึ้นในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ถือเป็นจุดสูงสุดในอาชีพการงานของเซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์ โดยฟุตบอลทีมชาติฮังการีคือทีมเต็งหนึ่งที่จะคว้าแชมป์ในครั้งนั้น พวกเขามีฉายาว่า "ทีมทองคำ" หรือ "นักรบแมกยาร์ผู้เกรียงไกร" และไม่แพ้ใครมาเป็นเวลาสี่ปี อีกทั้งยังเป็นแชมป์โอลิมปิกในปี ค.ศ. 1952 และคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์ยุโรปกลางในปี ค.ศ. 1953 โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้การนำของ แฟแร็นตส์ ปุชกาช นักเตะระดับตำนานที่ทำให้ทีมฮังการีเป็นที่รู้จักกันในนาม "ปีศาจแห่งวงการฟุตบอล" (หรือ "con ngáo ộp") เมื่อการแข่งขันฟุตบอลโลกเริ่มต้นขึ้น ฮังการีก็แสดงความเหนือชั้นออกมาอย่างต่อเนื่อง โดยในรอบแบ่งกลุ่ม พวกเขายิงประตูคู่ต่อสู้ไป 17 ประตู เสียเพียง 3 ประตู ในขณะที่เยอรมนีตะวันตกยิงได้ 9 ประตู เสีย 7 ประตู และในการพบกันในรอบแบ่งกลุ่ม ฮังการีเคยเอาชนะเยอรมนีตะวันตกไปได้อย่างขาดลอยถึง 8-3 ประตู
อย่างไรก็ตาม ในนัดชิงชนะเลิศ สถานการณ์กลับพลิกผันอย่างไม่น่าเชื่อ การแข่งขันดำเนินไปท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก ฮังการีขึ้นนำไปอย่างรวดเร็วถึงสองประตูในไม่กี่นาทีแรก เยอรมนีตะวันตกสามารถตีไข่แตกได้ภายในสองนาทีหลังจากนั้น และตามตีเสมอได้สำเร็จในอีกแปดนาทีต่อมา ฮังการีมีโอกาสทำประตูเพิ่มอีกหลายครั้งในช่วงเวลาที่เหลือ แต่ไม่สามารถทำประตูได้สำเร็จ ในที่สุด เยอรมนีตะวันตกก็มาทำประตูชัยได้ก่อนหมดเวลาการแข่งขันเพียงหกนาที ทำให้พลิกกลับมาชนะไป 3-2 ประตู และคว้าแชมป์โลกได้สำเร็จอย่างปาฏิหาริย์ ชัยชนะครั้งนี้ได้รับการขนานนามว่า "ปาฏิหาริย์แห่งเบิร์น" ซึ่งหลายฝ่ายเชื่อว่าเกิดจากความสามารถเชิงกลยุทธ์ของเฮอร์แบร์เกอร์ เขาได้รับการยกย่องจากการตัดสินใจหลายอย่างที่ช่วยให้ทีมคว้าชัยชนะในนัดชิงชนะเลิศ ได้แก่ การส่งทีมชุดสองที่ไม่ได้แข็งแกร่งเต็มที่ลงสนามในนัดแรกที่พบกับฮังการี เพื่อซ่อนจุดแข็งที่แท้จริงของทีม การจัดตำแหน่งผู้เล่นที่ยืดหยุ่น และการมอบหมายให้ฟริตซ์ วัลเทอร์ได้รับความช่วยเหลือด้านเกมรับ เพื่อให้เขาสามารถทุ่มเทพลังงานทั้งหมดไปกับการโจมตี รวมถึงการกำชับให้ทีมเข้าโจมตีในพื้นที่กรอบเขตโทษของฮังการีจากทางด้านข้าง แทนที่จะเจาะเข้าตรงกลาง
2.5. Coaching Statistics
ในช่วงที่เซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์ดำรงตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติ เขาได้นำทีมลงแข่งขันรวม 167 นัด สถิติการคุมทีมของเขามีดังนี้:
ทีม | ตั้งแต่ | ถึง | แข่งขัน (นัด) | ชนะ (นัด) | เสมอ (นัด) | แพ้ (นัด) | % ชนะ |
---|---|---|---|---|---|---|---|
เยอรมนี | 1936 | 1942 | 70 | 42 | 13 | 15 | 60.00% |
เยอรมนีตะวันตก | 1950 | 1964 | 97 | 52 | 14 | 31 | 53.61% |
รวมทั้งหมด | 167 | 94 | 27 | 46 | 56.29% |
3. Coaching Philosophy and Sayings
เซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์ไม่เพียงแต่เป็นผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จเท่านั้น แต่เขายังเป็นบุคคลที่มีปรัชญาการทำทีมที่ลึกซึ้งและมีคำพูดที่น่าจดจำ ซึ่งยังคงเป็นแรงบันดาลใจและถูกอ้างอิงถึงอย่างกว้างขวาง
