1. ภาพรวม
อัลเบร์โต เบราซาเตกิ ซาลาซาร์ (Alberto Berasategui Salazarภาษาสเปน) เป็นอดีตนักเทนนิสอาชีพชาวสเปน ซึ่งเคยติดอันดับท็อป 10 ของโลกและเป็นที่รู้จักจากรูปแบบการเล่นที่โดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจับไม้แบบ "ฮาวายเอียนกริป" ที่สุดขั้ว ซึ่งทำให้เขาสามารถตีลูกโฟร์แฮนด์และแบ็คแฮนด์ด้วยไม้ด้านเดียวกันได้ รูปแบบการเล่นนี้ส่งผลให้เขาประสบความสำเร็จอย่างมากบนคอร์ตดิน เขาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมด้วยการเข้าชิงชนะเลิศรายการเฟรนช์โอเพนในปี ค.ศ. 1994 ซึ่งเป็นรายการแกรนด์สแลมครั้งแรกและครั้งเดียวของเขาที่เข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในประเภทชายเดี่ยว ตลอดอาชีพการงานของเขา เบราซาเตกิคว้าแชมป์ชายเดี่ยวในเอทีพีทัวร์ได้ถึง 14 รายการ และแชมป์ชายคู่ 1 รายการ และเคยขึ้นถึงอันดับ 7 ของโลกในการจัดอันดับประเภทชายเดี่ยวเมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1994 แม้จะมีสไตล์การเล่นที่เหมาะกับคอร์ตดินเป็นหลัก แต่เขาก็ยังสามารถสร้างผลงานที่น่าจดจำบนคอร์ตอื่น ๆ ได้ เช่น การเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในรายการออสเตรเลียนโอเพนปี ค.ศ. 1998 ซึ่งเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสามารถของเขาในการปรับตัวและแข่งขันในระดับสูงสุด
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
อัลเบร์โต เบราซาเตกิ มีชีวิตช่วงต้นและภูมิหลังที่หล่อหลอมเส้นทางของเขาในฐานะนักเทนนิสอาชีพ การทำความเข้าใจในรายละเอียดเหล่านี้ช่วยให้เห็นภาพรวมของการเริ่มต้นอาชีพของเขา
2.1. การเกิดและชีวิตในวัยเด็ก
อัลเบร์โต เบราซาเตกิ เกิดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน ค.ศ. 1973 ที่เมืองบิลบาโอ แคว้นบาสก์ ประเทศสเปน โดยมีภูมิหลังทางครอบครัวที่สนับสนุนให้เขาสนใจในกีฬาเทนนิส เขาเริ่มเล่นเทนนิสตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดขวบ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาความสามารถพิเศษของเขาในกีฬาชนิดนี้ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการฝึกฝนและความมุ่งมั่นตั้งใจ ทำให้เขากลายเป็นนักเทนนิสเยาวชนที่มีฝีมือ
q=Bilbao|position=right
2.2. การเริ่มเข้าสู่วงการอาชีพและช่วงต้นของอาชีพ
เบราซาเตกิเริ่มต้นเส้นทางนักเทนนิสอาชีพในปี ค.ศ. 1991 หลังจากที่คว้าแชมป์ยุโรปประเภทเยาวชนได้ในปีเดียวกันนั้นเอง นับเป็นการก้าวเข้าสู่การแข่งขันระดับมืออาชีพอย่างเต็มตัว สองปีหลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1993 เขาก็สามารถคว้าแชมป์ชายเดี่ยวระดับสูงสุดครั้งแรกในเอทีพีทัวร์ได้ที่เซาเปาลู ประเทศบราซิล ความสำเร็จในช่วงแรกนี้เป็นรากฐานสำคัญที่ส่งให้เขาก้าวขึ้นไปทำผลงานอันโดดเด่นในระดับโลกต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี ค.ศ. 1994 ที่เขาได้แสดงศักยภาพสูงสุดของตนเอง
