1. ชีวิตในวัยเด็กและอาชีพเยาวชน
อิวัน กลัสนิชเกิดที่ฮัมบวร์ค เยอรมนีตะวันตก เมื่อวันที่ 29 มกราคม ค.ศ. 1980 บิดาของเขามีเชื้อสายโครแอตบอสเนีย ส่วนมารดาเป็นชาวเยอรมัน เขาเริ่มต้นเส้นทางฟุตบอลกับสโมสรระดับสมัครเล่นที่ไม่ค่อยมีชื่อเสียงอย่าง ยูเนียน 03 ฮัมบวร์ค (ระหว่างปี ค.ศ. 1984-1992) และ ทีเอสเฟา ชเตลลิงเงิน 88 (ระหว่างปี ค.ศ. 1992-1994) ก่อนจะเข้าร่วมทีมเยาวชนของเอฟซี ซังคท์ เพาลี ในปี ค.ศ. 1995 และอยู่กับทีมเยาวชนจนถึงปี ค.ศ. 1997
2. อาชีพสโมสร
อิวัน กลัสนิชเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลอาชีพอย่างเป็นทางการในเดือนมกราคม ค.ศ. 1998 และสร้างผลงานที่น่าประทับใจในแต่ละสโมสรที่เขาเคยสังกัดมาตลอดอาชีพของเขา
2.1. เอฟซี ซังคท์ เพาลี
กลัสนิชเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลอาชีพกับสโมสรท้องถิ่น เอฟซี ซังคท์ เพาลี ในบ้านเกิดของเขาที่ฮัมบวร์ค เขาสร้างความประทับใจในฐานะกองหน้าในช่วงสามฤดูกาลครึ่งที่เล่นให้กับสโมสรในซไวเทอบุนเดสลีกา ในฤดูกาล 2000-01 เขายิงได้ 10 ประตูในลีก และมีส่วนสำคัญช่วยให้ซังคท์ เพาลีเลื่อนชั้นสู่บุนเดสลีกาได้สำเร็จ ก่อนที่จะย้ายทีมในช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 2001 ตลอดการค้าแข้งกับเอฟซี ซังคท์ เพาลี เขาลงสนามไป 95 นัดและยิงได้ 26 ประตูในลีก
2.2. แวร์เดอร์ เบรเมิน

หลังจากการช่วยซังคท์ เพาลีเลื่อนชั้น อิวัน กลัสนิชได้ย้ายไปร่วมทีมแวร์เดอร์ เบรเมินในฤดูร้อนปี ค.ศ. 2001 ในช่วงสองฤดูกาลแรกของเขากับสโมสร ผลงานของเขายังไม่สม่ำเสมอ เขาทำได้เพียง 3 ประตูจากการลงสนาม 36 นัดในบุนเดสลีกา และยังต้องเผชิญกับอาการบาดเจ็บที่เข่าอย่างรุนแรงถึงสองครั้ง อย่างไรก็ตาม ในฤดูกาล 2003-04 กลัสนิชสามารถสลัดปัญหาต่าง ๆ ออกไป และกลายเป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้แวร์เดอร์ เบรเมินคว้าแชมป์บุนเดสลีกาได้สำเร็จ เขายิงได้ 13 ประตูและทำอีก 11 แอสซิสต์ให้กับไอลตัน กองหน้าคู่หูชาวบราซิลของเขา นอกจากนี้ ในฤดูกาลเดียวกัน แวร์เดอร์ เบรเมินยังคว้าแชมป์เดเอ็ฟเบ-โพคาลได้อีกด้วย ทำให้ทีมคว้าดับเบิลแชมป์ หลังจากสัญญาของเขากำลังจะหมดลงในช่วงต้นปี ทำให้หลายสโมสรต้องการตัว แต่สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจอยู่กับแวร์เดอร์ เบรเมินต่อไป
ในฤดูกาล ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก 2004-05 กลัสนิชยิงได้ 5 ประตูในการแข่งขันรอบแบ่งกลุ่มสองนัดที่พบกับอันเดอร์เลคต์ สโมสรจากเบลเยียม รวมถึงการทำแฮตทริกในเกมที่แวร์เดอร์ เบรเมินเอาชนะ 5-1 ในบ้าน ซึ่งช่วยให้ทีมผ่านเข้าสู่รอบน็อกเอาต์แรกของการแข่งขันได้สำเร็จ ก่อนจะพ่ายแพ้ให้กับลียง ทีมแกร่งจากฝรั่งเศสด้วยสกอร์รวม 2-10
