1. Early Life and Amateur Career
บ็อบบี วิทท์ เกิดเมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 1964 ที่อาร์ลิงตัน รัฐเวอร์จิเนีย และเติบโตในเมืองแคนตัน รัฐแมสซาชูเซตส์ ที่ซึ่งพ่อแม่ของเขายังคงอาศัยอยู่ เขาเข้าศึกษาที่โรงเรียนมัธยมแคนตัน ก่อนจะเข้าเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโอคลาโฮมา ในปี 1983 วิทท์ได้เล่นเบสบอลภาคฤดูร้อนระดับวิทยาลัยให้กับทีมแชทแทมเอส (Chatham A'sภาษาอังกฤษ) ในเคปคอดเบสบอลลีก
ในปี 1982 เขาถูกดราฟต์โดยทีมซินซินเนติเรดส์ในรอบที่ 7 ของเมเจอร์ลีกเบสบอลดราฟต์ 1982 แต่ไม่ได้เซ็นสัญญา หลังจากนั้น ในปี 1984 วิทท์ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมชาติเบสบอลสหรัฐและคว้าเหรียญเงินในการแข่งขันเบสบอลในกีฬาโอลิมปิกฤดูร้อน 1984 ที่นครลอสแอนเจลิส ต่อมาในปี 1985 เขาถูกเท็กซัสเรนเจอส์ดราฟต์เป็นลำดับที่ 3 ของรอบแรกในเมเจอร์ลีกเบสบอลดราฟต์ 1985 และเซ็นสัญญาเข้าสู่เส้นทางอาชีพ
2. Professional Career
บ็อบบี วิทท์ ซีเนียร์ เริ่มต้นอาชีพในเมเจอร์ลีกเบสบอลในปี 1986 และเล่นให้กับทีมต่างๆ ตลอด 16 ฤดูกาล ก่อนจะเกษียณอายุหลังจากการคว้าแชมป์เวิลด์ซีรีส์ในปี 2001

2.1. Texas Rangers (First Stint)
วิทท์ประเดิมสนามในเมเจอร์ลีกเบสบอลในปี 1986 กับทีมเท็กซัสเรนเจอส์ เขาลงเป็นตัวจริง 31 เกมและจบฤดูกาลด้วยสถิติชนะ 11 แพ้ 9 แม้ว่าเขาจะไม่สามารถชนะเกมใดๆ ในไมเนอร์ลีกได้เลยก่อนหน้าการชนะครั้งแรกในเมเจอร์ลีก เขาเป็นที่รู้จักในฐานะพิตเชอร์ที่ขว้างลูกเร็วแต่มีปัญหาในการควบคุมลูกตลอดอาชีพการงาน ส่งผลให้แฟนๆ ในอาร์ลิงตันเรียกเขาว่า "วิทท์ เอ็น ไวลด์" (Witt 'n Wildภาษาอังกฤษ) ซึ่งล้อเลียนชื่อสวนน้ำ "เว็ต เอ็น ไวลด์" (Wet 'n Wild) ที่อยู่ติดกับอาร์ลิงตันสเตเดียม ในฤดูกาลนั้น เขาเป็นผู้นำลีกในด้านการเสียบอลสี่ (walks) ด้วยจำนวน 143 ครั้งใน 157 2/3 อินนิง และในปีถัดมา 1987 เขาก็ยังคงเป็นผู้นำลีกในการเสียบอลสี่อีกครั้งด้วย 140 ครั้งใน 143 อินนิง
เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 1987 วิทท์ทำสถิติ สไตรก์เอาต์สี่คนในหนึ่งอินนิง ซึ่งเป็นสถิติที่หาได้ยาก นอกจากนี้ เขายังสร้างสถิติที่แย่ที่สุดในเมเจอร์ลีกคือการเป็นพิตเชอร์ที่ออกสตาร์ท 55 เกมแรกโดยไม่มีเกมคอมพลีทเกมเลย ในปี 1988 แม้จะถูกลดชั้นลงสู่ไมเนอร์ลีกช่วงต้นฤดูกาลเนื่องจากผลงานไม่ดี แต่หลังจากถูกเรียกกลับมา เขาก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็วและทำสถิติคอมพลีทเกมได้ถึง 9 เกมติดต่อกัน ซึ่งเกือบจะเทียบเท่าสถิติของสโมสร
ปี 1990 ถือเป็นฤดูกาลที่ดีที่สุดในอาชีพของเขา โดยทำสถิติชนะ 17 แพ้ 10 ด้วยค่าเฉลี่ยERA ที่ 3.36 ซึ่งเป็นค่าที่ต่ำที่สุดในอาชีพการงานของเขา เขายังแสดงความโดดเด่นในการสไตรก์เอาต์ โดยทำได้ 221 ครั้งใน 222 อินนิง นอกจากนี้ วิทท์ยังสร้างสถิติของสโมสรเท็กซัสเรนเจอส์ด้วยการชนะนอกบ้านติดต่อกันเป็นเกมที่ 7 ในฤดูกาลนั้น ซึ่งไม่เคยมีพิตเชอร์ของเรนเจอส์คนใดทำได้จนกระทั่งสกอตต์ เฟลด์แมนทำได้ในปี 2009 วิทท์เล่นให้กับเรนเจอส์จนกระทั่งกลางฤดูกาล 1992 ก่อนที่จะถูกเทรดพร้อมกับเจฟฟ์ รัสเซลล์ และรูเบน ซิเอร์รา ไปยังคู่แข่งร่วมดิวิชั่นอย่างโอ๊คแลนด์แอธเลติกส์ เพื่อแลกกับโฮเซ แคนเซโก
2.2. Oakland Athletics
ระหว่างปี 1992 ถึง 1994 วิทท์มีสถิติชนะ 23 แพ้ 24 กับทีมโอ๊คแลนด์แอธเลติกส์ ในปี 1994 เขาได้รับเกียรติให้เป็นพิตเชอร์ตัวจริงในวันเปิดฤดูกาล และเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 1994 วิทท์เกือบจะทำเพอร์เฟกต์เกมได้ในการแข่งขันกับแคนซัสซิตีรอยัลส์ เขาจบเกมด้วยการเสียเพียง 1 ฮิต และไม่มีบอลสี่เลย พร้อมทำได้ 14 สไตรก์เอาต์ อย่างไรก็ตาม โอกาสในการทำเพอร์เฟกต์เกมต้องพังทลายลงในอินนิงที่ 6 เมื่อกรรมการเบสแรกตัดสินว่าเกร็ก แกญ ของรอยัลส์ เซฟจากการบุนต์ ทำให้วิทท์เสียฮิตแรกของเกม แม้ว่าภาพรีเพลย์จะแสดงให้เห็นว่าแกญถูกเอาต์ก็ตาม หลังจากการหยุดชะงักของฤดูกาล 1994-1995 เนื่องจากการประท้วงหยุดงานของ MLB วิทท์ได้กลายเป็นฟรีเอเจนต์
2.3. Florida Marlins
หลังจบฤดูกาล 1994 วิทท์ได้เซ็นสัญญาหนึ่งปีกับทีมฟลอริดามาร์ลินส์ ในฤดูกาล 1995 วิทท์ลงเล่นไปครึ่งฤดูกาลให้กับมาร์ลินส์ ก่อนที่จะถูกเทรดกลับไปยังทีมเท็กซัสเรนเจอส์ แม้ว่าเขาจะจบช่วงเวลาสั้นๆ กับฟลอริดาด้วยสถิติชนะ 2 แพ้ 7 แต่เขาก็มีค่าเฉลี่ย ERA ที่ 3.90 และWHIP ต่ำกว่า 1.40 ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขาทำผลงานได้ดีกว่าสถิติชนะ-แพ้ที่ปรากฏ
