1. ภาพรวม
จิน ซื่อเจี๋ย (金士傑Chinese) เป็นนักแสดง ผู้กำกับ และนักเขียนบทละครชาวไต้หวันที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในวงการศิลปะการแสดง เขาเกิดเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2494 ที่เทศมณฑลผิงตง ไต้หวัน ตลอดอาชีพการงานอันยาวนานของเขา จิน ซื่อเจี๋ย ได้สร้างผลงานอันเป็นที่ประจักษ์มากมายในด้านละครเวที ภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์ เขามีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวงการละครเวทีร่วมสมัยของไต้หวัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากการร่วมงานกับคณะละครชั้นนำหลายแห่ง ผลงานของเขาโดดเด่นด้วยความสามารถในการแสดงบทบาทที่หลากหลาย และมีอิทธิพลอย่างมากต่อศิลปะและวัฒนธรรมของไต้หวัน
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
จิน ซื่อเจี๋ย มีชีวิตวัยเด็กและการศึกษาที่ปูพื้นฐานสู่การเป็นนักแสดงและผู้สร้างผลงานศิลปะที่มีชื่อเสียงในไต้หวัน
2.1. การเกิดและภูมิหลังครอบครัว
จิน ซื่อเจี๋ย เกิดเมื่อวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2494 ที่เมืองตงกัง เทศมณฑลผิงตง ไต้หวัน ในช่วงวัยทารก เขาเคยอาศัยอยู่ในเมือง ซินเป่ย มาก่อน ครอบครัวของเขามีพื้นเพจาก เหอเฟย มณฑลอานฮุย ในจีนแผ่นดินใหญ่ บิดาของเขาคือ จิน อิง (金英Chinese) ซึ่งเป็นอดีตนายทหารยศพันโทของ กองทัพอากาศสาธารณรัฐจีน
2.2. การศึกษาและการเริ่มต้นอาชีพ
จิน ซื่อเจี๋ย สำเร็จการศึกษาจาก มหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติผิงตง เขาเริ่มต้นเส้นทางอาชีพในวงการศิลปะการแสดงครั้งแรกในฐานะนักแสดงละครเวทีในปี พ.ศ. 2515 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของอาชีพการแสดงที่ยาวนานและหลากหลายของเขา หนึ่งในผลงานละครโทรทัศน์ที่เขาเป็นที่รู้จักในช่วงต้นอาชีพคือเรื่อง Wo ta lang er lai ในปี พ.ศ. 2521
3. อาชีพการแสดง
อาชีพการแสดงของจิน ซื่อเจี๋ย มีความโดดเด่นและหลากหลาย ครอบคลุมทั้งละครเวที ภาพยนตร์ และละครโทรทัศน์ ซึ่งทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในบุคคลสำคัญในวงการบันเทิงของไต้หวัน
3.1. กิจกรรมในโรงละคร
จิน ซื่อเจี๋ย เป็นที่รู้จักจากผลงานของเขากับคณะละครเวทีที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง ได้แก่ Performance Workshop (表演工作坊Chinese), Lanling Theatre (蘭陵劇坊Chinese) และ Godot Theater Company (果陀劇場Chinese)
ในช่วงต้นอาชีพการงาน เขามีชื่อเสียงในฐานะผู้กำกับ โดยในปี พ.ศ. 2523 เขาได้กำกับการแสดงละครเรื่อง Ho Chu's New Match ให้กับคณะละคร Lanling Theatre ต่อมาในปี พ.ศ. 2545 เขายังได้กำกับการแสดงละครเรื่อง She is Walking, She is Smiling ซึ่งจัดแสดงที่ โรงละครแห่งชาติและหอแสดงคอนเสิร์ตไทเป โดยคณะ Performance Workshop
ในปี พ.ศ. 2546 จิน ซื่อเจี๋ย ได้รับบทในละครเวทีเรื่อง Art ซึ่งเป็นผลงานของ Godot Theater Company โดยร่วมแสดงกับ กู้ เป่าหมิง และ หลี่ ลี่ฉุน ในปี พ.ศ. 2550 เขาแสดงในละครเพลงเรื่อง Irma la Douce ซึ่งมีการจัดแสดงหลายครั้งที่ หอรำลึกซุนยัตเซ็น โรงละครแห่งชาติ และ หอแสดงศิลปะการแสดงซินจู๋
ปี พ.ศ. 2551 จิน ซื่อเจี๋ย แสดงนำในละครเวทีเรื่อง Othello โดยร่วมแสดงกับหลี่ ลี่ฉุน การแสดงนี้จัดขึ้นทั่วไต้หวันเพื่อฉลองครบรอบ 20 ปีของ Godot Theater Company และการแสดงของ Othello ยังคงดำเนินต่อไปจนถึงเดือนมกราคม พ.ศ. 2552 โดยที่จิน ซื่อเจี๋ย ยังคงเป็นส่วนหนึ่งของคณะนักแสดง ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2552 เขากลับมากำกับละครเรื่อง Ho Chu's New Match อีกครั้ง
