1. ภาพรวม
ฮวน มานูเอล กามินารา (Juan Manuel Gaminaraภาษาสเปน; เกิด 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2532) เป็นนักรักบี้ยูเนียนชาวอุรุกวัย เขาเป็นที่รู้จักในฐานะผู้เล่นตำแหน่งฟลังเกอร์ และเป็นกัปตันรักบี้ทีมชาติอุรุกวัยในการแข่งขันรักบี้เวิลด์คัพ 2019 นอกเหนือจากอาชีพนักรักบี้แล้ว กามินารายังประกอบอาชีพเป็นนักบัญชีสาธารณะในบริษัทการเงินเอกชนอีกด้วย เขามีภาพลักษณ์ที่น่าประทับใจต่อสาธารณชนจากการแสดงออกถึงน้ำใจนักกีฬาและความเป็นมนุษย์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเหตุการณ์ในระหว่างการแข่งขันรักบี้เวิลด์คัพ 2019 ที่เขาได้ร่วมร้องเพลงชาติกับเด็กเอสคอร์ตชาวญี่ปุ่น
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
ฮวน มานูเอล กามินารา มีภูมิหลังที่สำคัญซึ่งหล่อหลอมตัวตนของเขา ทั้งในด้านการเกิดและการศึกษา
2.1. การเกิดและวัยเด็ก
กามินาราเกิดเมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2532 ที่มอนเตวิเดโอ ประเทศอุรุกวัย
2.2. การศึกษา
เขาได้รับการศึกษาจากเดอะบริติชสกูลส์แห่งมอนเตวิเดโอ (The British Schools of Montevideoภาษาอังกฤษ) ซึ่งเป็นสถาบันการศึกษาที่มีชื่อเสียงในอุรุกวัย
3. อาชีพนักรักบี้
ฮวน มานูเอล กามินารา มีเส้นทางอาชีพในวงการรักบี้ที่โดดเด่น ทั้งในระดับเยาวชนและระดับทีมชาติ รวมถึงการเข้าร่วมการแข่งขันระดับโลกหลายครั้ง
3.1. ข้อมูลส่วนตัวผู้เล่นและอาชีพช่วงต้น
กามินาราเล่นในตำแหน่งฟลังเกอร์ (FL) ซึ่งเป็นตำแหน่งสำคัญในเกมรักบี้ เขามีส่วนสูง 171 cm และน้ำหนัก 95 kg ในช่วงต้นอาชีพ เขาได้รับเลือกให้เป็นผู้เล่นในทีมรักบี้ยูเนียนทีมชาติอุรุกวัยอายุไม่เกิน 20 ปี และประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์รักบี้เวิลด์คัพอายุไม่เกิน 20 ปี ในปี พ.ศ. 2551
3.2. อาชีพในทีมชาติ
กามินาราเป็นตัวแทนของรักบี้ทีมชาติอุรุกวัยในระดับนานาชาติ โดยมีสถิติการลงสนาม (แคป) ทั้งหมด 67 ครั้ง (ข้อมูล ณ เดือนมีนาคม พ.ศ. 2563) เขาได้รับเลือกให้เข้าร่วมการแข่งขันรักบี้เวิลด์คัพถึงสองครั้ง ได้แก่ รักบี้เวิลด์คัพ 2015 และรักบี้เวิลด์คัพ 2019 โดยในการแข่งขันรักบี้เวิลด์คัพ 2019 นั้น เขายังได้รับบทบาทสำคัญในการเป็นกัปตันทีมของทีมชาติอุรุกวัยอีกด้วย
4. ชีวิตส่วนตัวและอาชีพ
นอกเหนือจากอาชีพนักรักบี้แล้ว กามินารายังมีบทบาททางอาชีพอื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน
4.1. กิจกรรมทางอาชีพ
ฮวน มานูเอล กามินารา ประกอบอาชีพเป็นนักบัญชีสาธารณะ และทำงานในบริษัทการเงินเอกชน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการบริหารจัดการทั้งในด้านกีฬาและวิชาชีพ
5. ภาพลักษณ์สาธารณะและเรื่องราวที่น่าสนใจ
