1. พระชนม์ชีพตอนต้นและภูมิหลัง
เจ้าหญิงเอากุสทา วิลเฮลมินา ลุยซา แห่งเฮ็สเซิน-คัสเซิล ทรงเป็นเจ้าหญิงและแลนด์กราฟีนแห่งเฮ็สเซิน-คัสเซิล พระองค์เป็นพระธิดาพระองค์ที่สามในเจ้าชายเฟรเดอริกแห่งเฮ็สเซิน-คัสเซิล กับพระชายาเจ้าหญิงคาโรลีนแห่งนัสเซา-อูซิงเงิน ประสูติ ณ ปราสาทรัมเพนไฮม์ (Château de Rumpenheimชาโตเดอรูมเพนไฮม์ภาษาฝรั่งเศส, Rumpenheimer Schlossรุมเพนไฮเมอร์ ชล็อสภาษาเยอรมัน) ในอ็อฟเฟินบัคอัมไมน์ รัฐเฮ็สเซิน
จากทางพระบิดา พระองค์ทรงเป็นพระราชปนัดดาในพระเจ้าจอร์จที่ 2 แห่งบริเตนใหญ่ โดยพระอัยยิกาของพระองค์คือเจ้าหญิงแมรีแห่งบริเตนใหญ่ ซึ่งเป็นพระธิดาของพระเจ้าจอร์จที่ 2 พระเชษฐาของพระบิดาทรงเป็นแลนด์กราฟแห่งเฮ็สเซิน-คัสเซิล และในปี ค.ศ. 1803 พระอิสริยยศของพระปิตุลาได้รับการยกฐานะขึ้นเป็นผู้คัดเลือกแห่งเฮ็สเซิน ซึ่งทำให้ราชวงศ์เฮ็สเซินสาขาคัสเซิลทั้งหมดมีลำดับชั้นสูงขึ้น
2. การอภิเษกสมรส
เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1818 เจ้าหญิงเอากุสทาแห่งเฮ็สเซิน-คัสเซิล ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าชายอดอลฟัส ดยุกแห่งเคมบริดจ์ ซึ่งเป็นพระญาติชั้นที่สองของพระองค์ ณ เมืองคัสเซิล และมีการประกอบพิธีอีกครั้งเมื่อวันที่ 1 มิถุนายน ค.ศ. 1818 ณ พระราชวังบักกิงแฮม ในขณะนั้น เจ้าหญิงเอากุสทาทรงมีพระชนมายุ 20 พรรษา ส่วนดยุกแห่งเคมบริดจ์ทรงมีพระชนมายุ 44 พรรษา หลังจากการอภิเษกสมรส พระองค์ทรงได้รับพระอิสริยยศเป็นดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ทั้งสองพระองค์มีพระโอรสธิดารวมสามพระองค์
3. พระชนม์ชีพในฐานะดัชเชสแห่งเคมบริดจ์
ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1818 จนถึงการขึ้นครองราชย์ของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย และการแยกราชบัลลังก์บริเตนและฮันโนเฟอร์ในปี ค.ศ. 1837 เนื่องด้วยกฎหมายแซลิก ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ประทับอยู่ในฮันโนเฟอร์ ซึ่งดยุกแห่งเคมบริดจ์ทรงดำรงตำแหน่งอุปราชในนามของพระเชษฐาคือพระเจ้าจอร์จที่ 4 และพระเจ้าวิลเลียมที่ 4 ก่อนหน้านี้ ฮันโนเฟอร์ได้รับการปลดปล่อยจากการยึดครองของฝรั่งเศสในปี ค.ศ. 1813 และมีการฟื้นฟูการรวมราชวงศ์กับบริเตน
ในปี ค.ศ. 1827 เจ้าหญิงเอากุสทาทรงอนุญาตให้หมู่บ้านใหม่ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม ค.ศ. 1827 เพื่อใช้ในการเพาะปลูกและตั้งถิ่นฐานบริเวณที่ลุ่มพรุทางใต้ของเบรมเมอร์เฟอร์เดอ ได้รับการตั้งชื่อตามพระองค์ โดยเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน หน่วยงานบริหารของเขตปกครองสตาดแห่งฮันโนเฟอร์ได้แจ้งให้ชาวบ้านทราบว่าพระองค์ทรงอนุมัติชื่อ "เอากุสเทนดอร์ฟ" (Augustendorf) สำหรับเทศบาลของพวกเขา (ซึ่งตั้งแต่ปี ค.ศ. 1974 ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของนาร์เรนบวร์ก) หลังจากนั้น ดยุกและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์เสด็จกลับสหราชอาณาจักร โดยประทับที่คัมบริดจ์ คอตเทจในคิว และต่อมาได้ย้ายไปประทับที่พระราชวังเซนต์เจมส์
4. พระบุตร
ดยุกและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ทรงมีพระโอรสธิดาด้วยกันสามพระองค์ ดังนี้:
พระนาม | ประสูติ | สิ้นพระชนม์ | รายละเอียดเพิ่มเติม |
---|---|---|---|
เจ้าชายจอร์จ ดยุกแห่งเคมบริดจ์ | 26 มีนาคม ค.ศ. 1819 | 17 มีนาคม ค.ศ. 1904 | ทรงอภิเษกสมรสในปี ค.ศ. 1847 กับซาราห์ ลูอีซา แฟร์บราเธอร์ มีพระบุตร การอภิเษกสมรสครั้งนี้ทำขึ้นโดยขัดต่อพระราชบัญญัติการอภิเษกสมรสของราชวงศ์และไม่ได้รับการรับรองตามกฎหมาย ทรงสืบทอดพระอิสริยยศเป็นดยุกแห่งเคมบริดจ์ต่อจากพระบิดาเมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 1850 |