3.1. Coaching Philosophy
เฮอร์แบร์เกอร์มีความมุ่งมั่นอย่างแรงกล้าในการพัฒนาวงการฟุตบอลเยอรมนี โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่ทำให้ประเทศตกอยู่ในสภาพบอบช้ำ เขาได้รับการยกย่องว่าเป็น "บิดาแห่งฟุตบอลเยอรมัน" จากการมีส่วนร่วมในการฟื้นฟูวงการกีฬาของประเทศอย่างยั่งยืน เฮอร์แบร์เกอร์ให้ความสำคัญอย่างมากกับการพัฒนาผู้ฝึกสอนรุ่นใหม่ เขาได้ดำรงตำแหน่งศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยกีฬาโคโลญจน์ และได้สร้างแรงบันดาลใจรวมถึงบ่มเพาะโค้ชมากฝีมือหลายคน เช่น เด็ตมาร์ คราเมอร์ และเฮนเนส ไวส์ไวเลอร์ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นผู้ฝึกสอนที่มีชื่อเสียงระดับโลก และมีอิทธิพลอย่างใหญ่หลวงต่อการพัฒนาวงการฟุตบอลทั้งในเยอรมนีและต่างประเทศ แนวทางการจัดการทีมของเฮอร์แบร์เกอร์ยังเน้นไปที่การใช้ประโยชน์จากจุดแข็งของนักเตะแต่ละคน การปรับเปลี่ยนแทคติกตามสถานการณ์ และการสร้างจิตวิญญาณความเป็นทีมที่แข็งแกร่ง
3.2. Notable Sayings
เซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์มีคำพูดหลายประโยคที่กลายเป็นวลีอมตะในวงการฟุตบอลเยอรมนีและทั่วโลก ซึ่งสะท้อนปรัชญาและมุมมองของเขาต่อเกมฟุตบอล
- "หลังจบเกมคือการเริ่มต้นของเกมถัดไป" (Nach dem Spiel ist vor dem Spielภาษาเยอรมัน) - คำกล่าวนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการเรียนรู้จากประสบการณ์ในอดีตและเตรียมพร้อมสำหรับความท้าทายในอนาคตเสมอ
- "ลูกบอลนั้นกลม และเกมใช้เวลา 90 นาที" (Der Ball ist rund und das Spiel dauert 90 Minutenภาษาเยอรมัน) - วลีนี้เป็นคำพูดที่รวมเอาสองวลีที่มีชื่อเสียงเข้าด้วยกัน โดยสื่อถึงธรรมชาติของเกมฟุตบอลที่ไม่มีอะไรแน่นอน ลูกบอลกลมทำให้ทิศทางไม่ตายตัว และเกม 90 นาทีทำให้โอกาสเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา
- "เกมถัดไป/คู่แข่งถัดไปมักเป็นเกม/คู่แข่งที่ยากที่สุดเสมอ" (Das nächste Spiel/Der nächste Gegner ist immer das/der schwersteภาษาเยอรมัน) - แสดงให้เห็นถึงทัศนคติที่ไม่ประมาทและมองเห็นความท้าทายในทุกการแข่งขัน
- "ลูกบอลอยู่ในสภาพที่ดีกว่าใครเสมอ" (Der Ball hat immer die beste Konditionภาษาเยอรมัน) - เป็นการเน้นย้ำถึงความสำคัญของลูกบอลและธรรมชาติที่ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของมันในเกม
- "ลูกบอลกลมก็เพื่อให้เกมสามารถเปลี่ยนทิศทางได้" (Der Ball ist rundลูกบอลนั้นกลมภาษาเยอรมัน) - คำกล่าวนี้คล้ายกับวลี "ลูกบอลนั้นกลม และเกมใช้เวลา 90 นาที" ซึ่งสื่อถึงความไม่แน่นอนของผลการแข่งขัน และโอกาสที่สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาในเกมฟุตบอล
4. Controversy
แม้ว่าเซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์จะได้รับการยกย่องอย่างสูงในฐานะผู้บุกเบิกวงการฟุตบอล แต่ชีวิตของเขาก็มีข้อถกเถียง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีส่วนร่วมทางการเมืองในยุคนาซีเยอรมนี
4.1. Nazi Party Membership
เซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์ได้เข้าเป็นสมาชิกของพรรคนาซีในปี ค.ศ. 1933 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พรรคนาซีเริ่มเรืองอำนาจในเยอรมนี การเป็นสมาชิกพรรคของเขานี้ รวมถึงการให้ความร่วมมือในการโฆษณาชวนเชื่อในช่วงโอลิมปิกฤดูร้อน 1936 ที่จัดขึ้นในกรุงเบอร์ลิน ได้นำมาซึ่งการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักและการพิจารณาทางประวัติศาสตร์ภายหลังสงคราม การกระทำของเขาในยุคนั้นถูกนำมาหารือถึงความรับผิดชอบในด้านสิทธิมนุษยชนและบทบาทของบุคคลสาธารณะภายใต้ระบอบเผด็จการ หลังจากสงครามโลกครั้งที่สอง เขาต้องถูกตรวจสอบโดยกองกำลังยึดครองเนื่องจากความร่วมมือกับนโยบายโฆษณาชวนเชื่อดังกล่าว แม้ว่าเขาจะสร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ให้กับวงการฟุตบอลเยอรมนี แต่ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเป็นสมาชิกพรรคนาซีของเขาก็ยังคงเป็นประเด็นถกเถียง เช่น เมื่อมีการเสนอชื่อเขาเข้าสู่หอเกียรติยศกีฬาของเยอรมนีในปี ค.ศ. 2008 ซึ่งได้ก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากเกี่ยวกับอดีตของเขา
5. Honors and Awards
เซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์ได้รับรางวัลและเกียรติยศมากมายตลอดอาชีพทั้งในฐานะนักฟุตบอลและผู้จัดการทีม ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความสำเร็จอันโดดเด่นของเขา
5.1. As a Player
ในฐานะนักฟุตบอล เฮอร์แบร์เกอร์ประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์ฟุตบอลชิงแชมป์เยอรมันใต้กับสโมสรเฟาเอฟแอร์ มันไฮม์ในปี ค.ศ. 1925 ซึ่งเป็นความสำเร็จที่สำคัญในเส้นทางอาชีพค้าแข้งของเขา
5.2. As a Manager
ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในฐานะผู้จัดการทีมคือการนำฟุตบอลทีมชาติเยอรมนีตะวันตกคว้าแชมป์ฟุตบอลโลก 1954 ชัยชนะครั้งนี้ไม่เพียงแต่เป็นถ้วยรางวัลแรกของเยอรมนีในฟุตบอลโลกเท่านั้น แต่ยังมีความหมายลึกซึ้งต่อจิตใจของชาวเยอรมันในช่วงหลังสงคราม
5.3. Individual Honors and Distinctions
นอกเหนือจากความสำเร็จของทีม เฮอร์แบร์เกอร์ยังได้รับเกียรติยศส่วนตัวมากมาย เขาได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาล โดยได้รับการยกย่องให้เป็นผู้จัดการทีมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอันดับที่ 20 โดยนิตยสาร เวิลด์ซอกเกอร์ ในปี ค.ศ. 2013 นอกจากนี้ เขายังได้รับเครื่องอิสริยาภรณ์เครื่องอิสริยาภรณ์คุณธรรมแห่งสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี (Grand Cross of the Order of Merit of the Federal Republic of Germany) ซึ่งเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์สูงสุดของประเทศเยอรมนี
6. Legacy and Influence
เซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์ทิ้งมรดกอันล้ำค่าและมีอิทธิพลอย่างยั่งยืนต่อวงการฟุตบอลเยอรมนี สังคม และวัฒนธรรมสมัยนิยม
6.1. Impact on German Football
เฮอร์แบร์เกอร์มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการฟื้นฟูวงการฟุตบอลเยอรมนีหลังสงครามโลกครั้งที่สองที่ทำให้ประเทศบอบช้ำอย่างหนัก เขามีบทบาทสำคัญในการสร้างรากฐานและโครงสร้างการพัฒนาฟุตบอลที่แข็งแกร่งให้กับเยอรมนี ซึ่งรวมถึงการก่อตั้งสถาบันฝึกอบรมผู้ฝึกสอนและกำหนดมาตรฐานการฝึกอบรมที่เข้มงวด การทุ่มเทของเขาในการบ่มเพาะและให้คำปรึกษาแก่ผู้ฝึกสอนรุ่นต่อไป เช่น เด็ตมาร์ คราเมอร์ และเฮนเนส ไวส์ไวเลอร์ ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นโค้ชที่มีชื่อเสียงและมีอิทธิพลอย่างกว้างขวาง ทำให้เขายังคงได้รับการยกย่องในฉายา "บิดาแห่งฟุตบอลเยอรมัน" อิทธิพลของเขาไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ชัยชนะในสนาม แต่ยังรวมถึงการวางรากฐานเพื่อความสำเร็จระยะยาวของฟุตบอลเยอรมันในระดับนานาชาติ
