1. Overview
ดิมิทรี ออฟชารอฟ (Дмитрий Овчаровดมิตรี ออฟชารอฟภาษารัสเซีย) หรือ ดมิตโร ออฟชารอฟ (Дмитро Овчаровดมิตโร ออฟชารอฟภาษายูเครน) เกิดเมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1988 ที่กรุง เคียฟ ในสาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตยูเครน สหภาพโซเวียต เป็นนักกีฬาเทเบิลเทนนิสชาวเยอรมันเชื้อสายยูเครน เขาเป็นบุตรชายของมีฮาอิล (หรือ มิฮายโล) ออฟชารอฟ อดีตแชมป์เทเบิลเทนนิสโซเวียตในปี ค.ศ. 1982 ซึ่งย้ายครอบครัวมายังประเทศเยอรมนีหลังจากการเกิดของดิมิทรีไม่นาน ออฟชารอฟเป็นที่รู้จักในฐานะนักกีฬาเทเบิลเทนนิสชายที่ได้รับเหรียญรางวัลโอลิมปิกมากที่สุดในประวัติศาสตร์ ด้วยจำนวน 6 เหรียญ (เงิน 2 เหรียญ และทองแดง 4 เหรียญ) ซึ่งสะท้อนถึงความมุ่งมั่นและความสำเร็จอันยาวนานในอาชีพของเขา นอกจากนี้ เขายังเคยขึ้นครองตำแหน่งมือวางอันดับ 1 ของโลกในเดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2018 และเป็นผู้ชนะเลิศการแข่งขันเวิลด์คัพในปี ค.ศ. 2017 อาชีพของเขายังโดดเด่นด้วยการเอาชนะข้อกล่าวหาเรื่องการใช้สารต้องห้ามในปี ค.ศ. 2010 ซึ่งเป็นบทพิสูจน์ถึงความโปร่งใสและความยุติธรรมในวงการกีฬา
2. Early life and background
ดิมิทรี ออฟชารอฟมีภูมิหลังที่ผสมผสานระหว่างมรดกทางกีฬาและวัฒนธรรม โดยมีครอบครัวที่อพยพมายังประเทศเยอรมนีในวัยเด็ก และมีบิดาเป็นนักกีฬาที่ประสบความสำเร็จ
2.1. Childhood and formative years
ออฟชารอฟเกิดเมื่อวันที่ 2 กันยายน ค.ศ. 1988 ที่กรุงเคียฟ สาธารณรัฐสังคมนิยมโซเวียตยูเครน ซึ่งขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต บิดาของเขา มีฮาอิล ออฟชารอฟ เป็นนักเทเบิลเทนนิสที่มีชื่อเสียง ซึ่งเคยคว้าแชมป์โซเวียตในปี ค.ศ. 1982 การที่บิดาเป็นนักกีฬาเทเบิลเทนนิสอาชีพเป็นแรงบันดาลใจสำคัญที่ทำให้ดิมิทรีเริ่มเล่นกีฬานี้ตั้งแต่ยังเด็ก หลังจากดิมิทรีเกิดได้ไม่นาน ครอบครัวของเขาก็ได้ย้ายถิ่นฐานมายังประเทศเยอรมนี การฝึกฝนในวัยเด็กของออฟชารอฟแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความสามารถที่โดดเด่นและเป็นรากฐานสำคัญสำหรับความสำเร็จในระดับเยาวชนและอาชีพต่อไป.