อย่างไรก็ตาม การเริ่มต้นฤดูกาล 2006-07 ของเขากลับไม่ประสบความสำเร็จมากนัก เขาต้องลงสนามถึง 7 นัดในบุนเดสลีกากว่าที่จะยิงประตูแรกของฤดูกาลได้ในเกมที่แวร์เดอร์ เบรเมินเสมอ 1-1 กับแอร์เนอร์จี คอตบุสในบ้านอย่างน่าผิดหวัง แต่กลัสนิชต้องประสบภาวะไตวายในช่วงต้นปี ค.ศ. 2007 (รายละเอียดเพิ่มเติมในหัวข้อ "ปัญหาสุขภาพและข้อพิพาททางกฎหมาย") ทำให้เขาต้องพักรักษาตัวนานกว่าสิบเดือน ในเดือนเมษายน ค.ศ. 2008 เขาได้ยื่นฟ้องร้องต่อทีมแพทย์ของแวร์เดอร์ เบรเมินในศาลภูมิภาคเบรเมิน โดยอ้างว่าทีมแพทย์สามารถตรวจพบความเจ็บป่วยของเขาได้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2002 และยังกล่าวด้วยว่าเขาจะไม่ต่อสัญญาที่กำลังจะหมดลงกับแวร์เดอร์ เบรเมิน เนื่องจากเขาจะต้องได้รับการดูแลจากบุคลากรทางการแพทย์ชุดเดียวกันที่ไม่ได้ตรวจพบความเจ็บป่วยของเขาตั้งแต่แรกเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ค.ศ. 2008 แวร์เดอร์ เบรเมินยืนยันว่ากลัสนิชกำลังจะออกจากสโมสร
2.3. เอฟซี น็องต์
เมื่อวันที่ 8 กรกฎาคม ค.ศ. 2008 กลัสนิชย้ายไปร่วมทีมน็องต์ในฝรั่งเศส โดยเริ่มต้นจากการย้ายแบบยืมตัว ก่อนที่จะเซ็นสัญญา 4 ปี หลังจากผ่านฤดูกาลที่ยากลำบากกับผลงานเพียง 6 ประตูจาก 28 นัด น็องต์ก็ตกชั้นสู่ลีก 2 ในฤดูกาลถัดมาในลีก 2 เขายิงได้ 4 ประตูจากเพียง 5 นัด
2.4. โบลตัน วอนเดอเรอส์
กลัสนิชเซ็นสัญญายืมตัวหนึ่งปีกับโบลตัน วอนเดอเรอร์สในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะฤดูกาล 2009-10 ซึ่งเป็นการเซ็นสัญญาครั้งสุดท้ายของแกรี เม็กสัน ผู้จัดการทีมในขณะนั้น เม็กสันกล่าวชื่นชมกลัสนิชว่า "อิวันเป็นผู้เล่นที่เราติดตามมานาน สถิติการทำประตูของเขาดีมาก และเขามีประวัติที่ยอดเยี่ยมในระดับทีมชาติกับโครเอเชียและในยุโรป"
เมื่อวันที่ 12 กันยายน ค.ศ. 2009 กลัสนิชประเดิมสนามให้กับโบลตันในเกมที่เอาชนะพอร์ตสมัท 3-2 โดยลงมาเป็นตัวสำรองแทนแซม ริกเก็ตส์ และมีส่วนร่วมในจังหวะที่นำไปสู่ประตูชัยโดยแกรี เคฮิลล์ ประตูแรกของเขากับสโมสรเกิดขึ้นในวันที่ 25 ตุลาคม ในเกมที่เอาชนะเอฟเวอร์ตัน 3-2 เขายิงได้ 8 ประตูในพรีเมียร์ลีกในฤดูกาลนั้น
เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม ค.ศ. 2010 กลัสนิชเซ็นสัญญากับโบลตันแบบถาวรเป็นเวลาสองปี หลังจากสิ้นสุดสัญญายืมตัว ประตูแรกของเขากับทีมหลังจากเซ็นสัญญาถาวรเกิดขึ้นในวันที่ 24 สิงหาคม ในเกมลีกคัพที่เอาชนะเซาแทมป์ตัน 1-0 ประตูแรกในพรีเมียร์ลีกหลังเซ็นสัญญาถาวรของเขาคือประตูชัยในเกมที่เปิดบ้านเอาชนะสโตกซิตี 2-1 แม้ว่าเขาจะถูกไล่ออกในเกมนั้นก็ตาม กลัสนิชยังคงยิงประตูชัยในช่วงท้ายเกมในเกมที่เอาชนะแอสตันวิลลา 3-2 ในวันที่ 5 มีนาคม ค.