3. รูปแบบการเล่น
อัลเบร์โต เบราซาเตกิ เป็นที่รู้จักจากรูปแบบการเล่นที่โดดเด่นและไม่เหมือนใคร ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผลมาจากวิธีการจับไม้เทนนิสของเขา
เขาใช้การจับไม้แบบเวสเทิร์นกริป (Western grip) ที่สุดขั้ว ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในชื่อ "ฮาวายเอียนกริป" (Hawaiian grip) การจับไม้ในลักษณะนี้ทำให้เขาสามารถตีลูกทั้งโฟร์แฮนด์และแบ็คแฮนด์ด้วยไม้ด้านเดียวกันได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่พบเห็นได้ไม่บ่อยนักในหมู่นักเทนนิสอาชีพ การจับไม้แบบนี้ช่วยให้เขาสามารถสร้างการหมุนของลูก (topspin) ได้อย่างมหาศาล ทำให้ลูกเทนนิสพุ่งสูงขึ้นและตกลงอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้คู่ต่อสู้รับลูกได้ยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนคอร์ตดินที่ลูกมีการกระเด้งสูงตามธรรมชาติ รูปแบบการเล่นนี้จึงเป็นอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพสูงสุดของเขาและนำไปสู่ความสำเร็จอย่างมากมายบนพื้นผิวคอร์ตดิน
อย่างไรก็ตาม รูปแบบการเล่นนี้ก็มีข้อจำกัด โดยเฉพาะบนพื้นผิวคอร์ตที่รวดเร็วอย่างคอร์ตหญ้าหรือคอร์ตแข็ง ซึ่งทำให้เขามักจะไม่สามารถสร้างผลกระทบได้อย่างที่ทำได้บนคอร์ตดิน แม้ว่าเขาจะไม่ได้สร้างผลงานที่โดดเด่นบนคอร์ตอื่น ๆ มากนัก แต่ก็มีข้อยกเว้นที่สำคัญ เช่น การเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในรายการออสเตรเลียนโอเพนปี ค.ศ. 1998 ซึ่งจัดขึ้นบนคอร์ตแข็ง ในรายการนั้น เขาเอาชนะ แพทริก แรฟเตอร์ ซึ่งเป็นมือวางอันดับ 2 ของโลก และ อังเดร อากัสซี แชมป์ออสเตรเลียนโอเพนปี ค.ศ. 1995 ได้ในรอบถัดมา โดยอากัสซีเป็นอดีตและอนาคตมือวางอันดับ 1 ของโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเขาในการปรับตัวและเอาชนะผู้เล่นระดับสูงได้ในบางครั้ง แม้สุดท้ายจะพ่ายแพ้ให้กับ มาร์เซโล ริโอส ในรอบก่อนรองชนะเลิศก็ตาม
4. อาชีพนักเทนนิสอาชีพ
อัลเบร์โต เบราซาเตกิ มีอาชีพนักเทนนิสที่เต็มไปด้วยความสำเร็จ โดยเฉพาะบนคอร์ตดิน ซึ่งเป็นพื้นผิวที่สไตล์การเล่นของเขาโดดเด่นที่สุด เขาคว้าแชมป์ชายเดี่ยวระดับสูงสุดได้ถึง 14 รายการ และแชมป์ชายคู่ 1 รายการ โดยทุกแชมป์ที่ได้ รวมถึงการแพ้ในรอบชิงชนะเลิศ ล้วนเกิดขึ้นบนคอร์ตดินทั้งสิ้น เขาสามารถคว้าแชมป์ชายเดี่ยวได้อย่างน้อยหนึ่งรายการติดต่อกันเป็นเวลาหกปี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1993 ถึง ค.ศ. 1998