3. Career
เส้นทางอาชีพของดิมิทรี ออฟชารอฟโดดเด่นด้วยความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ การก้าวผ่านความท้าทาย และการสร้างประวัติศาสตร์ในวงการเทเบิลเทนนิสระดับโลก
3.1. Junior career
ในช่วงอาชีพเยาวชน ออฟชารอฟได้สร้างชื่อเสียงและคว้าชัยชนะในการแข่งขันระดับนานาชาติหลายรายการ โดยในปี ค.ศ. 2002 เขาคว้าตำแหน่งรองชนะเลิศประเภทชายเดี่ยวรุ่นคาเด็ตในการแข่งขันเทเบิลเทนนิสชิงแชมป์ยุโรปเยาวชนที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย และในปีต่อมา ค.ศ. 2003 เขาก็ได้รับตำแหน่งรองชนะเลิศประเภทชายคู่รุ่นคาเด็ตในการแข่งขันเดียวกันที่เมืองนอวีซาด ประเทศเซอร์เบีย ออฟชารอฟยังคงพัฒนาฝีมืออย่างต่อเนื่อง โดยในปี ค.ศ. 2004 เขาเป็นส่วนหนึ่งของทีมเยอรมนีที่คว้าแชมป์ประเภททีมชายรุ่นเยาวชนในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปเยาวชนที่กรุงบูดาเปสต์ ประเทศฮังการี และในปี ค.ศ. 2005 เขาก็คว้าแชมป์ประเภทชายเดี่ยวรุ่นเยาวชนในการแข่งขันเดียวกันที่เมืองออสตราวา ประเทศเช็กเกีย ความสำเร็จในระดับทีมยังคงดำเนินต่อไป โดยในปี ค.ศ. 2006 ทีมชายของเขาคว้าแชมป์ในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปเยาวชนที่ซาราเยโว ประเทศบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา นอกจากนี้ ในปีเดียวกัน เขายังประสบความสำเร็จในการแข่งขันเทเบิลเทนนิสชิงแชมป์โลกเยาวชนที่กรุงไคโร ประเทศอียิปต์ โดยสามารถเข้าถึงรอบรองชนะเลิศประเภทชายเดี่ยวและคว้าเหรียญทองแดงมาครองได้สำเร็จ รวมถึงได้รับเหรียญทองแดงในประเภทคู่ผสมและประเภททีมอีกด้วย
3.2. Early senior career and Olympic debut
ออฟชารอฟเริ่มต้นเส้นทางอาชีพอาวุโสด้วยการเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์โลกในปี ค.ศ. 2007 และในปีเดียวกันนั้น เขาก็คว้าเหรียญทองแดงในประเภทชายเดี่ยวและเหรียญทองในประเภททีมชายจากการแข่งขันเทเบิลเทนนิสชิงแชมป์ยุโรปที่เบลเกรด ประเทศเซอร์เบีย ผลงานที่โดดเด่นของเขาทำให้เขาได้รับเลือกเป็นส่วนหนึ่งของทีมเทเบิลเทนนิสชายของเยอรมนีในโอลิมปิกฤดูร้อน 2008 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน ซึ่งเขาคว้าเหรียญเงินในประเภททีม ร่วมกับ ติโม โบลล์ และคริสเตียน ซึส การแข่งขันนี้ยังเป็นที่จดจำจากเทคนิคการเสิร์ฟอันเป็นเอกลักษณ์ของออฟชารอฟ ซึ่งต่อมาได้รับการยกย่องจากนิตยสาร ไทม์ ให้เป็นหนึ่งใน 50 นวัตกรรมยอดเยี่ยมแห่งปี ค.ศ. 2008 ในปีเดียวกัน ทีมเยอรมนีที่ออฟชารอฟเป็นสมาชิกคว้าอันดับ 7 ในการแข่งขันเทเบิลเทนนิสชิงแชมป์โลกประเภททีมที่เมืองกว่างโจว และเขาได้อันดับ 5 ในการแข่งขันยุโรป ท็อป 12 นอกจากนี้ เขายังช่วยให้ทีมเยอรมนีคว้าเหรียญทองประเภททีมในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปปี ค.ศ. 2008 ที่เซนต์ปีเตอส์เบิร์กอีกด้วย
3.3. Doping controversy and exoneration