ศ. 2011 ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2011 กลัสนิชยิงประตูตีเสมอในช่วงท้ายเกมให้ซันเดอร์แลนด์เป็น 1-1 หลังจากลงมาเป็นตัวสำรอง แต่ซันเดอร์แลนด์ก็มาทำประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ ในฤดูกาล 2010-11 กลัสนิชไม่ได้ลงเป็นตัวจริงในพรีเมียร์ลีกเลยแม้แต่นัดเดียว แต่ก็ยังทำได้ 7 ประตูรวมทุกรายการ
กลัสนิชเริ่มต้นฤดูกาล 2011-12 ด้วยการเป็นตัวจริงและทำประตูได้ในเกมที่โบลตันเอาชนะควีนส์พาร์กเรนเจอส์ 4-0 ในวันเปิดฤดูกาล และยังทำประตูได้อีกในสัปดาห์ถัดมาในเกมที่พ่ายแพ้ต่อแมนเชสเตอร์ซิตี 2-3 และประตูปลอบใจในช่วงท้ายเกมในเกมที่แพ้ลิเวอร์พูล 1-3 ในช่วงต้นฤดูกาลนั้น เขากลายเป็นผู้ทำประตูสูงสุดในพรีเมียร์ลีก อย่างไรก็ตาม เขาถูกไล่ออกในเกมที่พ่ายแพ้ต่อนอริชซิตี 1-2 ในวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2011 จากการโขกหัวใส่มาร์ก เทียร์นีย์ ทำให้เขาต้องหลุดจากทีม การลงเป็นตัวจริงครั้งแรกหลังจากได้รับใบแดงของเขาเกิดขึ้นในเกมที่เอาชนะสโตกซิตี 5-0 ในวันที่ 6 พฤศจิกายน ซึ่งเขาทำได้ 2 ประตูและทำ 2 แอสซิสต์ หลังจากนั้นเขายิงจุดโทษในเกมถัดไปที่พบกับเวสต์บรอมมิชอัลเบียน แต่โบลตันก็พ่ายแพ้ไป 1-2 ประตูถัดมาของเขาซึ่งเป็นประตูที่เจ็ดของฤดูกาล เกิดขึ้นอีกไม่กี่สัปดาห์ต่อมาในบ้านที่พบกับแอสตันวิลลา แต่โบลตันก็แพ้ไป 1-2 อีกครั้ง หลังจากเสียตำแหน่งในทีมให้กับกองหน้าดาวิด อึนก็อก เขาได้กลับมาลงสนามเป็นตัวสำรองในช่วงท้ายเกมในบ้านที่พบกับควีนส์พาร์กเรนเจอส์ในวันที่ 10 มีนาคม โดยเขายิงประตูชัยในนาทีที่ 86 ช่วยให้โบลตันชนะ 2-1 หลังจากโบลตันตกชั้นจากพรีเมียร์ลีก ในวันที่ 16 พฤษภาคม กลัสนิชยืนยันผ่านเว็บไซต์ทางการของเขาว่าเขาได้ออกจากสโมสรแล้ว
2.5. 1. เอฟเอสเฟา ไมนทซ์ 05
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2012 กลัสนิชได้เข้าร่วมทีมไมนทซ์ 05ในเยอรมนีในฐานะผู้เล่นอิสระ และเซ็นสัญญาเป็นเวลาหนึ่งปี การย้ายครั้งนี้เป็นการกลับมาเล่นในบุนเดสลีกาอีกครั้งหลังจากห่างหายไป 4 ปี อย่างไรก็ตาม เขาลงสนามให้ไมนทซ์ 05 เพียง 3 นัดและทำได้ 1 ประตู ก่อนที่จะออกจากสโมสรเมื่อสิ้นสุดฤดูกาล
3. อาชีพทีมชาติ
กลัสนิชปฏิเสธคำเชิญจากรูดี เฟิลเลอร์ อดีตผู้จัดการทีมชาติเยอรมนี ให้ไปเล่นให้กับทีมชาติเยอรมนี และเลือกที่จะเล่นให้กับทีมชาติโครเอเชียแทน เนื่องจากเขาเคยลงสนามไปแล้ว 3 นัดและยิงได้ 1 ประตูให้กับทีมชาติโครเอเชียชุดอายุไม่เกิน 21 ปีในช่วงฤดูใบไม้ผลิปี ค.ศ. 2001 นอกจากนี้ เขายังลงเล่นไป 5 นัดและยิงได้ 1 ประตูให้กับทีมชาติโครเอเชียชุดอายุไม่เกิน 19 ปีในระหว่างปี ค.ศ. 1998 ถึง 1999 การประเดิมสนามในระดับนานาชาติของเขาเกิดขึ้นโดยบังเอิญในเกมกระชับมิตรกับเยอรมนีในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2004 ซึ่งเยอรมนีเป็นฝ่ายชนะไป 2-1
