1. ภาพรวม
มุสตาฟา ดาอึสทานลี (เกิด 11 เมษายน ค.ศ. 1931 ถึงแก่อสัญกรรม 18 กันยายน ค.ศ. 2022) เป็นอดีตนักมวยปล้ำชาวตุรกีผู้โดดเด่น และยังเป็นอดีตนักการเมืองและนักธุรกิจอีกด้วย เขาประสบความสำเร็จสูงสุดในสาขามวยปล้ำฟรีสไตล์ โดยคว้าเหรียญทองจากโอลิมปิกฤดูร้อน 1956 ที่เมลเบิร์น และโอลิมปิกฤดูร้อน 1960 ที่กรุงโรม นอกจากนี้ เขายังคว้าแชมป์โลกในปี 1954, 1957 และ 1959 หลังจากเกษียณจากอาชีพนักกีฬา เขามีบทบาทในฐานะโค้ชและเป็นส่วนหนึ่งของสหพันธ์มวยปล้ำตุรกี ก่อนที่จะผันตัวเข้าสู่เส้นทางการเมืองในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากแซมซัน สังกัดพรรคยุติธรรม ระหว่างปี 1973 ถึง 1980 และยังประสบความสำเร็จในธุรกิจเดินรถโดยสารประจำทางในอังการาอีกด้วย ด้วยความสำเร็จอันโดดเด่นในวงการมวยปล้ำ เขาจึงได้รับการเสนอชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศมวยปล้ำนานาชาติของFILA ในปี 2009
2. ชีวิต
มุสตาฟา ดาอึสทานลี มีเส้นทางชีวิตที่เริ่มต้นจากพื้นเพชนบท สู่ความสำเร็จในระดับโลก และการผันตัวเข้าสู่บทบาททางสังคมและการเมือง
2.1. การเกิดและวัยเด็ก
มุสตาฟา ดาอึสทานลี เกิดเมื่อวันที่ 11 เมษายน ค.ศ. 1931 ที่หมู่บ้านSöğütpınar ในเขตÇarşamba จังหวัดแซมซัน ประเทศตุรกี เขาเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมให้เขาได้สัมผัสกับมวยปล้ำน้ำมันตุรกี ซึ่งเป็นกีฬาพื้นบ้านที่ได้รับความนิยมในภูมิภาคนี้มาตั้งแต่เยาว์วัย สิ่งนี้เป็นรากฐานสำคัญที่หล่อหลอมให้เขามีความสนใจในกีฬามวยปล้ำในอนาคต
2.2. การเริ่มต้นมวยปล้ำและกิจกรรมในช่วงแรก
ดาอึสทานลี เริ่มต้นฝึกมวยปล้ำอย่างจริงจังเมื่ออายุ 18 ปี หลังจากที่มีประสบการณ์ในการเล่นมวยปล้ำน้ำมันตุรกีมาหลายปี เขาได้พัฒนาตนเองอย่างรวดเร็วจนก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในนักมวยปล้ำฟรีสไตล์ชั้นนำของโลกในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1950 และยังมีความสามารถโดดเด่นในสไตล์มวยปล้ำเกรโก-โรมันด้วย ในปี 1952 เขาเกือบได้รับคัดเลือกให้เข้าร่วมกีฬาโอลิมปิกที่เฮลซิงกิ แต่พลาดโอกาสไปอย่างฉิวเฉียด อย่างไรก็ตาม ในปี 1953 เขาก็ได้เป็นสมาชิกของทีมชาติมวยปล้ำตุรกี ซึ่งได้เดินทางไปยังประเทศสวีเดนเพื่อเข้าร่วมการแข่งขันระดับนานาชาติสองรายการ ดาอึสทานลีสามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ทั้งEdvin Vesterby และGöte Persson ในรุ่นแบนตัมเวท ด้วยคะแนน
3. อาชีพนักมวยปล้ำ
มุสตาฟา ดาอึสทานลี มีอาชีพนักมวยปล้ำที่โดดเด่นด้วยความสำเร็จมากมายทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติ
3.1. ทีมชาติและการเปิดตัวในระดับนานาชาติ
หลังจากเริ่มต้นฝึกฝนและแสดงความสามารถที่โดดเด่น มุสตาฟา ดาอึสทานลี ได้รับการคัดเลือกให้เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติมวยปล้ำตุรกีในปี 1953 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เขาเริ่มต้นการแข่งขันระดับนานาชาติอย่างเป็นทางการ การปรากฏตัวครั้งแรกของเขาในการแข่งขันระดับนานาชาติคือที่การแข่งขันชิงแชมป์โลกปี 1954 ที่โตเกียว ในรุ่นแบนตัมเวทฟรีสไตล์ และเขาสามารถคว้าตำแหน่งแชมป์โลกได้ทันทีในการแข่งขันครั้งแรก โดยเอาชนะสามคู่ต่อสู้ด้วยการจับไหล่ และอีกสองคู่ต่อสู้ด้วยคะแนน เอาชนะLajos Bencze จากฮังการี และTauno Jaskari จากฟินแลนด์
3.2. ความสำเร็จในโอลิมปิก
ดาอึสทานลี สร้างประวัติศาสตร์ในวงการโอลิมปิกด้วยการคว้าเหรียญทองถึงสองสมัย
- ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 1956 ที่เมลเบิร์น เขาได้ลงแข่งขันในรุ่นแบนตัมเวท และแสดงให้เห็นถึงความสามารถที่เหนือชั้น โดยสามารถคว้าเหรียญทองไปครองได้อย่างสมศักดิ์ศรีด้วยชัยชนะห้าครั้งรวด
- เขาสานต่อความสำเร็จนี้ในการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 1960 ที่กรุงโรม โดยครั้งนี้เขาได้เปลี่ยนไปลงแข่งขันในรุ่นเฟเธอร์เวท และยังคงสร้างผลงานที่ยอดเยี่ยมด้วยการเอาชนะคู่ต่อสู้ถึงหกคน แม้จะมีการเสมอหนึ่งครั้งในการแข่งขันรอบที่เจ็ดกับTamiji Sato จากญี่ปุ่น แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งชัยชนะและเหรียญทองของเขาได้

3.3. การแข่งขันชิงแชมป์โลกและการแข่งขันสำคัญอื่นๆ
นอกเหนือจากความสำเร็จในโอลิมปิก ดาอึสทานลี ยังคงสร้างผลงานที่น่าประทับใจในการแข่งขันระดับนานาชาติอื่นๆ อีกมากมาย:
- ระหว่างช่วงเวลาระหว่างโอลิมปิกปี 1956 ที่เมลเบิร์น และโอลิมปิกปี 1960 ที่กรุงโรม ดาอึสทานลีได้คว้าตำแหน่งแชมป์โลกฟรีสไตล์ในรุ่นเฟเธอร์เวท ที่อิสตันบูลในปี 1957 ซึ่งเขาชนะการแข่งขันทุกนัด และที่เตหะรานในปี 1959 ซึ่งเขาเสมอหนึ่งครั้งกับMuhamad Ahkbar จากปากีสถาน
- ไม่มีการจัดการแข่งขันชิงแชมป์โลกฟรีสไตล์ในปี 1955 และ 1958
- ในการแข่งขันเวิลด์คัพ 1956 ที่อิสตันบูล เขาคว้าเหรียญทองในรุ่น 57 กิโลกรัม
- แต่ในการแข่งขันเวิลด์คัพ 1958 ที่โซเฟีย เขาได้เพียงเหรียญเงินในรุ่นเฟเธอร์เวท ซึ่งเป็นผลมาจากการที่เขาสมอกับคู่ต่อสู้ถึงสองครั้ง ในขณะที่Nurik Muschegijan นักกีฬาจากสหภาพโซเวียต สมอเพียงครั้งเดียว