ในปี ค.ศ. 2010 ดิมิทรี ออฟชารอฟต้องเผชิญกับบททดสอบครั้งสำคัญในอาชีพ เมื่อวันที่ 22 กันยายน ค.ศ. 2010 สหพันธ์เทเบิลเทนนิสเยอรมนี (DTTB) ได้ประกาศระงับการแข่งขันของเขา เนื่องจากผลการตรวจตัวอย่าง A พบสารคลีนบิวเทอรอล ซึ่งเป็นสารที่อาจใช้ในการเพิ่มประสิทธิภาพการกีฬา ออฟชารอฟได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาเรื่องการใช้สารต้องห้ามในทันที โดยยืนยันว่าสารดังกล่าวอาจปนเปื้อนอยู่ในเนื้อสัตว์ที่เขารับประทานในประเทศจีน เขาได้ร้องขอให้มีการวิเคราะห์ตัวอย่าง B ซึ่งผลก็ยังคงเป็นบวก แม้จะเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ออฟชารอฟยังคงยืนกรานในความบริสุทธิ์ของตน และได้เสนอตัวอย่างเส้นผมให้มีการตรวจสอบโดยสมัครใจ ซึ่งผลการตรวจสอบตัวอย่างเส้นผมไม่พบหลักฐานการใช้สารคลีนบิวเทอรอลในทางที่ผิด หรือการใช้สารดังกล่าวในระยะยาว หลังจากการพิจารณาและการสอบสวนเพิ่มเติม เมื่อวันที่ 15 ตุลาคม ค.ศ. 2010 คณะกรรมการของ DTTB ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยกเลิกการระงับการแข่งขันของออฟชารอฟ การตัดสินใจครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจากสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติ (ITTF) เหตุการณ์นี้ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของกระบวนการที่เป็นธรรมและยุติธรรมในการพิจารณาข้อกล่าวหาเรื่องการใช้สารต้องห้าม ซึ่งในที่สุดได้นำไปสู่การพ้นข้อกล่าวหาของออฟชารอฟ และช่วยให้เขาสามารถกลับมาสานต่ออาชีพนักกีฬาได้อย่างไร้ข้อกังขา
3.4. Rise to prominence and Olympic success (2012-2016)
หลังจากพ้นจากข้อกล่าวหาเรื่องสารต้องห้าม ดิมิทรี ออฟชารอฟกลับมาทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมและก้าวขึ้นเป็นหนึ่งในนักกีฬาชั้นนำของโลก ในปี ค.ศ. 2010 ทีมชายของเยอรมนีที่เขาร่วมทีมคว้าเหรียญเงินในการแข่งขันเทเบิลเทนนิสชิงแชมป์โลกประเภททีมที่มอสโก และเหรียญทองในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปที่ออสตราวา นอกจากนี้ เขายังคว้าแชมป์ไอทีทีเอฟ เวิลด์ทัวร์รายการอินเดียโอเพน ในปีเดียวกัน และต่อด้วยแชมป์บราซิลโอเพนและโคเรียโอเพนในปี ค.ศ. 2011 ออฟชารอฟคว้าเหรียญทองแดงประเภททีมในการแข่งขันเทเบิลเทนนิสเวิลด์คัพปี ค.ศ. 2011 ที่มักเดอบวร์ค และคว้าเหรียญทองประเภททีมในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปปี ค.ศ. 2011 ที่โซปอต ในปี ค.ศ. 2012 ทีมชายของเยอรมนีคว้าเหรียญเงินในศึกชิงแชมป์โลกประเภททีมที่ดอร์ทมุนด์ เขายังคว้าแชมป์เยอรมันโอเพนในเวิลด์ทัวร์ และสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการคว้าเหรียญทองแดงถึงสองเหรียญในโอลิมปิกฤดูร้อน 2012 ที่กรุงลอนดอน ทั้งประเภทชายเดี่ยวและประเภททีมชาย นอกจากนี้ เขายังคว้าแชมป์ชายเดี่ยวในการแข่งขันยุโรป ท็อป 12 ที่เมืองลียง และเหรียญทองแดงประเภทชายคู่ในชิงแชมป์ยุโรปปี ค.ศ. 2012 ที่เฮอร์นิง ในปี ค.