3.1. ทีมเยาวชนและการลงสนามในทีมชาติชุดใหญ่ช่วงแรก
อิวัน กลัสนิชมีประสบการณ์กับทีมชาติโครเอเชียมาตั้งแต่ระดับเยาวชน โดยลงเล่นให้ทีมชาติโครเอเชียชุดอายุไม่เกิน 19 ปี 5 นัดและยิงได้ 1 ประตูในช่วงปี ค.ศ. 1998 ถึง 1999 และต่อมาได้ลงเล่นให้ทีมชาติโครเอเชียชุดอายุไม่เกิน 21 ปี 3 นัดและทำได้ 1 ประตู ในช่วงต้นปี ค.ศ. 2001 ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เขาตัดสินใจเลือกเล่นให้ทีมชาติโครเอเชียในระดับชุดใหญ่ แทนที่จะรับคำเชิญจากทีมชาติเยอรมนีบ้านเกิด การประเดิมสนามในทีมชาติชุดใหญ่ของเขาเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2004 ในเกมกระชับมิตรกับทีมชาติเยอรมนี ซึ่งจบลงด้วยความพ่ายแพ้ 1-2
3.2. ทัวร์นาเมนต์สำคัญ (ยูโร 2004, ฟุตบอลโลก 2006)
อิวัน กลัสนิชถูกเลือกให้เล่นให้กับทีมชาติโครเอเชียในยูฟ่า ยูโร 2004 อย่างไรก็ตาม เขานั่งอยู่บนม้านั่งสำรองตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ โครเอเชียไม่สามารถผ่านเข้ารอบแบ่งกลุ่มได้ และสื่อมักจะระบุว่าสาเหตุหนึ่งมาจากจากการที่เขาไม่ได้รับโอกาสลงสนาม
ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2006 ผลงานของเขาในนามทีมชาติโครเอเชียในช่วงปี ค.ศ. 2004-05 ค่อนข้างปานกลาง โดยเขายิงได้เพียง 1 ประตูจาก 8 นัดในรอบคัดเลือก ประตูนั้นมาจากเกมเปิดสนามที่พบกับฮังการีในเดือนกันยายน ค.ศ. 2004 ซึ่งโครเอเชียชนะไป 3-0 ในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2005 เขามีผลงานที่ดีในเกมกระชับมิตรกับอิสราเอล โดยยิงได้ 2 ประตูในเกมที่เสมอ 3-3 และในวันที่ 1 มีนาคม ค.ศ. 2006 เขาก็ทำประตูให้โครเอเชียได้อีกครั้งในเกมกระชับมิตรที่เอาชนะอาร์เจนตินา 3-2
ในเดือนพฤษภาคม ค.ศ. 2006 กลัสนิชมีชื่อติด 23 คนในทีมชาติโครเอเชียชุดลุยฟุตบอลโลก 2006ที่เยอรมนีตามที่คาดไว้ และแสดงฟอร์มที่ยอดเยี่ยมตลอดทั้งเดือน โดยยิงได้ 4 ประตูใน 3 นัดบุนเดสลีกาให้กับแวร์เดอร์ เบรเมิน ทำให้จบฤดูกาลบุนเดสลีกา 2005-06 ด้วยการทำประตูรวม 15 ประตู จากนั้นเขายังยิงได้ 2 ประตูให้กับทีมชาติในเกมกระชับมิตรเตรียมฟุตบอลโลกกับออสเตรียในวันที่ 23 พฤษภาคม ซึ่งโครเอเชียชนะไป 4-1 อย่างไรก็ตาม เมื่อฟุตบอลโลกใกล้เข้ามา ฟอร์มที่ดีของเขาก็เริ่มลดลง และเขาก็ไม่สามารถทำประตูเพิ่มได้ในเกมกระชับมิตรที่เหลืออีกสามนัด รวมถึงในสามนัดรอบแบ่งกลุ่มในทัวร์นาเมนต์ ซึ่งโครเอเชียต้องตกรอบแรกด้วยผลงานเสมอ 2 นัดและแพ้ 1 นัด