กามินาราเป็นที่รู้จักในภาพลักษณ์ที่ดีต่อสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากเหตุการณ์ที่แสดงถึงความเป็นมนุษย์และน้ำใจนักกีฬาของเขา
5.1. เรื่องราวจากรักบี้เวิลด์คัพ 2019
ในระหว่างการแข่งขันรักบี้เวิลด์คัพ 2019 เมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2562 ในนัดที่รักบี้ทีมชาติอุรุกวัยพบกับรักบี้ทีมชาติฟิจิ ได้เกิดเหตุการณ์ที่น่าประทับใจขึ้น ฟุรุยะ โซตะ (青木創太ภาษาญี่ปุ่น) เด็กเอสคอร์ตวัย 8 ขวบจากกรุงโตเกียว ซึ่งได้รับมอบหมายให้ทำหน้าที่เอสคอร์ตให้กับนักรักบี้ทีมชาติอุรุกวัย ได้เรียนรู้เพลงชาติอุรุกวัยจากวิดีโอที่เผยแพร่โดยโครงการ "Scrum Unison" เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการแข่งขัน ก่อนเริ่มการแข่งขัน โซตะได้ร่วมร้องเพลงชาติอุรุกวัยไปพร้อมกับกามินาราและนักกีฬาคนอื่น ๆ อย่างเต็มเสียง ราวกับว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งของทีม
หลังจากเพลงชาติจบลง กามินาราได้พูดกับโซตะว่า "โซตะ กู้ด" (Sota, good) พร้อมกับลูบศีรษะของเด็กชายเป็นการแสดงความชื่นชม และหลังจากการแข่งขันสิ้นสุดลง เขาก็ได้ทักทายโซตะอีกครั้งว่า "โอ้ อามิโก้" (Oh, amigo) กามินาราได้กล่าวกับสื่อมวลชนด้วยความประหลาดใจและปลื้มปิติว่า "ผมประหลาดใจมากที่มาสคอตคิดส์ร้องเพลงชาติเป็นภาษาสเปนจนจบ มันทำให้ผมประหลาดใจและมีความสุขมากจริง ๆ" เขายังกล่าวเสริมว่า "เด็กที่เดินเข้ามาพร้อมกับผมร้องเพลงชาติพร้อมกัน ทำให้ผมรู้สึกเหมือนอยู่ในประเทศของตัวเอง ผมอยากจะขอบคุณทุกคนในญี่ปุ่น" และกล่าวคำว่า "ขอบคุณ" (ありがとうArigatōภาษาญี่ปุ่น) เป็นภาษาญี่ปุ่นด้วยตัวเอง ทวิตเตอร์อย่างเป็นทางการของรักบี้เวิลด์คัพ 2019 ได้เผยแพร่ภาพเหตุการณ์อันน่าประทับใจนี้ โดยบรรยายว่าเป็น "ช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยม" ที่นักกีฬาอุรุกวัยโอบไหล่และร่วมร้องเพลงชาติกับเด็กชาย พร้อมทั้งแสดงความเคารพด้วยการลูบศีรษะโซตะหลังจบเพลง
6. การประเมิน
ฮวน มานูเอล กามินารา ได้รับการยอมรับไม่เพียงแค่ในฐานะนักรักบี้ที่มีความสามารถ แต่ยังรวมถึงบทบาทของเขาในฐานะผู้นำที่สร้างแรงบันดลใจ กามินาราเป็นแบบอย่างที่ชัดเจนของนักกีฬาที่ผสมผสานความมุ่งมั่นในการแข่งขันเข้ากับน้ำใจนักกีฬาและคุณสมบัติความเป็นมนุษย์ได้อย่างลงตัว เหตุการณ์ในรักบี้เวิลด์คัพ 2019 ที่เขาร่วมร้องเพลงชาติกับเด็กเอสคอร์ตและแสดงความขอบคุณต่อประเทศญี่ปุ่น ได้สะท้อนให้เห็นถึงบุคลิกที่อบอุ่นและเป็นกันเองของเขา ซึ่งทำให้เขากลายเป็นที่รักของแฟน ๆ ทั่วโลก และเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ทั้งนักกีฬาและผู้คนทั่วไปถึงความสำคัญของความเคารพและความผูกพันข้ามวัฒนธรรมในวงการกีฬา