ศ. 2013 ออฟชารอฟคว้าเหรียญทองทั้งประเภทชายเดี่ยวและประเภททีมในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปที่ชเวชาต และเหรียญทองแดงประเภทชายเดี่ยวในเวิลด์คัพที่แวร์วีเยร์ ในปี ค.ศ. 2014 ทีมชายของเยอรมนีคว้าเหรียญเงินในศึกชิงแชมป์โลกประเภททีมที่โตเกียว และเขาก็คว้าแชมป์เยอรมันโอเพนอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ทีมเยอรมนีได้เหรียญเงินประเภททีมในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปที่ลิสบอน และเขายังคว้าเหรียญทองแดงชายเดี่ยวในยุโรป ท็อป 16 ที่โลซาน รวมถึงตำแหน่งรองชนะเลิศชายเดี่ยวในไอทีทีเอฟ เวิลด์ทัวร์ แกรนด์ไฟนอลส์ที่กรุงเทพมหานคร เดือนมิถุนายน ค.ศ. 2015 ออฟชารอฟคว้าเหรียญทองประเภทชายเดี่ยวในยูโรเปียนเกมส์ 2015 ครั้งแรกที่บากู ซึ่งเป็นรายการใหม่ที่จัดขึ้น นอกจากนี้ เขายังคว้าเหรียญทองแดงชายเดี่ยวในเวิลด์คัพที่ฮัลมสตัด และเหรียญทองชายเดี่ยวกับเหรียญเงินประเภททีมในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปที่เยคาเตรินบุร์ก เขายังคว้าแชมป์ชายเดี่ยวในยุโรป ท็อป 16 ที่บากู เดือนกรกฎาคม ค.ศ. 2016 ในโอลิมปิกฤดูร้อน 2016 ที่รีโอเดจาเนโร เขาพ่ายแพ้ให้กับวลาดิมีร์ ซัมโซนอฟในรอบก่อนรองชนะเลิศประเภทชายเดี่ยว แต่ก็สามารถคว้าเหรียญทองแดงในประเภททีมชายมาได้สำเร็จ และยังคว้าแชมป์ชายเดี่ยวในยุโรป ท็อป 16 ที่กอนโดมาร์
3.5. World No. 1 and later career (2017-2020)
ในช่วงปี ค.ศ. 2017 ถึง ค.ศ. 2020 ดิมิทรี ออฟชารอฟก้าวขึ้นสู่จุดสูงสุดในอาชีพ ด้วยการคว้าแชมป์สำคัญหลายรายการและขึ้นเป็นมือวางอันดับ 1 ของโลก เดือนมิถุนายน ค.ศ. 2017 เขาคว้าแชมป์ไชนาโอเพน โดยเอาชนะ ติโม โบลล์ ไปได้ 4 ต่อ 3 เซ็ต และในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2017 เขาก็คว้าแชมป์บัลแกเรียโอเพน การคว้าแชมป์อินเดียโอเพนและเยอรมันโอเพนในรายการไอทีทีเอฟ เวิลด์ทัวร์ก็เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จที่สำคัญของเขา จุดสูงสุดคือการคว้าแชมป์เทเบิลเทนนิสเวิลด์คัพ 2017 ที่เมืองลีแยฌ ประเทศเบลเยียม โดยเอาชนะ หลิน เกาหยวน และ หม่า หลง ในรอบรองชนะเลิศ และเอาชนะติโม โบลล์ในรอบชิงชนะเลิศ แม้จะเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศประเภทชายเดี่ยวในไอทีทีเอฟ เวิลด์ทัวร์ แกรนด์ไฟนอลส์ที่อัสตานา แต่ก็พ่ายแพ้ไป หลังจากนั้น ในเดือนมกราคม ค.ศ. 2018 ออฟชารอฟก็ขึ้นแท่นเป็นนักกีฬาเทเบิลเทนนิสชายมือวางอันดับ 1 ของโลกอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นผลมาจากความสม่ำเสมอและฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม โดยเขาขึ้นมาแทนที่หม่า หลง ผู้ครองตำแหน่งนี้มานานกว่าสามปี นอกจากนี้ เขายังคว้าเหรียญเงินในประเภททีมชายในการแข่งขันเทเบิลเทนนิสชิงแชมป์โลกประเภททีม 2018 ที่ฮัลมสตัด ประเทศสวีเดน และคว้าเหรียญทองประเภททีมในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปปี ค.ศ. 2017 ที่ลักเซมเบิร์กซิตี และแชมป์ชายเดี่ยวในยุโรป ท็อป 16 ที่อ็องติบ ในปี ค.