3.3. ยูฟ่า ยูโร 2008
ในฤดูกาล 2006-07 กลัสนิชต้องเสียตำแหน่งตัวจริงในทีมชาติโครเอเชียไป หลังจากทำผลงานไม่ดีนักในสองนัดแรกของรอบคัดเลือกยูฟ่า ยูโร 2008 ถึงกระนั้น เขาก็ยังสามารถทำประตูได้ 1 ประตูในเกมที่ถล่มอันดอร์ราไป 7-0 ในสองนัดถัดมาที่พบกับอังกฤษและอิสราเอล เขานั่งเป็นตัวสำรองที่ไม่ได้ใช้งาน
ในยูโร 2008 กลัสนิชเป็นตัวสำรองที่ไม่ได้ใช้งานในสองเกมแรกของโครเอเชียในกลุ่ม บี อย่างไรก็ตาม เขาได้ลงสนามเป็นตัวจริงในนัดสุดท้ายของรอบแบ่งกลุ่มเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พบกับโปแลนด์ และยิงประตูได้ในนาทีที่ 53 ทำให้ทีมของเขาผ่านเข้ารอบถัดไปด้วยผลงานที่สมบูรณ์แบบในรอบแบ่งกลุ่ม ในรอบก่อนรองชนะเลิศที่พบกับตุรกี กลัสนิชกลับมาเป็นตัวสำรองอีกครั้ง แต่ได้รับโอกาสลงเล่นในช่วงเริ่มต้นของการต่อเวลาพิเศษแรก โดยลงมาแทนอีวีตซา ออลิช และในนาทีที่ 118 (เหลือเวลาอีกเพียงสองนาทีบวกเวลาบาดเจ็บ) กลัสนิชโหม่งลูกเปิดของลูคา โมดริช และทำประตูสำคัญให้กับโครเอเชีย อย่างไรก็ตาม โครเอเชียต้องตกรอบจากการที่เซมิห์ เชินเติร์กทำประตูตีเสมอได้เพียงสองนาทีต่อมา และตุรกีก็ชนะในการยิงลูกโทษ กลัสนิชเป็นที่จดจำจากความพยายามของเขา ซึ่งทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นคนเดียวที่เคยเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์สำคัญหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต โดยเขายิงได้สองประตูในระหว่างการแข่งขันนั้นด้วย
4. ปัญหาสุขภาพและข้อพิพาททางกฎหมาย
ชีวิตค้าแข้งของอิวัน กลัสนิชต้องเผชิญกับอุปสรรคสำคัญจากปัญหาสุขภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาวะไตวาย ซึ่งนำไปสู่การผ่าตัดปลูกถ่ายไตและการต่อสู้ทางกฎหมายที่ยืดเยื้อ
4.1. ภาวะไตวายและการปลูกถ่ายไตครั้งแรก
ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2007 มีรายงานว่าอิวัน กลัสนิชประสบภาวะไตวาย เมื่อวันที่ 25 มกราคม ค.ศ. 2007 เขาได้รับการปลูกถ่ายไตจากมารดาของเขา ชิมา แต่ไม่นานก็มีรายงานว่าร่างกายของเขาปฏิเสธอวัยวะใหม่นั้น
เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 2007 เขาเข้ารับการผ่าตัดเพื่อเปลี่ยนไตที่ถูกปฏิเสธ โดยครั้งนี้ได้รับไตจากบิดาของเขา การปลูกถ่ายไตครั้งที่สองประสบความสำเร็จ และกลัสนิชกล่าวว่าแพทย์ของเขาบอกว่าเขา "จะสามารถเล่นฟุตบอลต่อไปได้" อย่างไรก็ตาม ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2007 แพทย์ของแวร์เดอร์ เบรเมินได้สั่งห้ามเขาฝึกซ้อม เนื่องจากร่างกายของเขาไม่สามารถทนทานต่อการออกกำลังกายที่หนักหน่วงได้ ในเดือนกันยายน แพทย์ในที่สุดก็อนุญาตให้กลัสนิชเข้าร่วมการฝึกซ้อมเต็มรูปแบบได้หลังจากที่เขาหยุดไปประมาณหกเดือน จากนั้นเขาก็เข้าร่วมทีมและลงสนามในกิจกรรมถ้วยของสโมสรหลายครั้ง และยังลงเล่นในไม่กี่นัดให้กับทีมสำรองด้วย