4.1. ความสำเร็จครั้งสำคัญและการเข้าชิงชนะเลิศเฟรนช์โอเพน ปี 1994
หลังจากคว้าแชมป์เอทีพีทัวร์ครั้งแรกได้ในปี ค.ศ. 1993 อัลเบร์โต เบราซาเตกิ ก็ก้าวเข้าสู่จุดสูงสุดในอาชีพของเขาในปี ค.ศ. 1994 ซึ่งเป็นปีที่เขาเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศถึงเก้ารายการและคว้าแชมป์ได้เจ็ดรายการ ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาในปีนั้นคือการเข้าชิงชนะเลิศรายการแกรนด์สแลมเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เฟรนช์โอเพน ณ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส
ในการแข่งขันเฟรนช์โอเพนปี ค.ศ. 1994 เบราซาเตกิซึ่งเป็นมือวางอันดับ 23 และไม่เป็นที่คาดหมายว่าจะทำผลงานได้ดี กลับสร้างปรากฏการณ์ด้วยการเอาชนะผู้เล่นระดับแนวหน้าหลายคนเพื่อก้าวเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ซึ่งรวมถึง เวย์น แฟร์เรรา, เซดริก ปิโอลีน, เยฟเกนี คาเฟลนิคอฟ, ฆาบิเอร์ ฟรานา, กอราน อีวานิเชวิช และ แมกนัส ลาร์สสัน ในรอบชิงชนะเลิศ เขาได้พบกับเพื่อนร่วมชาติและแชมป์เก่าอย่าง เซร์คี บรูกูเอรา ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์แกรนด์สแลม ที่มีการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศประเภทชายเดี่ยวระหว่างผู้เล่นจากสเปนทั้งสองคน การแข่งขันครั้งนี้ได้รับความสนใจอย่างมากถึงขั้นที่สมเด็จพระราชาธิบดีฆวน การ์โลสที่ 1 แห่งสเปนเสด็จทอดพระเนตรด้วยพระองค์เอง อย่างไรก็ตาม เบราซาเตกิพ่ายแพ้ให้กับบรูกูเอราไป 3-6, 5-7, 6-2, 1-6 ในสี่เซต ส่งผลให้บรูกูเอราคว้าแชมป์เฟรนช์โอเพนไปครองเป็นสมัยที่สองติดต่อกัน ความสำเร็จครั้งนี้เกิดขึ้นเพียงสามสัปดาห์ก่อนที่เบราซาเตกิจะมีอายุครบ 21 ปี ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงอนาคตที่สดใสของเขาในวงการเทนนิส
4.2. ช่วงปลายของอาชีพและผลงานสูงสุด (ค.ศ. 1995-1998)
หลังจากความสำเร็จครั้งใหญ่ในปี ค.ศ. 1994 อัลเบร์โต เบราซาเตกิยังคงรักษาฟอร์มการเล่นที่แข็งแกร่งในเอทีพีทัวร์ เขาสามารถคว้าแชมป์ได้อีกหลายรายการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในปี ค.ศ. 1996 ที่เขาคว้าแชมป์ได้ถึงสามรายการ หนึ่งในนั้นคือการสร้างสถิติอันน่าจดจำในรอบแรกของรายการฮัสซันที่ 2 กร็องปรี เมื่อเดือนมีนาคม ค.ศ. 1996 ซึ่งเขาได้แข่งขันกับ มาร์เซโล ฟิลิปปินี และมีเกมหนึ่งที่ยืดเยื้อจนเกิดการดิวซ์ถึง 28 ครั้ง ก่อนที่เบราซาเตกิจะชนะไปด้วยสกอร์ 6-2, 6-3