- ในปี 1958 ดาอึสทานลี ได้เดินทางไปประเทศเยอรมนีตะวันตกพร้อมกับทีมมวยปล้ำตุรกี เพื่อเข้าร่วมการแข่งขันกระชับมิตรสี่ครั้ง ซึ่งเขาเอาชนะคู่ต่อสู้อย่างKlaus Rost, Erwin Schuster, Johann Argstatter และGawlinski ได้ทั้งหมดด้วยการจับไหล่
- เขาได้รับเหรียญทองจากการแข่งขันเมดิเตอร์เรเนียนเกมส์ 1955 ที่บาร์เซโลนา ในประเภทมวยปล้ำเกรโก-โรมัน รุ่น 57 กิโลกรัม
- และยังคว้าเหรียญทองในการแข่งขันชิงแชมป์บอลข่านปี 1960 ที่บูร์กาส ในรุ่น 62 กิโลกรัม
3.4. สถิติการแข่งขันและสไตล์การปล้ำ
มุสตาฟา ดาอึสทานลี เป็นที่รู้จักในฐานะนักมวยปล้ำที่มีสถิติที่น่าประทับใจอย่างยิ่ง เขาชนะการแข่งขันทั้งหมด 389 ครั้ง และเสมอ 4 ครั้ง จากการแข่งขันรวม 393 ครั้ง สถิตินี้แสดงให้เห็นถึงความสม่ำเสมอและความเหนือกว่าของเขาในการแข่งขัน มุสตาฟา ดาอึสทานลี เป็นหนึ่งในนักมวยปล้ำฟรีสไตล์ที่ดีที่สุดในโลกในรุ่นแบนตัมเวทและเฟเธอร์เวท ระหว่างปี 1954 ถึง 1960 เขาได้รับชัยชนะในการแข่งขันและทัวร์นาเมนต์สำคัญเกือบทั้งหมดที่เขาเข้าร่วม สไตล์การปล้ำของเขาโดดเด่นด้วยการผสมผสานเทคนิคที่แข็งแกร่งและความยืดหยุ่น ทำให้ยากที่คู่ต่อสู้จะเอาชนะเขาได้
3.5. การเกษียณจากอาชีพนักกีฬา
มุสตาฟา ดาอึสทานลี ตัดสินใจยุติอาชีพนักมวยปล้ำหลังจากการแข่งขันโอลิมปิกปี 1960 ที่กรุงโรม การตัดสินใจครั้งนี้เป็นการปิดฉากช่วงเวลาแห่งความรุ่งโรจน์ในฐานะนักกีฬา และเปิดประตูสู่บทบาทใหม่ๆ ในชีวิตของเขา
4. กิจกรรมหลังเกษียณจากมวยปล้ำ
หลังจากยุติบทบาทในฐานะนักมวยปล้ำ มุสตาฟา ดาอึสทานลี ได้ผันตัวไปประกอบอาชีพและกิจกรรมทางสังคมที่หลากหลาย
4.1. การเป็นโค้ชและกิจกรรมในสหพันธ์มวยปล้ำ
หลังจากการเกษียณจากอาชีพนักกีฬา มุสตาฟา ดาอึสทานลี ยังคงมีส่วนร่วมในวงการมวยปล้ำอย่างต่อเนื่อง เขาได้ทำงานในฐานะผู้ฝึกสอน ซึ่งทำให้เขาสามารถถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์อันล้ำค่าให้กับนักมวยปล้ำรุ่นใหม่ นอกจากนี้ เขายังมีบทบาทในสหพันธ์มวยปล้ำตุรกี ซึ่งเป็นองค์กรกำกับดูแลกีฬามวยปล้ำในประเทศ ทำให้เขายังคงเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาและส่งเสริมกีฬามวยปล้ำในตุรกี
4.2. กิจกรรมทางการเมือง
หลังจากการเกษียณจากวงการกีฬาอย่างเป็นทางการ ดาอึสทานลีได้เข้าสู่เส้นทางการเมือง ซึ่งเป็นบทบาทที่แตกต่างจากภาพลักษณ์นักกีฬาของเขา เขาได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากเขตเลือกตั้งแซมซัน ซึ่งเป็นบ้านเกิดของเขา และดำรงตำแหน่งระหว่างปี 1973 ถึง 1980 ภายใต้สังกัดพรรคยุติธรรม ในช่วงเวลาดังกล่าว พรรคยุติธรรมถือเป็นพรรคที่มุ่งเน้นแนวทางอนุรักษนิยม