ในที่สุด เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน ค.ศ. 2007 กลัสนิชก็ได้รับเลือกให้ลงสนามเป็นตัวจริงให้กับแวร์เดอร์ เบรเมินเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคม ค.ศ. 2006 และเล่นไป 65 นาทีในเกมบุนเดสลีกาที่พบกับแอร์เนอร์จี คอตบุส เขาทำผลงานคืนฟอร์มได้อย่างสมบูรณ์ในวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 2007 โดยยิงได้สองประตูในเกมที่เบรเมินเอาชนะไบเออร์ เลเวอร์คูเซิน 5-2 และเล่นไป 85 นาที
ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2008 กลัสนิชถูกเรียกตัวติดทีมชาติอีกครั้งหลังจากหายหน้าไปหนึ่งปี เขากลายเป็นผู้เล่นคนแรกที่เคยเข้าร่วมทัวร์นาเมนต์สำคัญหลังการผ่าตัดปลูกถ่ายไต เมื่อเขาเล่นในยูโร 2008 และยิงประตูได้ทั้งในเกมกับโปแลนด์ในรอบแบ่งกลุ่มและกับตุรกีในรอบก่อนรองชนะเลิศ
4.2. การกลับเป็นซ้ำและการปลูกถ่ายไตครั้งที่สาม
ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2016 ไตที่ปลูกถ่ายของกลัสนิชเกิดความล้มเหลวอีกครั้ง และเขาถูกวินิจฉัยว่าอยู่ในภาวะวิกฤต เขาได้รับการปลูกถ่ายไตครั้งที่สามในเดือนตุลาคม ค.ศ. 2017 เพื่อต่อสู้กับโรคนี้
4.3. การต่อสู้ทางกฎหมายกับทีมแพทย์แวร์เดอร์ เบรเมิน
อิวัน กลัสนิชได้ดำเนินการฟ้องร้องทางกฎหมายกับทีมแพทย์ของแวร์เดอร์ เบรเมินในศาลภูมิภาคเบรเมิน โดยกล่าวหาว่าการรักษาเบื้องต้นของพวกเขาผิดพลาดและไม่สามารถตรวจพบภาวะไตวายของเขาได้ทันเวลา ซึ่งทำให้ไตที่อ่อนแออยู่แล้วของเขาแย่ลง และทำให้เขาไม่สามารถต่อสัญญาที่กำลังจะหมดลงกับแวร์เดอร์ได้ เนื่องจากไม่ต้องการรับการรักษาจากบุคลากรทางการแพทย์ชุดเดิม ในเดือนธันวาคม ค.ศ. 2020 หลังจากต่อสู้ทางกฎหมายมานานถึง 10 ปี กลัสนิชได้รับค่าเสียหายเป็นจำนวน 3.60 M GBP จากคดีความดังกล่าว
5. เกียรติประวัติและความสำเร็จ
อิวัน กลัสนิชได้รับเกียรติประวัติทั้งในระดับสโมสรและระดับบุคคลตลอดอาชีพนักฟุตบอลของเขา ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถและผลงานอันโดดเด่นของเขา
5.1. เกียรติประวัติสโมสร
- เอฟซี ซังคท์ เพาลี
- เลื่อนชั้นสู่บุนเดสลีกา: 2000-01
- แวร์เดอร์ เบรเมิน
- บุนเดสลีกา: 2003-04
- เดเอ็ฟเบ-โพคาล: 2003-04
- เดเอฟเอ็ล-ลีกาโพคาล: 2006
5.2. ความสำเร็จส่วนบุคคล
- ผู้ทำประตูสูงสุดในเดเอ็ฟเบ-โพคาล: 2003-04
- ผู้ทำประตูสูงสุดในเดเอฟเอ็ล-ลีกาโพคาล: 2006