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 1994 เบราซาเตกิได้ขึ้นสู่การจัดอันดับสูงสุดในอาชีพของเขาคืออันดับ 7 ของโลก ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเขาในฐานะนักเทนนิสเดี่ยว และเขายังคงรักษาตำแหน่งในกลุ่มผู้เล่นชั้นนำได้อย่างต่อเนื่อง หนึ่งในผลงานที่โดดเด่นในช่วงปลายของอาชีพคือการเข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศในรายการออสเตรเลียนโอเพนปี ค.ศ. 1998 ซึ่งเป็นการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของเขาบนคอร์ตแข็งในรายการแกรนด์สแลม แม้ว่าเขาจะพ่ายแพ้ให้กับ มาร์เซโล ริโอส ในรอบก่อนรองชนะเลิศหลังจากชนะไทเบรกในเซตแรกได้อย่างสูสีก็ตาม
แชมป์เอทีพีทัวร์รายการสุดท้ายของเขาคือที่รายการปอร์ตุเกสโอเพน ณ เมืองอึชตูริล ประเทศโปรตุเกส ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1998 ซึ่งเป็นชัยชนะครั้งที่ 14 ในอาชีพชายเดี่ยวของเขา
q=Andorra la Vella|position=left
4.3. อาการบาดเจ็บและการอำลาวงการ
ตั้งแต่ประมาณปี ค.ศ. 1999 ผลงานของอัลเบร์โต เบราซาเตกิเริ่มลดลงอย่างเห็นได้ชัด สาเหตุหลักมาจากอาการบาดเจ็บที่ข้อมือเรื้อรังซึ่งส่งผลกระทบอย่างต่อเนื่อง นับตั้งแต่การแข่งขันกับ เอร์นัน กุมมี ในรายการโบโลญญา เอาต์ดอร์ เมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1998 อาการบาดเจ็บเหล่านี้ส่งผลเสียต่อผลการแข่งขันและฟอร์มการเล่นของเขาอย่างรุนแรง ทำให้ความสม่ำเสมอและอันดับโลกของเขาลดลง นอกเหนือจากปัญหาที่ข้อมือแล้ว เขายังต้องเผชิญกับอาการตะคริวอย่างรุนแรงที่เกิดขึ้นโดยไม่ทราบสาเหตุในระหว่างการแข่งขันที่ยืดเยื้อ ซึ่งยิ่งบั่นทอนความสามารถในการแข่งขันของเขา
การเข้าชิงชนะเลิศเอทีพีทัวร์ครั้งสุดท้ายของเขาคือที่รายการซิซิลีโอเพน ในสัปดาห์แรกของเดือนตุลาคม ค.ศ. 1999 ซึ่งเขาพ่ายแพ้ให้กับ อาร์โนด์ ดี ปาสกวาเล ไป 1-6, 3-6 ในที่สุด อัลเบร์โต เบราซาเตกิก็ตัดสินใจอำลาวงการเทนนิสอาชีพในเดือนเมษายน ค.ศ. 2001 หลังจากพ่ายแพ้ในรอบแรกของรายการบาร์เซโลนาโอเพน ซึ่งเป็นรายการที่เขาเล่นในบ้านเกิด
5. สถิติอาชีพ
อัลเบร์โต เบราซาเตกิ มีสถิติอาชีพที่โดดเด่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งบนคอร์ตดิน โดยเขาทำสถิติรวมในประเภทชายเดี่ยว 278 ชนะ 199 แพ้ และประเภทชายคู่ 47 ชนะ 59 แพ้ มีเงินรางวัลรวมตลอดอาชีพ 4.68 M USD
5.1. ตารางสรุปผลงานในแกรนด์สแลม
นี่คือสรุปผลงานของอัลเบร์โต เบราซาเตกิในรายการแกรนด์สแลมประเภทชายเดี่ยว:
รายการ | 1992 | 1993 | 1994 | 1995 | 1996 | 1997 | 1998 | 1999 | 2000 | ชนะ-แพ้ |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
ออสเตรเลียนโอเพน | A | A | A | A | A | 3R | QF | 1R | 1R | 6-4 |
เฟรนช์โอเพน | 1R | 2R | F | 3R | 3R | 1R | 4R | 4R | 1R | 17-9 |