ศ. 2018 เขาได้เหรียญเงินชายเดี่ยวในยุโรป ท็อป 16 ที่มงเทรอ และในปี ค.ศ. 2019 เขาช่วยให้ทีมเยอรมนีคว้าเหรียญทองประเภททีมในการแข่งขันยูโรเปียนเกมส์ 2019 ที่มินสค์ ประเทศเบลารุส และคว้าเหรียญทองประเภททีมในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปที่น็องต์ ประเทศฝรั่งเศส นอกจากนี้ เขายังคว้าแชมป์ชายเดี่ยวในยุโรป ท็อป 16 ที่มงเทรอ อีกครั้ง และในเดือนมกราคม ค.ศ. 2020 ออฟชารอฟได้เซ็นสัญญาเป็นนักกีฬาในสังกัดบัตเตอร์ฟลาย ซึ่งเป็นผู้ผลิตอุปกรณ์เทเบิลเทนนิสชั้นนำระดับโลก และในปีเดียวกันนั้น เขาก็คว้าเหรียญเงินประเภทชายเดี่ยวในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปที่วอร์ซอ
3.6. Recent activities (2021-present)
ในช่วงปี ค.ศ. 2021 ถึงปัจจุบัน ดิมิทรี ออฟชารอฟยังคงเป็นนักกีฬาแถวหน้าของวงการเทเบิลเทนนิส โดยมีผลงานสำคัญและการตัดสินใจที่สะท้อนถึงสถานการณ์โลก ในเดือนมีนาคม ค.ศ. 2021 ออฟชารอฟเข้าร่วมการแข่งขัน WTT Doha เขาคว้าแชมป์รายการ WTT Contender และเข้าถึงรอบรองชนะเลิศในรายการ WTT Star Contender โดยเฉพาะอย่างยิ่งในรอบชิงชนะเลิศของ Contender เขาได้ปรับกลยุทธ์สำคัญเพื่อเอาชนะ หลิน หยุน-จู หลังจากที่เคยพ่ายแพ้ให้กับหลินมา 4 ครั้งก่อนหน้านั้น ผลจากผลงานในโดฮา ทำให้ออฟชารอฟกลับเข้ามาอยู่ในสิบอันดับแรกของโลกอีกครั้ง ในเดือนมิถุนายน เขาเข้าร่วมการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรป แต่พ่ายแพ้ให้กับเพื่อนร่วมทีมชาติเยอรมนีอย่าง ติโม โบลล์ ในรอบชิงชนะเลิศ และสองสัปดาห์ก่อนการแข่งขันโอลิมปิกฤดูร้อน 2020 ที่กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เขาต้องถอนตัวจากการซ้อมภายในทีมเยอรมนีเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่ขา อย่างไรก็ตาม เขาสามารถคว้าเหรียญทองแดงในประเภทชายเดี่ยว และผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศในประเภททีมชาย ซึ่งทำให้เขาได้รับเหรียญเงิน และสร้างประวัติศาสตร์เป็นนักเทเบิลเทนนิสชายที่ได้รับเหรียญโอลิมปิกมากที่สุดถึง 6 เหรียญ ในปี ค.ศ. 2022 เนื่องจากการรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย พ.ศ. 2565 สโมสรก๊าซพรอม ฟาเกล โอเรนเบิร์ก ซึ่งเป็นสโมสรที่ออฟชารอฟสังกัดอยู่ ถูกถอดออกจากการแข่งขันยูโรเปียนแชมเปียนส์ลีกฤดูกาล 2021-22 ในวันที่ 12 เมษายน ค.ศ. 2022 ออฟชารอฟได้ประกาศผ่านโซเชียลมีเดียว่าเขาจะไม่ต่อสัญญากับโอเรนเบิร์กและจะย้ายสโมสร ซึ่งสะท้อนถึงจุดยืนด้านมนุษยธรรมและสถานการณ์ทางการเมืองที่ส่งผลกระทบต่ออาชีพของเขา แม้จะมีการย้ายสโมสร ออฟชารอฟยังคงทำผลงานได้อย่างต่อเนื่อง โดยในปี ค.ศ. 2023 เขาคว้าเหรียญทองแดงประเภทชายคู่ในการแข่งขันเทเบิลเทนนิสชิงแชมป์โลก 2023 ที่เดอร์บัน ประเทศแอฟริกาใต้ และคว้าเหรียญทองประเภททีมชายในการแข่งขันยูโรเปียนเกมส์ 2023 ที่กรากุฟ-มาโลปอลสกา ประเทศโปแลนด์ นอกจากนี้ เขายังคว้าเหรียญทองแดงประเภทชายเดี่ยวในยุโรป ท็อป 16 ที่มงเทรอ และในปี ค.ศ. 2024 เขาก็คว้าเหรียญทองแดงประเภทชายเดี่ยวในการแข่งขันชิงแชมป์ยุโรปที่ลินซ์ ประเทศออสเตรีย ในโอลิมปิกฤดูร้อน 2024 เขาสามารถเข้าถึงรอบ 16 คนสุดท้ายในประเภทชายเดี่ยว