2.4. Texas Rangers (Second Stint)
ระหว่างปี 1995 ถึง 1998 วิทท์มีสถิติชนะ 36 แพ้ 32 กับทีมเท็กซัสเรนเจอส์ ฤดูกาลที่ดีที่สุดของเขาในช่วงนี้คือปี 1996 ซึ่งเขาจบลงด้วยสถิติชนะ 16 แพ้ 12 แม้จะมีค่าเฉลี่ย ERA สูงถึง 5.41 แต่ด้วยการสนับสนุนจากแนวรุกที่แข็งแกร่งของทีม ทำให้เขามีส่วนช่วยให้เรนเจอส์คว้าแชมป์ดิวิชั่นได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์สโมสร อย่างไรก็ตาม ทีมต้องพ่ายแพ้ให้กับนิวยอร์กแยงกี้ส์ในรอบดิวิชั่นซีรีส์
เมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 1997 วิทท์กลายเป็นพิตเชอร์คนแรกของอเมริกันลีกที่ตีโฮมรันได้นับตั้งแต่รอริก แฮร์ริสันทำได้เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม 1972 นอกจากนี้ เขายังเป็นพิตเชอร์คนแรกของอเมริกันลีกที่ตีโฮมรันได้ในเกมอินเตอร์ลีกฤดูกาลปกติ โฮมรันของเขาสามารถตีได้จากลูกขว้างของอิสมาเอล วาลเดซ แห่งลอสแอนเจลิส ดอดเจอร์สในอินนิงที่หก และไม้เบสบอลที่เขาใช้ตีโฮมรันครั้งนั้นก็ถูกนำไปจัดแสดงในหอเกียรติยศเบสบอลแห่งชาติ
2.5. Final Years and World Series Championship
ในระหว่างฤดูกาล 1998 วิทท์ถูกเทรดไปยังเซนต์หลุยส์คาร์ดินัลส์ เขาลงเล่น 17 เกมกับคาร์ดินัลส์ โดยเป็นตัวจริงเพียง 5 เกม
ในปี 1999 วิทท์ประสบกับหนึ่งในฤดูกาลที่แย่ที่สุดในอาชีพของเขา โดยมีสถิติชนะ 7 แพ้ 15 ด้วยค่าเฉลี่ย ERA 5.82 จากการลงเป็นตัวจริง 32 เกมให้กับแทมปาเบย์เดวิลเรย์ส
ในปี 2000 วิทท์ถูกจำกัดการลงสนามเพียง 7 เกมกับคลีฟแลนด์อินเดียนส์ โดยขว้างไปเพียง 15 อินนิงเท่านั้นเนื่องจากอาการบาดเจ็บ
ในปี 2001 ซึ่งเป็นฤดูกาลสุดท้ายของเขาใน MLB วิทท์ลงเล่น 14 เกมให้กับแอริโซนาไดมอนด์แบ็กส์ โดยเป็นตัวจริง 7 เกม และจบฤดูกาลด้วยสถิติชนะ 4 แพ้ 1 วิทท์ปรากฏตัวในเกมที่ 2 ของ2001 เนชันแนลลีกแชมเปียนชิปซีรีส์ กับแอตแลนตาเบรฟส์ โดยลงขว้างในอินนิงที่ 8 และเสีย 3 ฮิต 1 รัน