วิมเบิลดัน | A | A | A | A | A | A | A | A | 1R | 0-1 |
ยูเอสโอเพน | A | 2R | 1R | A | 2R | 1R | 1R | A | A | 2-5 |
รวม ชนะ-แพ้ | 0-1 | 2-2 | 6-2 | 2-1 | 3-2 | 2-3 | 7-3 | 3-2 | 0-3 | 25-29 |
5.2. ผลงานรอบชิงชนะเลิศในเอทีพีทัวร์
อัลเบร์โต เบราซาเตกิ มีผลงานที่โดดเด่นในการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศในเอทีพีทัวร์ โดยมีสถิติที่น่าประทับใจทั้งในประเภทชายเดี่ยวและชายคู่ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการแข่งขันบนคอร์ตดิน
5.2.1. รอบชิงชนะเลิศประเภทชายเดี่ยว
อัลเบร์โต เบราซาเตกิเข้าชิงชนะเลิศเอทีพีทัวร์ประเภทชายเดี่ยวรวม 23 ครั้ง คว้าแชมป์ได้ 14 รายการและเป็นรองชนะเลิศ 9 รายการ โดยทั้งหมดเกิดขึ้นบนคอร์ตดินและเป็นสนามกลางแจ้ง
ผลลัพธ์ | อันดับ | วันที่ | รายการ | พื้นผิว | คู่ต่อสู้ | สกอร์ |
---|---|---|---|---|---|---|
Loss | 1. | สิงหาคม 1993 | อูแมก, โครเอเชีย | ดิน | ทอมัส มุสเตอร์ | 5-7, 6-3, 3-6 |
Loss | 2. | ตุลาคม 1993 | เอเธนส์, กรีซ | ดิน | ฆอร์ดี อาร์เรเซ | 4-6, 6-3, 3-6 |
Win | 1. | พฤศจิกายน 1993 | เซาเปาลู, บราซิล | ดิน | สลาวา โดเซเดล | 6-4, 6-3 |
Loss | 3. | พฤศจิกายน 1993 | บัวโนสไอเรส, อาร์เจนตินา | ดิน | การ์โลส กอชตา | 6-3, 1-6, 4-6 |
Win | 2. | เมษายน 1994 | นีซ, ฝรั่งเศส | ดิน | จิม คูเรียร์ | 6-4, 6-2 |
Loss | 4. | พฤษภาคม 1994 | โบโลญญา, อิตาลี | ดิน | ฆาบิเอร์ ซานเชซ | 6-7(3-7), 6-4, 3-6 |
Loss | 5. | มิถุนายน 1994 | ปารีส, ฝรั่งเศส (แกรนด์สแลม) | ดิน | เซร์คี บรูกูเอรา | 3-6, 5-7, 6-2, 1-6 |
Win | 3. | กรกฎาคม 1994 | ชตุทการ์ท, เยอรมนี (แชมเปียนชิปซีรีส์) | ดิน | อันเดรีย เกาเดนซี | 7-5, 6-3, 7-6(7-5) |
Win | 4. | สิงหาคม 1994 | อูแมก, โครเอเชีย | ดิน | กาโรล คูเชรา | 6-2, 6-4 |
Win | 5. | ตุลาคม 1994 | ปาแลร์โม, อิตาลี | ดิน | อาเล็กซ์ กอร์เรตยา | 2-6, 7-6(8-6), 6-4 |
Win | 6. | ตุลาคม 1994 | เอเธนส์, กรีซ | ดิน | โอสการ์ มาร์ติเนซ | 4-6, 7-6(7-4), 6-3 |
Win | 7. | ตุลาคม 1994 | ซันติอาโก, ชิลี | ดิน | ฟรันซิสโก กลัฟเวต | 6-3, 6-4 |
Win | 8. | พฤศจิกายน 1994 | มอนเตวิเดโอ, อุรุกวัย | ดิน | ฟรันซิสโก กลัฟเวต | 6-4, 6-0 |
Win | 9. | มิถุนายน 1995 | โปร์ตู, โปรตุเกส | ดิน | การ์โลส กอชตา | 3-6, 6-3, 6-4 |
Loss | 6. | พฤศจิกายน 1995 | มอนเตวิเดโอ, อุรุกวัย | ดิน | โบกดาน อูลิกราฮ์ | 2-6, 3-6 |
Win | 10. | มิถุนายน 1996 | โบโลญญา, อิตาลี | ดิน | การ์โลส กอชตา | 6-3, 6-4 |
Win | 11. | กรกฎาคม 1996 | คิทซ์บูเอล, ออสเตรีย | ดิน | อาเล็กซ์ กอร์เรตยา | 6-2, 6-4, 6-4 |