4. Playing style
ดิมิทรี ออฟชารอฟเป็นนักกีฬาที่เล่นด้วยมือขวาและใช้รูปแบบการจับไม้แบบเชคแฮนด์ (Shakehand grip) รูปแบบการเล่นของเขาโดดเด่นด้วยพลังและความหลากหลาย ซึ่งทำให้เขาสามารถเอาชนะนักกีฬาชั้นนำของจีนได้หลายครั้ง จุดแข็งที่สำคัญของออฟชารอฟคือการตีลูกไดรฟ์ทั้งสองมือ (โฟร์แฮนด์และแบ็คแฮนด์) ที่ทรงพลังและเฉียบคม โดยเฉพาะอย่างยิ่งลูกเสิร์ฟของเขาถือเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความหลากหลายในการเคลื่อนไหวที่คาดเดายาก ทำให้แม้แต่นักกีฬาชั้นนำก็ยังรับลูกเสิร์ฟของเขาได้ยาก นอกจากนี้ เขายังชำนาญในการเสิร์ฟลูกแบบหมอบตัว (Crouching serve) ซึ่งเพิ่มความซับซ้อนให้กับการเล่นของเขาอีกด้วย
ในการรับลูก ออฟชารอฟมักใช้การทสึกกิ (Tsukki) หรือการดันลูกแบ็คแฮนด์ที่เฉือนลูกได้อย่างรุนแรง และมักจะใช้เป็นจุดเริ่มต้นในการเข้าสู่การเล่นแลกเปลี่ยนลูก อย่างมีนัยสำคัญ ในอดีตลูกรับ (โดยเฉพาะทางด้านโฟร์แฮนด์) ของเขามักถูกมองว่ายังไม่แข็งแกร่งเท่าที่ควร แต่หลังจากที่เขาพัฒนาและใช้ลูกแบ็คแฮนด์ไดรฟ์บนโต๊ะและชิกีตา (Chiquita) หรือลูกพลิกข้อมือแบ็คแฮนด์บ่อยขึ้น ผลงานของเขาก็พัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากนี้ ออฟชารอฟยังมีความสามารถในการป้องกันลูกจากกลางและหลังโต๊ะ และสามารถตอบโต้กลับด้วยการตีลูกที่ทรงพลัง ซึ่งทำให้เขามีความยืดหยุ่นในการเล่นและเป็นคู่ต่อสู้ที่น่าเกรงขาม
5. Equipment
ดิมิทรี ออฟชารอฟเป็นนักกีฬาในสังกัดของบัตเตอร์ฟลาย ซึ่งเป็นบริษัทผลิตอุปกรณ์เทเบิลเทนนิสชื่อดังระดับโลก อุปกรณ์ที่เขาใช้ในการแข่งขันประกอบด้วย:
- ไม้เทเบิลเทนนิส (Blade): บัตเตอร์ฟลาย ออฟชารอฟ อินเนอร์ฟอร์ซ เอแอลซี (Butterfly Ovtcharov Innerforce ALC)
- ยางไม้หน้า (Forehand Rubber): บัตเตอร์ฟลาย ดิกนิกส์ 09ซี (Butterfly Dignics 09C)
- ยางไม้หลัง (Backhand Rubber): บัตเตอร์ฟลาย ดิกนิกส์ 05 (Butterfly Dignics 05)
6. Club career
ตลอดเส้นทางอาชีพของดิมิทรี ออฟชารอฟ เขาได้สังกัดสโมสรชั้นนำหลายแห่งในยุโรป ดังนี้:
- ทีเอสวี ชวาลเบอ ทืนเดิร์น (TSV Schwalbe Tündern) (จนถึง ค.ศ. 2007)
- โบรุสเซีย ดึสเซลดอร์ฟ (Borussia Düsseldorf) (ค.ศ. 2007-2009)
- รอยัล วิลแลตต์ ชาร์เลอรัว (Royal Villette Charleroi) (ค.ศ. 2009-2010)
- ก๊าซพรอม ฟาเกล โอเรนเบิร์ก (Gazprom Fakel Orenburg) (ค.ศ. 2010-2022) - สโมสรแห่งนี้ถูกถอดออกจากการแข่งขันยูโรเปียนแชมเปียนส์ลีกในฤดูกาล 2021-22 เนื่องจากการรุกรานยูเครนโดยรัสเซีย พ.ศ. 2565 ซึ่งทำให้ออฟชารอฟตัดสินใจไม่ต่อสัญญากับสโมสรและย้ายออกไปในปี ค.ศ. 2022
- ทีทีซี นอย-อุล์ม (TTC Neu-Ulm) (ค.ศ. 2022-2024)
- โอลิมเปียกอส ไปเรอุส (Olympiakos Piraeus) (ค.ศ. 2023-2024)