การลงขว้างครั้งถัดไปของเขาเป็นเกมเวิลด์ซีรีส์ครั้งแรกในอาชีพ และยังเป็นเกมสุดท้ายของเขาในเมเจอร์ลีกเบสบอลด้วย โดยเป็นเกมที่ 6 ของเวิลด์ซีรีส์ 2001 เขาลงมาขว้างในอินนิงที่ 8 เพื่อช่วยแรนดี จอห์นสัน โดยไดมอนด์แบ็กส์นำนิวยอร์กแยงกี้ส์อยู่ 15-2 เขาเสียบอลสี่หนึ่งครั้ง และจบลงด้วยการสไตรก์เอาต์เชน สเปนเซอร์ ก่อนที่ทรอย บรอฮอว์นจะลงมาทำหน้าที่ในอินนิงที่ 9 ไดมอนด์แบ็กส์ชนะเกมถัดไปและคว้าแชมป์เวิลด์ซีรีส์ หลังจบเวิลด์ซีรีส์ วิทท์ก็ประกาศเลิกเล่นเบสบอลอาชีพ
3. Playing Style and Characteristics
บ็อบบี วิทท์ ซีเนียร์ เป็นที่รู้จักในฐานะพิตเชอร์ขว้างมือขวาที่ขว้างลูกเร็วและมีพลัง เขามีลูกขว้างฟาสต์บอลที่ทรงพลัง อย่างไรก็ตาม จุดเด่นนี้ก็มาพร้อมกับปัญหาในการควบคุมลูกขว้างตลอดอาชีพของเขา บ่อยครั้งที่เขาจะเสียบอลสี่และขว้างไวลด์พิตช์ ทำให้ได้รับฉายาว่า "วิทท์ เอ็น ไวลด์" (Witt 'n Wildภาษาอังกฤษ) เขาเคยเป็นผู้นำลีกในด้านการเสียบอลสี่ถึงสามครั้ง และไวลด์พิตช์สองครั้ง ลักษณะการขว้างที่ดุดันแต่ไม่แม่นยำนี้เป็นคุณสมบัติที่โดดเด่นในสไตล์การเล่นของเขา
4. Achievements and Records
บ็อบบี วิทท์ ซีเนียร์ มีความสำเร็จและสถิติสำคัญหลายอย่างตลอดอาชีพการงานของเขา:
- แชมป์เวิลด์ซีรีส์ (2001)
- เหรียญเงินในโอลิมปิกฤดูร้อน 1984
- สี่สไตรก์เอาต์ในหนึ่งอินนิง (2 สิงหาคม 1987)
- พิตเชอร์คนแรกของอเมริกันลีกที่ตีโฮมรันได้นับตั้งแต่ปี 1972 (30 มิถุนายน 1997) และเป็นคนแรกที่ตีโฮมรันได้ในเกมอินเตอร์ลีกฤดูกาลปกติ ไม้เบสบอลที่ใช้ตีโฮมรันครั้งนี้ถูกนำไปจัดแสดงในหอเกียรติยศเบสบอลแห่งชาติ
- สร้างสถิติของสโมสรเท็กซัสเรนเจอส์ด้วยการชนะนอกบ้าน 7 เกมติดต่อกันในฤดูกาลเดียว
- ผู้เล่นยอดเยี่ยมประจำเดือนของเมเจอร์ลีกเบสบอล 1 ครั้ง (กรกฎาคม 1990)
- ทำสถิติเมเจอร์ลีกว่าด้วยการเป็นพิตเชอร์ที่ออกสตาร์ทมากที่สุด (55 เกม) โดยไม่มีเกมคอมพลีทเกมเลยในการลงสนามครั้งแรก
- เกือบทำเพอร์เฟกต์เกมได้เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน 1994 ซึ่งจบลงด้วยการเสียเพียง 1 ฮิตและไม่มีบอลสี่
5. Personal Life
บ็อบบี วิทท์ อาศัยอยู่ในเมืองคอลลีย์วิลล์ รัฐเท็กซัส ร่วมกับภรรยาและลูกสี่คนของเขา ณ เดือนเมษายน 2015 หลังจากการเกษียณอายุจากอาชีพนักเบสบอล เขายังคงอยู่ในวงการกีฬาในฐานะเอเจนต์นักกีฬา
ลูกๆ ของวิทท์หลายคนก็มีบทบาทในวงการเบสบอลเช่นกัน:
- ลูกชายของเขา บ็อบบี วิทท์ จูเนียร์ เป็นนักเบสบอลชอร์ตสต็อป เกิดในปี 2000 และถูกแคนซัสซิตีรอยัลส์ดราฟต์เป็นลำดับที่ 2 ของรอบแรกในเมเจอร์ลีกเบสบอลดราฟต์ 2019
- ลูกสาวคนโต นิกกี้ วิทท์ แต่งงานกับอดีตนักเบสบอลเมเจอร์ลีกเจมส์ รัสเซลล์
- ลูกสาวคนรอง คิอันนา วิทท์ แต่งงานกับอดีตนักเบสบอลเมเจอร์ลีกแซก นีล
- ลูกสาวคนที่สาม เชลีย์ วิทท์ แต่งงานกับอดีตนักเบสบอลเมเจอร์ลีกโคดี โทมัส
6. Career Statistics
นี่คือภาพรวมสถิติการเล่นเบสบอลอาชีพของบ็อบบี วิทท์ ซีเนียร์ ตลอดอาชีพเมเจอร์ลีกของเขา
6.1. Pitching Statistics
ปี | ทีม | เกม | สตาร์ท | คอมพลีทเกม | ชัตเอาต์ | เซฟ | ชนะ | แพ้ | เซฟโฮลด์ | สถิติชนะ-แพ้ | อินนิงขว้าง | ฮิต | โฮมรัน | บอลสี่ | โดนลูก | ไวลด์พิตช์ | สไตรก์เอาต์ | รัน | เอิร์นรัน | ERA | WHIP | ||
---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
1986 | TEX | 31 | 31 | 0 | 0 | 0 | 11 | 9 | 0 | .550 | 157.2 | 130 | 18 | 143 | 2 | 3 | 174 | 22 | 3 | 104 | 96 | 5.48 | 1.73 |
1987 | TEX | 26 | 25 | 1 | 0 | 0 | 8 | 10 | 0 | .444 | 143.0 | 114 | 10 | 140 | 1 | 3 | 160 | 7 | 2 | 82 | 78 | 4.91 | 1.78 |
1988 | TEX | 22 | 22 | 13 | 2 | 0 | 8 | 10 | 0 | .444 | 174.1 | 134 | 13 | 101 | 2 | 1 | 148 | 16 | 8 | 83 | 76 | 3.92 | 1.35 |
1989 | TEX | 31 | 31 | 5 | 1 | 0 | 12 | 13 | 0 | .480 | 194.1 | 182 | 14 | 114 | 3 | 2 | 166 | 7 | 4 | 123 | 111 | 5.14 | 1.52 |
1990 | TEX | 33 | 32 | 7 | 1 | 0 | 17 | 10 | 0 | .630 | 222.0 | 197 | 12 | 110 | 3 | 4 | 221 | 11 | 2 | 98 | 83 | 3.36 | 1.38 |
1991 | TEX | 17 | 16 | 1 | 1 | 0 | 3 | 7 | 0 | .300 | 88.2 | 84 | 4 | 74 | 1 | 1 | 82 | 8 | 0 | 66 | 60 | 6.09 | 1.78 |
1992 | TEX/OAK | 31 | 31 | 0 | 0 | 0 | 10 | 14 | 0 | .417 | 193.0 | 183 | 16 | 114 | 2 | 2 | 125 | 9 | 1 | 99 | 92 | 4.29 | 1.54 |
1993 | OAK | 35 | 33 | 5 | 1 | 0 | 14 | 13 | 0 | .519 | 220.0 | 226 | 16 | 91 | 5 | 3 | 131 | 8 | 1 | 112 | 103 | 4.21 | 1.44 |
1994 | OAK | 24 | 24 | 5 | 3 | 1 | 8 | 10 | 0 | .444 | 135.2 | 151 | 22 | 70 | 4 | 5 | 111 | 6 | 1 | 88 | 76 | 5.04 | 1.63 |