Win | 12. | กันยายน 1996 | บูคาเรสต์, โรมาเนีย | ดิน | การ์โลส โมยา | 6-1, 7-6(7-5) |
Loss | 7. | กันยายน 1997 | มาร์เบยา, สเปน | ดิน | อัลเบร์ต กอชตา | 3-6, 2-6 |
Win | 13. | ตุลาคม 1997 | ปาแลร์โม, อิตาลี | ดิน | โดมินิก เฮิร์บาตี | 6-4, 6-2 |
Win | 14. | เมษายน 1998 | อึชตูริล, โปรตุเกส | ดิน | ทอมัส มุสเตอร์ | 3-6, 6-1, 6-3 |
Loss | 8. | เมษายน 1998 | บาร์เซโลนา, สเปน (แชมเปียนชิปซีรีส์) | ดิน | ทอดด์ มาร์ติน | 2-6, 6-1, 3-6, 2-6 |
Loss | 9. | ตุลาคม 1999 | ปาแลร์โม, อิตาลี | ดิน | อาร์โนด์ ดี ปาสกวาเล | 1-6, 3-6 |
5.2.2. รอบชิงชนะเลิศประเภทชายคู่
อัลเบร์โต เบราซาเตกิเข้าชิงชนะเลิศเอทีพีทัวร์ประเภทชายคู่รวม 4 ครั้ง คว้าแชมป์ได้ 1 รายการและเป็นรองชนะเลิศ 3 รายการ โดยทั้งหมดเกิดขึ้นบนคอร์ตดินและเป็นสนามกลางแจ้ง
ผลลัพธ์ | อันดับ | วันที่ | รายการ | พื้นผิว | คู่หู | คู่ต่อสู้ | สกอร์ |
---|---|---|---|---|---|---|---|
Win | 1. | เมษายน 1997 | บาร์เซโลนา, สเปน (แชมเปียนชิปซีรีส์) | ดิน | ฆอร์ดี บูริโย | ปาโบล อัลบาโน อาเล็กซ์ กอร์เรตยา | 6-3, 7-5 |
Loss | 1. | กันยายน 1997 | มาร์เบยา, สเปน | ดิน | ฆอร์ดี บูริโย | การิม อาลาเม ฆูเลียน อาลอนโซ | 6-4, 3-6, 0-6 |
Loss | 2. | กันยายน 1998 | บอร์นมัท, สหราชอาณาจักร | ดิน | เวย์น อาร์เธอร์ส | นีล บรอด เควิน อุลเยตต์ | 6-7, 3-6 |
Loss | 3. | กันยายน 1999 | มายอร์กา, สเปน | ดิน | ฟรันซิสโก รอยจ์ | ลูคัส อาร์โนลด์ เคอร์ โตมัส การ์โบเนล | 1-6, 4-6 |
5.3. ผลงานรอบชิงชนะเลิศในเอทีพีชาเลนเจอร์และไอทีเอฟฟิวเจอร์ส
อัลเบร์โต เบราซาเตกิยังได้เข้าร่วมและทำผลงานในรายการเอทีพีชาเลนเจอร์และไอทีเอฟฟิวเจอร์สอีกด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเภทชายเดี่ยวและชายคู่ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาและการรักษาฟอร์มการเล่นของเขาก่อนและระหว่างการแข่งขันระดับสูงสุด
5.3.1. รอบชิงชนะเลิศประเภทชายเดี่ยว
อัลเบร์โต เบราซาเตกิเข้าชิงชนะเลิศเอทีพีชาเลนเจอร์ประเภทชายเดี่ยวรวม 10 ครั้ง คว้าแชมป์ได้ 7 รายการและเป็นรองชนะเลิศ 3 รายการ โดยทั้งหมดเกิดขึ้นบนคอร์ตดิน
ผลลัพธ์ | อันดับ | วันที่ | รายการ | ระดับ | พื้นผิว | คู่ต่อสู้ | สกอร์ |
---|---|---|---|---|---|---|---|
Loss | 1. | ตุลาคม 1992 | เรจโจกาลาเบรีย, อิตาลี | ชาเลนเจอร์ | ดิน | โรเบร์โต อาซาร์ | 4-6, 2-6 |
Win | 1. | กุมภาพันธ์ 1993 | มาร์เดลปลาตา, อาร์เจนตินา | ชาเลนเจอร์ | ดิน | มาร์ติน สตรินการิ | 6-2, 7-5 |
Win | 2. | สิงหาคม 1993 | กราซ, ออสเตรีย | ชาเลนเจอร์ | ดิน | การ์โลส กอชตา | 6-4, 6-3 |