6.2. Cultural References
ชีวิตและคำพูดของเซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์ได้ถูกนำไปอ้างอิงและปรากฏในวัฒนธรรมสมัยนิยมหลายรูปแบบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเขาในจิตสำนึกของชาวเยอรมัน
- ในภาพยนตร์เรื่อง วิ่งโลล่าวิ่ง (Run Lola Run) ปี ค.ศ. 1998 ได้มีการอ้างอิงคำพูดที่มีชื่อเสียงของเฮอร์แบร์เกอร์สามประโยคในช่วงต้นของภาพยนตร์ โดยประโยคแรกคือ "หลังจบเกมคือการเริ่มต้นของเกมถัดไป" (Nach dem Spiel ist vor dem Spielภาษาเยอรมัน) และประโยคที่สองคือ "ลูกบอลนั้นกลม และเกมใช้เวลา 90 นาที" (Der Ball ist rund and das Spiel dauert 90 Minutenภาษาเยอรมัน)
- ภาพยนตร์เรื่อง ปาฏิหาริย์แห่งเบิร์น (The Miracle of Bern) ปี ค.ศ. 2003 ซึ่งเล่าเรื่องราวเส้นทางสู่ชัยชนะของเฮอร์แบร์เกอร์และทีมของเขาในฟุตบอลโลก 1954 ก็มีการอ้างอิงคำพูดของเขาหลายครั้ง รวมถึงวลีที่ว่า "ลูกบอลนั้นกลม และเกมใช้เวลา 90 นาที"
- นอกจากนี้ เฮอร์แบร์เกอร์ยังเคยปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่อง เกมใหญ่ (Das Große Spiel) ในปี ค.ศ. 1942 ซึ่งเป็นภาพยนตร์เกี่ยวกับฟุตบอลในยุคนั้น
7. Personal Life and Death
ข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์ที่เปิดเผยต่อสาธารณะมีจำกัด
7.1. Personal Life
รายละเอียดเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของเซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์ เช่น ชีวิตสมรสหรืองานอดิเรก ไม่ได้มีการบันทึกไว้อย่างกว้างขวางในเอกสารสาธารณะ
7.2. Death
เซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์เสียชีวิตลงเมื่อวันที่ 28 เมษายน ค.ศ. 1977 ด้วยโรคปอดบวม ที่ไวเฮนไฮม์-โฮเฮนซัคเซิน (Weinheim-Hohensachsen) ซึ่งอยู่ในเมืองมันไฮม์ ประเทศเยอรมนี ในขณะนั้นเขามีอายุ 80 ปี
8. External Links
- [https://www.hall-of-fame-sport.de/galerie/portrait/12 เซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์ ที่หอเกียรติยศกีฬาแห่งเยอรมนี (ภาษาเยอรมัน)]
- [http://www.eintracht-archiv.de/herbergers.html เซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์ ที่ eintracht-archiv.de]
- [http://www.sepp-herberger.de เว็บไซต์ทางการของ DFB-Stiftung Sepp Herberger และเว็บไซต์ทางการของเฮอร์แบร์เกอร์]
- [https://www.national-football-teams.com/player/17816/Sepp_Herberger.html เซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์ ที่ National Football Teams]
- [https://www.transfermarkt.com/transfermarkt/profil/spieler/223612 เซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์ ที่ Transfermarkt]
- [https://www.olympedia.org/athletes/5000752 เซ็ป เฮอร์แบร์เกอร์ ที่ Olympedia]