- ทีมยอดเยี่ยมแห่งฤดูกาลของบุนเดสลีกาโดยคิกเกอร์: 2005-06
- บุคคลแห่งปีของคิกเกอร์: 2007
- ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำนัด ยูฟ่า ยูโร 2008 รอบแบ่งกลุ่ม (โปแลนด์ พบ โครเอเชีย)
6. สถิติอาชีพ
สถิติการลงสนามและการทำประตูของอิวัน กลัสนิชทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ แสดงถึงเส้นทางการค้าแข้งที่ยาวนานและเต็มไปด้วยความสำเร็จ
6.1. สถิติสโมสร
สโมสร | ฤดูกาล | ลีก | ถ้วยภายในประเทศ | ลีกคัพ | ยุโรป | รวม | ||||||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ดิวิชัน | ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | ลงสนาม | ประตู | ||
เอฟซี ซังคท์ เพาลี | 1997-98 | 2. บุนเดสลีกา | 8 | 0 | 0 | 0 | - | - | 8 | 0 | ||
1998-99 | 2. บุนเดสลีกา | 24 | 8 | 0 | 0 | - | - | 24 | 8 | |||
1999-2000 | 2. บุนเดสลีกา | 32 | 8 | 2 | 1 | - | - | 34 | 9 | |||
2000-01 | 2. บุนเดสลีกา | 31 | 10 | 2 | 1 | - | - | 33 | 11 | |||
รวม | 95 | 26 | 4 | 2 | 0 | 0 | 0 | 0 | 99 | 28 | ||
แวร์เดอร์ เบรเมิน | 2001-02 | บุนเดสลีกา | 23 | 1 | 2 | 0 | - | 2 | 0 | 27 | 1 | |
2002-03 | บุนเดสลีกา | 13 | 2 | 4 | 3 | 0 | 0 | 3 | 2 | 20 | 7 | |
2003-04 | บุนเดสลีกา | 29 | 13 | 6 | 6 | - | 1 | 0 | 36 | 19 | ||
2004-05 | บุนเดสลีกา | 28 | 10 | 4 | 2 | 2 | 2 | 7 | 5 | 41 | 19 | |
2005-06 | บุนเดสลีกา | 30 | 15 | 4 | 1 | 2 | 1 | 6 | 2 | 42 | 19 | |
2006-07 | บุนเดสลีกา | 12 | 1 | 1 | 1 | 2 | 2 | 6 | 0 | 21 | 4 | |
2007-08 | บุนเดสลีกา | 16 | 7 | 1 | 0 | 0 | 0 | 1 | 1 | 18 | 8 | |
รวม | 151 | 49 | 22 | 13 | 6 | 5 | 26 | 10 | 205 | 77 | ||
น็องต์ | 2008-09 | ลีกเอิง | 28 | 6 | 0 | 0 | 0 | 0 | - | 28 | 6 | |
2009-10 | ลีกเดอ | 5 | 4 | - | - | - | 5 | 4 | ||||
รวม | 33 | 10 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 0 | 33 | 10 | ||
โบลตัน วอนเดอเรอร์ส | 2009-10 | พรีเมียร์ลีก | 27 | 8 | 3 | 0 | 2 | 0 | - | 32 | 8 | |
2010-11 | พรีเมียร์ลีก | 21 | 4 | 5 | 2 | 2 | 1 | - | 28 | 7 | ||
2011-12 | พรีเมียร์ลีก | 29 | 8 | 3 | 1 | 1 | 0 | - | 33 | 9 | ||
รวม | 77 | 20 | 11 | 3 | 5 | 1 | 0 | 0 | 93 | 24 | ||
ไมนทซ์ 05 | 2012-13 | บุนเดสลีกา | 3 | 1 | 0 | 0 | - | - | 3 | 1 | ||
รวมตลอดอาชีพ | 359 | 106 | 31 | 18 | 11 | 6 | 26 | 10 | 428 | 140 |
6.2. สถิติทีมชาติ
ลำดับที่ | นัดที่ | วันที่ | สนาม | คู่แข่ง | คะแนน | ผลการแข่งขัน | การแข่งขัน |
---|---|---|---|---|---|---|---|