เจ้าหญิงเอากุสทาแห่งเคมบริดจ์ | 19 กรกฎาคม ค.ศ. 1822 | 4 ธันวาคม ค.ศ. 1916 | ทรงอภิเษกสมรสในปี ค.ศ. 1843 กับฟรีดริช วิลเฮล์ม แกรนด์ดยุกแห่งเมคเลินบวร์ค-ชเตรลิทซ์ มีพระโอรสธิดาหนึ่งพระองค์ ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นแกรนด์ดัชเชสรัชทายาทแห่งเมคเลินบวร์ค-ชเตรลิทซ์ และในวันที่ 6 กันยายน ค.ศ. 1860 จึงได้ทรงเป็นแกรนด์ดัชเชสแห่งเมคเลินบวร์ค-ชเตรลิทซ์ |
เจ้าหญิงแมรี แอดิเลดแห่งเคมบริดจ์ | 27 พฤศจิกายน ค.ศ. 1833 | 27 ตุลาคม ค.ศ. 1897 | ทรงอภิเษกสมรสในปี ค.ศ. 1866 กับฟรานซิส ดยุกแห่งเท็ก มีพระโอรสธิดา รวมถึงสมเด็จพระราชินีแมรีแห่งเท็ก ซึ่งต่อมาทรงเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งสหราชอาณาจักร |
5. สิ้นพระชนม์และการฝังพระศพ
ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ทรงมีพระชนม์ชีพยืนยาวกว่าพระสวามีถึง 39 ปี พระองค์เสด็จสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 6 เมษายน ค.ศ. 1889 สิริพระชนมายุ 91 พรรษา ณ พระตำหนักคัมบริดจ์ คอตเทจ บริเวณคิว กรีน สมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรียทรงบันทึกถึงการสิ้นพระชนม์ของพระปิตุจฉาไว้ว่า: "เป็นเรื่องน่าเศร้ามาก ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่สำหรับพระองค์ก็ตาม แต่พระองค์คือคนสุดท้ายแห่งราชวงศ์รุ่นนั้น และหม่อมฉันก็ไม่มีใครอยู่เหนือหม่อมฉันอีกแล้ว"
พระศพของพระองค์ถูกฝังครั้งแรกที่โบสถ์เซนต์แอนน์ คิว แต่ภายหลังได้ย้ายพระบรมศพไปประดิษฐาน ณ โบสถ์น้อยเซนต์จอร์จ ปราสาทวินด์เซอร์ ในปี ค.ศ. 1930
6. พระอิสริยยศ
ตลอดพระชนม์ชีพ เจ้าหญิงเอากุสทาทรงได้รับพระอิสริยยศและคำนำหน้าพระนามอย่างเป็นทางการดังนี้:
- 25 กรกฎาคม ค.ศ. 1797 - 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1818: เฮอร์เซอรีนไฮเนส เจ้าหญิงเอากุสทา วิลเฮลมินา ลุยซา แห่งเฮ็สเซิน (Her Serene Highness Princess Augusta Wilhelmina Louisa of Hesse)
- 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1818 - 6 เมษายน ค.ศ. 1889: เฮอร์รอยัลไฮเนส ดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ (Her Royal Highness The Duchess of Cambridge)
- ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น พระองค์ยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น เฮอร์รอยัลไฮเนส เคานท์เตสแห่งทิปเปอแรรี (Her Royal Highness The Countess of Tipperary) ด้วย
7. พระราชตระกูล
พระราชตระกูลของเจ้าหญิงเอากุสทาแห่งเฮ็สเซิน-คัสเซิล สามารถสืบย้อนกลับไปได้ดังนี้:
- พระชนก: เจ้าชายเฟรเดอริกแห่งเฮ็สเซิน-คัสเซิล
- พระชนนี: เจ้าหญิงคาโรลีนแห่งนัสเซา-อูซิงเงิน
- พระอัยกาฝ่ายพระชนก: ฟรีดริชที่ 2 แลนด์กราฟแห่งเฮ็สเซิน-คัสเซิล
- พระอัยยิกาฝ่ายพระชนก: เจ้าหญิงแมรีแห่งบริเตนใหญ่
- พระอัยกาฝ่ายพระชนนี: คาร์ล วิลเฮล์ม เจ้าชายแห่งนัสเซา-อูซิงเงิน
- พระอัยยิกาฝ่ายพระชนนี: เคานท์เตสคาโรลีน เฟลิซิทัส แห่งไลนิงเงิน-ดาคส์บวร์ค
- พระปัยยิกาฝ่ายพระชนก: วิลเฮล์มที่ 8 แลนด์กราฟแห่งเฮ็สเซิน-คัสเซิล
- พระปัยยิกาฝ่ายพระชนก: เจ้าหญิงโดโรเทอา วิลเฮลมินา แห่งซัคเซิน-ไซซ์
- พระปัยยิกาฝ่ายพระชนก: พระเจ้าจอร์จที่ 2 แห่งบริเตนใหญ่
- พระปัยยิกาฝ่ายพระชนก: คาโรลีนแห่งอันส์บัค
- พระปัยยิกาฝ่ายพระชนนี: คาร์ล เจ้าชายแห่งนัสเซา-อูซิงเงิน
- พระปัยยิกาฝ่ายพระชนนี: เจ้าหญิงคริสตีน วิลเฮลมินา แห่งซัคเซิน-ไอเซนัค
- พระปัยยิกาฝ่ายพระชนนี: เคานท์คริสเตียน คาร์ล ไรน์ฮาร์ด แห่งไลนิงเงิน-ดาคส์บวร์ค-ฟาลเคนบวร์ค
- พระปัยยิกาฝ่ายพระชนนี: เคานท์เตสคาทารีนา โพลีเซนา แห่งโซล์มส์-โรเดิลไฮม์