ปี พ.ศ. 2553 จิน ซื่อเจี๋ย ปรากฏตัวในละครเรื่อง The 39 Steps ของ Godot ซึ่งนับเป็นการผลิตครั้งแรกที่ได้รับอนุญาตให้ใช้ภาษาจีนขณะที่ยังคงจัดแสดงในนิวยอร์กและลอนดอน ถัดมาในปี พ.ศ. 2554 เขาได้ขึ้นแสดงบนเวทีในเรื่อง Tuesdays with Morrie ซึ่งอ้างอิงจากบันทึกความทรงจำชื่อเดียวกัน การแสดงนี้จัดขึ้นใน ไทเป และ ไถจง จนถึงเดือนมีนาคม พ.ศ. 2555 และในปี พ.ศ. 2556 จิน ซื่อเจี๋ย ได้เข้าร่วมคณะนักแสดงในละครเรื่อง A Dream Like A Dream ของ สแตน ไล่
3.2. กิจกรรมในภาพยนตร์และโทรทัศน์
จิน ซื่อเจี๋ย ได้รับบทบาทสำคัญในภาพยนตร์หลายเรื่อง รวมถึงผลงานการกำกับเรื่องแรกของ โจว ลี่ Zoom Hunting (2010) และภาพยนตร์เรื่องแรกของ หลิน ฝูชิง Jumping Boy (不倒翁的奇幻旅程Chinese) (2012)
เขามักจะร่วมงานกับผู้กำกับ จง ม่งหง โดยปรากฏตัวในภาพยนตร์เรื่อง The Fourth Portrait (2010) และ Soul (2013) ในปี พ.ศ. 2558 จิน ซื่อเจี๋ย ได้ให้เสียงบรรยายในสารคดีเรื่อง The Rocking Sky (冲天 (紀錄片)Chinese) และในปี พ.ศ. 2559 เขารับบทเป็นเจ้าพ่อธุรกิจในภาพยนตร์เรื่อง Love in Vain (獨一無二 (台灣電影)Chinese)
4. รางวัลและการยอมรับ
ตลอดอาชีพการงานที่โดดเด่นของเขา จิน ซื่อเจี๋ย ได้รับรางวัลและการยอมรับอย่างเป็นทางการมากมาย ซึ่งสะท้อนถึงความสามารถอันเป็นเลิศและการมีส่วนร่วมที่สำคัญในวงการศิลปะการแสดง หนึ่งในรางวัลที่สำคัญที่สุดที่เขาได้รับคือ รางวัลศิลปะแห่งชาติ (國家文藝獎Chinese) ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2552 ซึ่งเขาได้รับร่วมกับ หวัง ต้าหง และบุคคลอื่น ๆ อีกสี่คน
5. ผลงานการแสดงที่เลือกสรร
จิน ซื่อเจี๋ย มีผลงานการแสดงที่หลากหลายในทั้งภาพยนตร์ ละครโทรทัศน์ และละครเวที โดยมีผลงานที่สำคัญดังต่อไปนี้:
- Wo ta lang er lai (1978)
- Liu chao guai tan (1979)
- You wo wu di (1980)
- Xin hai shuang shi (1981)
- Terrorizers (1986) - ชู้รักของโจว
- Soursweet (1988) - พี่ชายกลางคืน
- A Brighter Summer Day (1991) - อาเจ็ดของหมิง
- Qi wang (1991) - เหง่ยขายาว
- Secret Love for the Peach Blossom Spring (1993) - เจียง ปินหลิว
- The Great Conqueror's Concubine (1994)
- Tian Di (1994) - แมวชานตง
- Island of Greed (1997) - หัวหน้าของเฟย
- The Personals (1998)
- Guo jong (1999) - คุณหลิว
- Born to Be King (2000)
- She is Walking, She is Smiling (2002)
- Art (2003)
- The Rise of the Tang Empire (2006, ละครโทรทัศน์) - เว่ย เจิง
- Irma La Douce (2007)
- Ting che (2008)
- Dou cha (2008)
- Othello (2008-2009, ละครโทรทัศน์)
- Black & White (2009, ละครโทรทัศน์)
- Empire of Silver (2009) - ผู้จัดการหลิว
- Tai bei piao xue (2009) - อาจารย์หม่า
- Ho Chu's New Match (2009)
- Zoom Hunting (2010) - พนักงานเปิดประตู
- The Fourth Portrait (2010) - จาง
- Reign of Assassins (2010) - หมอหลี่
- 17th Exit (公視人生劇展-十七號出入口) (2010) - เยว่เซิ่ง ตู้
- Mang ren dian ying yuan (2010)
- The 39 Steps (2010) - คุณปู่
- The Invaluable Treasure 1949 (瑰寶1949Chinese) (2011, ละครโทรทัศน์) - หยาง เล่ย
- In Time with You (2011, ละครโทรทัศน์) - ลุงไป่
- Tuesdays with Morrie (2011-2012, ละครโทรทัศน์)
- Jumping Boy (不倒翁의奇幻旅程Chinese) (2012) - เถียน เปียน
- The Guillotines (2012) - ว่าน เจียง
- A Dream Like A Dream (2013)
- The Grandmaster (2013)
- Soul (2013) - คนส่งสาร
- Rock N' Road (2014, ละครโทรทัศน์) - เคอ จงหมิง