1 | 3 | 28 เมษายน 2004 | สนามกีฬาเมืองสกอเปีย สกอเปีย มาซิโดเนีย | ทีมชาติมาซิโดเนีย | 1-0 | 1-0 | กระชับมิตร |
2 | 8 | 4 กันยายน 2004 | สนามกีฬามักซีมีร์, ซาเกร็บ, โครเอเชีย | ทีมชาติฮังการี | 2-0 | 3-0 | ฟุตบอลโลก 2006 รอบคัดเลือก |
3 | 11 | 9 กุมภาพันธ์ 2005 | สนามเทดดี, เยรูซาเลม, อิสราเอล | ทีมชาติอิสราเอล | 1-0 | 3-3 | กระชับมิตร |
4 | 3-2 | ||||||
5 | 17 | 1 มีนาคม 2006 | ซังคท์ยาคอบ-พาร์ค, บาเซิล, สวิตเซอร์แลนด์ | ทีมชาติอาร์เจนตินา | 1-0 | 3-2 | กระชับมิตร |
6 | 19 | 23 พฤษภาคม 2006 | สนามกีฬาเอิร์นสต์ ฮัปเปิล, เวียนนา, ออสเตรีย | ทีมชาติออสเตรีย | 1-0 | 4-1 | กระชับมิตร |
7 | 2-1 | ||||||
8 | 27 | 7 ตุลาคม 2006 | สนามกีฬามักซีมีร์, ซาเกร็บ, โครเอเชีย | ทีมชาติอันดอร์รา | 5-0 | 7-0 | ยูฟ่า ยูโร 2008 รอบคัดเลือก |
9 | 30 | 16 มิถุนายน 2008 | ไฮโพ-อาเรนา, คลาเกนฟวร์ท, ออสเตรีย | ทีมชาติโปแลนด์ | 1-0 | 1-0 | ยูฟ่า ยูโร 2008 รอบแบ่งกลุ่ม |
10 | 31 | 20 มิถุนายน 2008 | สนามกีฬาเอิร์นสต์ ฮัปเปิล, เวียนนา, ออสเตรีย | ทีมชาติตุรกี | 1-0 | 1-1 (1-3 ลูกโทษ) | ยูฟ่า ยูโร 2008 รอบแพ้คัดออก |
11 | 35 | 1 เมษายน 2009 | เอสตาดิ โกมูนัล ดันดอร์รา ลา เบยา, อันดอร์รา | ทีมชาติอันดอร์รา | 1-0 | 2-0 | ฟุตบอลโลก 2010 รอบคัดเลือก |
12 | 37 | 8 ตุลาคม 2009 | สนามกีฬากานตรีดา, รีเยกา, โครเอเชีย | ทีมชาติกาตาร์ | 2-0 | 3-2 | กระชับมิตร |
ปี | ลงสนาม | ประตู |
---|---|---|
2004 | 8 | 2 |
2005 | 7 | 2 |
2006 | 11 | 4 |
2007 | 0 | 0 |
2008 | 8 | 2 |
2009 | 5 | 2 |
2010 | 0 | 0 |
2011 | 2 | 0 |
รวม | 41 | 12 |
7. มรดก
อิวัน กลัสนิชเป็นที่จดจำในฐานะนักฟุตบอลคนแรกในประวัติศาสตร์ที่เข้าร่วมการแข่งขันระดับเมเจอร์ทัวร์นาเมนต์ (ยูฟ่า ยูโร 2008) หลังจากได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายไต เขาไม่เพียงแต่เข้าร่วมเท่านั้น แต่ยังทำประตูสำคัญได้ถึงสองลูกในทัวร์นาเมนต์นั้น ซึ่งเป็นการแสดงออกถึงความมุ่งมั่นและจิตวิญญาณที่ไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคทางสุขภาพ
เส้นทางอาชีพของเขา โดยเฉพาะการกลับมาลงสนามหลังจากการผ่าตัดปลูกถ่ายไตหลายครั้ง ได้กลายเป็นแรงบันดาลใจและเป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งของจิตใจและความสามารถในการเอาชนะความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ดังที่เขาเคยกล่าวไว้ว่า "ฉันต้องการแสดงให้เห็นว่าหากคุณมีความมุ่งมั่นที่แข็งแกร่ง คุณสามารถทำอะไรก็ได้" เรื่องราวของกลัสนิชจึงเป็นมรดกที่สำคัญในการแสดงให้เห็นถึงความอุตสาหะและความหวังในวงการฟุตบอลและต่อผู้คนทั่วโลก