การมีส่วนร่วมทางการเมืองของเขาแสดงให้เห็นถึงความสนใจในการรับใช้สังคมและประเทศชาติ แม้ว่าแหล่งข้อมูลไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับผลกระทบโดยตรงของกิจกรรมทางการเมืองของเขาต่อประเด็นประชาธิปไตย สิทธิมนุษยชน หรือความก้าวหน้าทางสังคม แต่การดำรงตำแหน่งในพรรคที่มีแนวคิดอนุรักษนิยมในช่วงเวลานั้น สะท้อนถึงการเป็นส่วนหนึ่งของโครงสร้างทางการเมืองที่อาจถูกมองว่ามีความท้าทายต่อการเปลี่ยนแปลงทางสังคมในบางบริบท
4.3. กิจกรรมทางธุรกิจ
นอกเหนือจากบทบาททางกีฬาและการเมือง มุสตาฟา ดาอึสทานลี ยังประสบความสำเร็จในด้านธุรกิจ โดยเป็นเจ้าของกิจการเดินรถโดยสารประจำทางระหว่างเมืองในอังการา ธุรกิจของเขาใช้ชื่อสกุลของเขาเองว่า "Dağıstanlı" และใช้สัญลักษณ์ห้าห่วงโอลิมปิกเป็นโลโก้ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความภาคภูมิใจในอดีตอาชีพนักกีฬาของเขา กิจการนี้เติบโตจนเป็นที่รู้จักและให้บริการเส้นทางเดินรถสำคัญหลายสายในตุรกี สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวและประสบความสำเร็จในหลากหลายบทบาท
5. การเสียชีวิต
มุสตาฟา ดาอึสทานลี ปิดฉากชีวิตอันยาวนานและเต็มไปด้วยความสำเร็จเมื่ออายุ 91 ปี
5.1. สถานการณ์การเสียชีวิตและพิธีศพ
มุสตาฟา ดาอึสทานลี ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อวันที่ 18 กันยายน ค.ศ. 2022 ที่เมืองอันตัลยา ประเทศตุรกี พิธีศพของเขาจัดขึ้นในวันที่ 20 กันยายน โดยมีการประกอบพิธีละหมาดญะนาซะฮ์ที่มัสยิดโกคาเตเปในกรุงอังการา ก่อนที่จะมีการฝังร่างของเขาที่สุสาน Karşıyaka ซึ่งเป็นสุสานสำคัญแห่งหนึ่งในอังการา
6. การประเมินและมรดก
มุสตาฟา ดาอึสทานลี ได้ทิ้งมรดกอันยิ่งใหญ่ไว้ในวงการมวยปล้ำและเป็นบุคคลที่ได้รับการยกย่องอย่างสูง
6.1. ความสำเร็จที่สำคัญและการประเมินเชิงบวก
มุสตาฟา ดาอึสทานลี ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวางว่าเป็นหนึ่งในนักมวยปล้ำที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ตุรกีและของโลก ความสำเร็จในการคว้าเหรียญทองโอลิมปิกถึงสองสมัยและแชมป์โลกสามสมัยถือเป็นข้อพิสูจน์ถึงความสามารถอันยอดเยี่ยมของเขา นอกจากนี้ เขายังได้รับรางวัลและเกียรติยศมากมาย ซึ่งรวมถึงการได้รับการเสนอชื่อเข้าสู่หอเกียรติยศมวยปล้ำนานาชาติของFILA ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2009 ซึ่งเป็นการรับรองสถานะของเขาในฐานะตำนานแห่งวงการมวยปล้ำ ความมุ่งมั่น การฝึกฝนอย่างหนัก และสไตล์การปล้ำที่เหนือชั้นของเขาเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักกีฬารุ่นหลังจำนวนมาก