- Brotherhood of Blades (2014) - เว่ย จงเสียน
- Black & White Episode I: The Dawn of Assault (2014) - สือ หย่งกวง
- Mr. Right Wanted (2015, ละครโทรทัศน์) - หยู เหวิน
- Double Date (2015)
- Du yi wu er (2015)
- The Last Women Standing (2015) - พ่อของเชิ่ง
- The Final Master (2015) - เจิ้ง ซานอ้าว - ปรมาจารย์
- Detective Chinatown (2015) - คุณหยาน
- The Rocking Sky (冲天 (紀錄片)Chinese) (2015, สารคดี) - ผู้บรรยาย (เสียง)
- E ling zhi men (2016)
- Big Fish & Begonia (2016) - หลิง ป๋อ (เสียง)
- Godspeed (2016) - พ่อของนาตู
- See You Tomorrow (2016) - เทพเจ้าแห่งปิง
- Ni hao, feng zi! (2016) - ไน่เอิน เสี่ยว
- The Apparition (2016)
- Love in Vain (獨一無二 (台灣電影)Chinese) (2016)
- Provoking Laughter (2016)
- The Rise of a Tomboy (2016)
- Duckweed (2017) - ผู้กำกับตำรวจ
- Once Upon a Time in the Northeast (2017) - เจียง ตง
- Surgeons (2017, ละครโทรทัศน์) - ซิว หมิ่นฉี
- Brotherhood of Blades II: The Infernal Battlefield (2017) - เว่ย จงเสียน
- Reset (2017) - ผู้กำกับ
- Princess Agents (2017, ละครโทรทัศน์) - ยู่เหวิน ซี
- Da Hu Fa (2017) - จี๋อัน
- Le portrait interdit (2017) - แม่ทัพเฉิน
- Inference Notes (2017) - โจว
- Midnight Diner (2017, ละครโทรทัศน์)
- Hua jia da ren zhuan nan hai (2018) - คุณฟาง
- The Way of the Bug (2018) - ลุงต้า
- Great Expectations (2018, ละครโทรทัศน์) - หวง ช่าง
- Ren jian, xi ju (2019) - หยาง ไท่จุน
- A Live Kidnap Show (2019)
- Wo de qing chun dou shi ni (2019) - ศาสตราจารย์หวัง
- Qi Huan Zhi Lv (2019)
- San Cha Ji (2020)
- Winter Begonia (2020)
- A Place Called Silence (2024) - ฟาง เจวี๋ยจง
6. ชีวิตส่วนตัว
ข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของจิน ซื่อเจี๋ยที่เปิดเผยต่อสาธารณะมีค่อนข้างจำกัด แม้ว่ารายละเอียดเกี่ยวกับการแต่งงาน ความสัมพันธ์ในครอบครัว หรืองานอดิเรกของเขาจะไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดมากนัก แต่เขายังคงเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงและเป็นที่เคารพในวงการศิลปะการแสดง
7. มรดกและอิทธิพล
จิน ซื่อเจี๋ย ได้ทิ้งมรดกอันยิ่งใหญ่และสร้างอิทธิพลอย่างลึกซึ้งต่อวงการละครเวทีและภาพยนตร์ไต้หวัน เขาได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักแสดง ผู้กำกับ และนักเขียนบทละครที่มีพรสวรรค์และมีความคิดสร้างสรรค์มากที่สุดในยุคของเขา การที่เขาร่วมงานกับคณะละครชั้นนำอย่าง Performance Workshop, Lanling Theatre และ Godot Theater Company ได้มีส่วนสำคัญในการบุกเบิกและยกระดับมาตรฐานของละครเวทีร่วมสมัยในไต้หวันให้มีความเป็นสากลและเข้าถึงผู้ชมในวงกว้าง
ผลงานของจิน ซื่อเจี๋ย ไม่เพียงแต่สะท้อนถึงความสามารถอันโดดเด่นของเขาในการแสดงบทบาทที่หลากหลาย ตั้งแต่ตัวละครที่ซับซ้อนในละครเวทีแนวหนักแน่นไปจนถึงบทบาทที่มีชีวิตชีวาในภาพยนตร์ แต่ยังรวมถึงความมุ่งมั่นในการผลักดันขอบเขตของการแสดงออกทางศิลปะ เขามักจะเลือกบทบาทและโครงการที่ท้าทาย แสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญทางศิลปะและวิสัยทัศน์ที่กว้างไกล ซึ่งมีส่วนช่วยในการถกเถียงทางวัฒนธรรมและสะท้อนค่านิยมทางสังคมของไต้หวัน การที่เขาได้รับรางวัลศิลปะแห่งชาติยังตอกย้ำถึงการยอมรับในคุณูปการอันมหาศาลของเขาต่อมรดกทางวัฒนธรรมของไต้หวัน ทำให้เขากลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับนักแสดงและผู้สร้างผลงานรุ่นหลังจำนวนมาก.