- ทีทีซี เรินชปรูเดิล ฟุลดา-มาเบอร์เซลล์ (TTC RhönSprudel Fulda-Maberzell) (ค.ศ. 2024-ปัจจุบัน)
7. Personal life
ดิมิทรี ออฟชารอฟได้แต่งงานกับ เจนนี เมลสตรอม นักเทเบิลเทนนิสชาวสวีเดน ในปี ค.ศ. 2013 ทั้งคู่มีบุตรสาวด้วยกันหนึ่งคนชื่อเอ็มมา ซึ่งเกิดในปี ค.ศ. 2016 ชีวิตส่วนตัวของออฟชารอฟแสดงให้เห็นถึงการรักษาสมดุลระหว่างอาชีพนักกีฬาชั้นนำกับบทบาทในฐานะสามีและบิดา
8. Career statistics and records
ดิมิทรี ออฟชารอฟเป็นหนึ่งในนักกีฬาเทเบิลเทนนิสที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีสถิติและบันทึกผลงานที่น่าประทับใจในการแข่งขันระดับนานาชาติมากมาย:
โอลิมปิกเกมส์
- เหรียญเงิน (ประเภททีม): โอลิมปิกฤดูร้อน 2008 (ปักกิ่ง), โอลิมปิกฤดูร้อน 2020 (โตเกียว)
- เหรียญทองแดง (ประเภทชายเดี่ยว): โอลิมปิกฤดูร้อน 2012 (ลอนดอน), โอลิมปิกฤดูร้อน 2020 (โตเกียว)
- เหรียญทองแดง (ประเภททีม): โอลิมปิกฤดูร้อน 2012 (ลอนดอน), โอลิมปิกฤดูร้อน 2016 (รีโอเดจาเนโร)
- เข้าถึงรอบ 16 คนสุดท้าย (ชายเดี่ยว): ค.ศ. 2008, ค.ศ. 2024
- เข้าถึงรอบก่อนรองชนะเลิศ (ชายเดี่ยว): ค.ศ. 2016
เทเบิลเทนนิสชิงแชมป์โลก
- เหรียญเงิน (ประเภททีม): ค.ศ. 2010 (มอสโก), ค.ศ. 2012 (ดอร์ทมุนด์), ค.ศ. 2014 (โตเกียว), ค.ศ. 2018 (ฮัลมสตัด)
- เหรียญทองแดง (ประเภทชายคู่): ค.ศ. 2023 (เดอร์บัน)
- เข้าถึงรอบ 16 คนสุดท้าย (ชายเดี่ยว): ค.ศ. 2009, ค.ศ. 2011, ค.ศ. 2013, ค.ศ. 2017
- เข้าถึงรอบ 64 คนสุดท้าย (ชายเดี่ยว): ค.ศ. 2015
- เข้าถึงรอบ 16 คนสุดท้าย (ชายคู่): ค.ศ. 2009
- เข้าถึงรอบ 64 คนสุดท้าย (คู่ผสม): ค.ศ. 2007
เทเบิลเทนนิสเวิลด์คัพ
- เหรียญทอง (ประเภทชายเดี่ยว): ค.ศ. 2017 (ลีแยฌ)
- เหรียญทองแดง (ประเภททีม): ค.ศ. 2009 (ลินซ์), ค.ศ. 2011 (มักเดอบวร์ค)
- เหรียญทองแดง (ประเภทชายเดี่ยว): ค.ศ. 2013 (แวร์วีเยร์), ค.ศ. 2015 (ฮัลมสตัด)
ยูโรเปียนเกมส์
- เหรียญทอง (ประเภทชายเดี่ยว): ค.ศ. 2015 (บากู)
- เหรียญทอง (ประเภททีม): ค.ศ. 2019 (มินสค์), ค.ศ. 2023 (กรากุฟ-มาโลปอลสกา)
- อันดับ 4 (ประเภททีม): ค.ศ. 2015 (บากู)
เทเบิลเทนนิสชิงแชมป์ยุโรป
- เหรียญทอง (ประเภททีม): ค.ศ. 2007 (เบลเกรด), ค.ศ. 2008 (เซนต์ปีเตอส์เบิร์ก), ค.ศ. 2009 (ชตุทท์การ์ท), ค.ศ. 2010 (ออสตราวา), ค.ศ. 2011 (โซปอต), ค.ศ. 2013 (ชเวชาต), ค.ศ. 2017 (ลักเซมเบิร์กซิตี), ค.ศ. 2019 (น็องต์)
- เหรียญทอง (ประเภทชายเดี่ยว): ค.ศ. 2013 (ชเวชาต), ค.ศ. 2015 (เยคาเตรินบุร์ก)
- เหรียญเงิน (ประเภททีม): ค.ศ. 2014 (ลิสบอน), ค.ศ. 2015 (เยคาเตรินบุร์ก)
- เหรียญเงิน (ประเภทชายเดี่ยว): ค.ศ. 2020 (วอร์ซอ)
- เหรียญทองแดง (ประเภทชายเดี่ยว): ค.ศ. 2007 (เบลเกรด), ค.ศ. 2024 (ลินซ์)
- เหรียญทองแดง (ประเภทชายคู่): ค.ศ. 2012 (เฮอร์นิง)
ยุโรป ท็อป 12/ท็อป 16
- เหรียญทอง (ประเภทชายเดี่ยว): ค.ศ. 2012 (ลียง), ค.ศ. 2015 (บากู), ค.ศ. 2016 (กอนโดมาร์), ค.ศ. 2017 (อ็องติบ), ค.ศ. 2019 (มงเทรอ)