1995 | FLA/TEX | 29 | 29 | 2 | 0 | 0 | 5 | 11 | 0 | .313 | 172.0 | 185 | 12 | 68 | 2 | 3 | 141 | 7 | 0 | 87 | 79 | 4.13 | 1.47 |
1996 | TEX | 33 | 32 | 2 | 0 | 0 | 16 | 12 | 0 | .571 | 199.2 | 235 | 28 | 96 | 3 | 2 | 157 | 4 | 1 | 129 | 120 | 5.41 | 1.66 |
1997 | TEX | 34 | 32 | 3 | 0 | 0 | 12 | 12 | 0 | .500 | 209.0 | 245 | 33 | 74 | 4 | 2 | 121 | 7 | 0 | 118 | 112 | 4.82 | 1.53 |
1998 | TEX/STL | 31 | 18 | 0 | 0 | 0 | 7 | 9 | 0 | .438 | 116.2 | 150 | 21 | 53 | 2 | 2 | 58 | 3 | 2 | 94 | 85 | 6.56 | 1.74 |
1999 | TB | 32 | 32 | 3 | 2 | 0 | 7 | 15 | 0 | .318 | 180.1 | 213 | 23 | 96 | 1 | 3 | 123 | 9 | 1 | 130 | 117 | 5.84 | 1.71 |
2000 | CLE | 7 | 2 | 0 | 0 | 0 | 0 | 1 | 0 | .000 | 15.1 | 28 | 4 | 6 | 1 | 0 | 6 | 2 | 0 | 13 | 13 | 7.63 | 2.22 |
2001 | ARI | 14 | 7 | 0 | 0 | 0 | 4 | 1 | 0 | .800 | 43.1 | 36 | 6 | 25 | 1 | 3 | 31 | 2 | 0 | 23 | 23 | 4.78 | 1.41 |
รวม MLB (16 ปี) | 430 | 397 | 47 | 11 | 1 | 142 | 157 | 0 | .475 | 2465.0 | 2493 | 252 | 1375 | 37 | 39 | 1955 | 128 | 26 | 1449 | 1324 | 4.83 | 1.57 |
6.2. Fielding Statistics
ปี | ทีม | เกม | พุตเอาต์ | แอสซิสต์ | เออร์เรอร์ | ดับเบิลเพลย์ | ฟิลดิงเปอร์เซ็นต์ |
---|---|---|---|---|---|---|---|
1986 | TEX | 31 | 8 | 20 | 3 | 1 | .903 |
1987 | TEX | 26 | 8 | 17 | 0 | 1 | 1.000 |
1988 | TEX | 22 | 15 | 15 | 4 | 2 | .882 |
1989 | TEX | 31 | 13 | 22 | 1 | 1 | .972 |
1990 | TEX | 33 | 18 | 18 | 5 | 2 | .878 |
1991 | TEX | 17 | 7 | 6 | 2 | 1 | .867 |
1992 | TEX/OAK | 31 | 14 | 20 | 1 | 2 | .971 |
1993 | OAK | 35 | 12 | 39 | 3 | 5 | .944 |
1994 | OAK | 24 | 7 | 13 | 4 | 2 | .833 |
1995 | FLA/TEX | 29 | 8 | 21 | 0 | 0 | 1.000 |
1996 | TEX | 33 | 10 | 28 | 1 | 3 | .974 |
1997 | TEX | 34 | 10 | 27 | 1 | 2 | .974 |
1998 | TEX/STL | 31 | 5 | 12 | 2 | 2 | .895 |
1999 | TB | 32 | 12 | 27 | 3 | 4 | .929 |
2000 | CLE | 7 | 0 | 3 | 0 | 0 | 1.000 |
2001 | ARI | 14 | 1 | 6 | 0 | 0 | 1.000 |
รวม MLB | 430 | 148 | 294 | 30 | 28 | .936 |