Win | 3. | กันยายน 1994 | บาร์เซโลนา, สเปน | ชาเลนเจอร์ | ดิน | คาร์ล-อูเวอ สตีบ | 6-3, 7-5 |
Win | 4. | มิถุนายน 1996 | เบราน์ชไวค์, เยอรมนี | ชาเลนเจอร์ | ดิน | โยเซฟ ครอชโก | 6-2, 6-2 |
Win | 5. | กรกฎาคม 1996 | เวนิส, อิตาลี | ชาเลนเจอร์ | ดิน | ฆาบิเอร์ ซานเชซ | 6-2, 6-2 |
Loss | 2. | ตุลาคม 1996 | ไคโร, อียิปต์ | ชาเลนเจอร์ | ดิน | เฟร์นันโด เมลิเกนี | 6-3, 1-6, 2-6 |
Win | 6. | มิถุนายน 1997 | ซาเกร็บ, โครเอเชีย | ชาเลนเจอร์ | ดิน | อีวาน ลูบิชิช | 6-1, 6-2 |
Win | 7. | ตุลาคม 1997 | ไคโร, อียิปต์ | ชาเลนเจอร์ | ดิน | การิม อาลาเม | 7-5, 6-3 |
Loss | 3. | พฤศจิกายน 2000 | บัวโนสไอเรส, อาร์เจนตินา | ชาเลนเจอร์ | ดิน | กิเยร์โม กอเรีย | 1-6, 6-4, 4-6 |
5.3.2. รอบชิงชนะเลิศประเภทชายคู่
อัลเบร์โต เบราซาเตกิเข้าชิงชนะเลิศเอทีพีชาเลนเจอร์ประเภทชายคู่รวม 1 ครั้ง คว้าแชมป์ได้ 1 รายการ โดยทั้งหมดเกิดขึ้นบนคอร์ตดิน
ผลลัพธ์ | อันดับ | วันที่ | รายการ | ระดับ | พื้นผิว | คู่หู | คู่ต่อสู้ | สกอร์ |
---|---|---|---|---|---|---|---|---|
Win | 1. | ตุลาคม 1996 | ไคโร, อียิปต์ | ชาเลนเจอร์ | ดิน | เฆร์มัน ปูเอนเตส-อัลกานิซ | บรานิสลาฟ กาลิก โบรูต เอิร์ล | 6-0, 6-0 |
6. มรดกและการประเมิน
อัลเบร์โต เบราซาเตกิ ได้ทิ้งมรดกที่สำคัญไว้ในวงการเทนนิส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะผู้เล่นที่มีสไตล์การเล่นอันเป็นเอกลักษณ์และไม่เหมือนใคร การจับไม้แบบ "ฮาวายเอียนกริป" ของเขา ไม่เพียงแต่เป็นจุดเด่นที่ทำให้เขามีผลงานที่ยอดเยี่ยมบนคอร์ตดินเท่านั้น แต่ยังเป็นที่ถกเถียงและศึกษาในหมู่นักวิเคราะห์และผู้ฝึกสอนเทนนิสถึงประสิทธิภาพและข้อจำกัดของมัน
ในทางประวัติศาสตร์และสังคม เบราซาเตกิถูกมองว่าเป็นตัวแทนของนักเทนนิสสเปนในยุค 1990 ที่เชี่ยวชาญบนคอร์ตดินอย่างแท้จริง การเข้าชิงชนะเลิศเฟรนช์โอเพนปี ค.ศ. 1994 ถือเป็นความสำเร็จสูงสุดในอาชีพของเขา ซึ่งไม่เพียงแต่สร้างชื่อเสียงให้กับตัวเขาเอง แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งของนักเทนนิสชาวสเปนบนเวทีแกรนด์สแลมคอร์ตดินในยุคนั้น แม้ว่าสไตล์การเล่นของเขาจะไม่ได้แพร่หลายนักในหมู่นักเทนนิสคนอื่น ๆ เนื่องจากความยากในการเลียนแบบและความเฉพาะเจาะจงกับคอร์ตดิน แต่เขาก็ได้แสดงให้เห็นถึงความเป็นไปได้ในการประสบความสำเร็จด้วยการปรับใช้เทคนิคที่ไม่เป็นไปตามขนบ มรดกของเบราซาเตกิจึงเป็นการย้ำเตือนถึงความหลากหลายของรูปแบบการเล่นที่สามารถนำไปสู่ความสำเร็จในกีฬาเทนนิส และความสามารถของนักกีฬาในการประยุกต์ใช้ความสามารถส่วนตัวเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้ในระดับสูงสุด