- เหรียญเงิน (ประเภทชายเดี่ยว): ค.ศ. 2018 (มงเทรอ)
- เหรียญทองแดง (ประเภทชายเดี่ยว): ค.ศ. 2014 (โลซาน), ค.ศ. 2023 (มงเทรอ)
ไอทีทีเอฟ เวิลด์ทัวร์
- ชนะเลิศ (ชายเดี่ยว) 9 รายการ: อินเดียโอเพน ค.ศ. 2010, บราซิลโอเพน ค.ศ. 2011, โคเรียโอเพน ค.ศ. 2011, เยอรมันโอเพน ค.ศ. 2012, เยอรมันโอเพน ค.ศ. 2014, อินเดียโอเพน ค.ศ. 2017, ไชนาโอเพน ค.ศ. 2017, บัลแกเรียโอเพน ค.ศ. 2017, เยอรมันโอเพน ค.ศ. 2017
- รองชนะเลิศ (ชายเดี่ยว) 2 รายการ: เดนิชโอเพน ค.ศ. 2009, โปลิชโอเพน ค.ศ. 2010
- ชนะเลิศ (ชายคู่) 1 รายการ: ไชนีสไทเปโอเพน ค.ศ. 2007
ไอทีทีเอฟ เวิลด์ทัวร์ แกรนด์ไฟนอลส์
- รองชนะเลิศ (ชายเดี่ยว): ค.ศ. 2014, ค.ศ. 2017
- รอบก่อนรองชนะเลิศ (ชายคู่): ค.ศ. 2007
เทเบิลเทนนิสชิงแชมป์โลกเยาวชน
- เหรียญทองแดง (ชายเดี่ยว): ค.ศ. 2006 (ไคโร)
- เหรียญทองแดง (คู่ผสม): ค.ศ. 2006 (ไคโร)
- เหรียญทองแดง (ประเภททีม): ค.ศ. 2006 (ไคโร)
อันดับโลกสูงสุด
- มือวางอันดับ 1 ของโลก: มกราคม ค.ศ. 2018
วันที่ | อันดับโลก |
---|---|
มกราคม ค.ศ. 2018 | 1 |
พฤศจิกายน ค.ศ. 2022 | 9 |
25 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2025 | 20 |
9. Legacy and influence
ดิมิทรี ออฟชารอฟได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักกีฬาเทเบิลเทนนิสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของเยอรมนีและของโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการเป็นนักกีฬาเทเบิลเทนนิสชายที่ได้รับเหรียญรางวัลโอลิมปิกมากที่สุดถึง 6 เหรียญ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความสม่ำเสมอและความยอดเยี่ยมในระดับสูงสุดของเขา สถานะของเขาในวงการเทเบิลเทนนิสนั้นแข็งแกร่ง ไม่เพียงเพราะความสำเร็จด้านเหรียญรางวัล แต่ยังรวมถึงอิทธิพลที่เขามีต่อการพัฒนาเทคนิคการเล่น เทคนิคการเสิร์ฟอันเป็นเอกลักษณ์และหลากหลายของเขาได้กลายเป็นที่กล่าวขานและเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้เล่นรุ่นหลังหลายคนในการพัฒนาทักษะของตนเอง
นอกจากผลงานในสนามแล้ว ออฟชารอฟยังแสดงให้เห็นถึงความเป็นนักกีฬาที่มีน้ำใจและเป็นแบบอย่างที่ดี ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับคู่แข่งและเพื่อนร่วมทีมอย่างติโม โบลล์ หรือมิตรภาพกับมิซูทานิ จุน นักกีฬาเทเบิลเทนนิสชาวญี่ปุ่น ซึ่งเคยเป็นทั้งเพื่อนร่วมทีมในลีกรัสเซียและเทเบิลเทนนิส บุนเดสลีกา รวมถึงเป็นคู่แข่งที่แข็งแกร่งในการแข่งขันระดับนานาชาติ สะท้อนให้เห็นถึงความเคารพซึ่งกันและกันและความเป็นมืออาชีพ ออฟชารอฟเคยกล่าวถึงการได้ร่วมทีมกับมิซูทานิว่า "ผมดีใจมากที่ได้เล่นในสโมสรเดียวกับเขา ยินดีต้อนรับนะจุน!" ซึ่งแสดงถึงทัศนคติเชิงบวกของเขา อิทธิพลของออฟชารอฟจึงไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่เทคนิคหรือสถิติ แต่ยังรวมถึงจิตวิญญาณแห่งการแข่งขันและการกีฬาที่เขาสร้างสรรค์ขึ้นตลอดอาชีพการงานของเขา