1. Overview
คิมเบอร์ลี ซู ยัง โอ'มารา (Kimberly Sue Young O'Maraคิมเบอร์ลี ซู ยัง โอ'มาราภาษาอังกฤษ) เป็นนักจิตวิทยาและผู้เชี่ยวชาญด้านการติดอินเทอร์เน็ต รวมถึงพฤติกรรมออนไลน์ เธอเป็นผู้บุกเบิกในการศึกษาและบำบัดความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการใช้อินเทอร์เน็ต โดยเป็นผู้ก่อตั้งศูนย์เพื่อการบำบัดการติดอินเทอร์เน็ตและพัฒนาแบบทดสอบการติดอินเทอร์เน็ต (IAT) ซึ่งเป็นเครื่องมือสำคัญในการประเมินอาการ เธอให้ความสำคัญอย่างยิ่งกับการแก้ไขปัญหาสังคมและส่งเสริมสวัสดิการสาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีส่วนร่วมในการให้การเป็นพยานสำหรับพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กออนไลน์ และการให้คำแนะนำเชิงปฏิบัติเพื่อปกป้องกลุ่มเปราะบาง โดยเฉพาะเด็ก ๆ จากผลกระทบเชิงลบของเทคโนโลยี ผลงานของเธอยังคงเป็นรากฐานสำคัญในการทำความเข้าใจและจัดการกับความท้าทายในยุคดิจิทัล
2. ชีวประวัติและการศึกษา
คิมเบอร์ลี ยัง มีภูมิหลังด้านการศึกษาและอาชีพที่หลากหลาย ซึ่งเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการเป็นผู้บุกเบิกในการศึกษาพฤติกรรมออนไลน์และการติดอินเทอร์เน็ตในเวลาต่อมา
2.1. ชีวิตช่วงต้นและการศึกษา
คิมเบอร์ลี ซู ยัง โอ'มารา เกิดเมื่อวันที่ 9 กันยายน ค.ศ. 1965 ที่เมืองบัฟฟาโล รัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เธอสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาบริหารธุรกิจจากมหาวิทยาลัยบัฟฟาโล (University at Buffaloมหาวิทยาลัยบัฟฟาโลภาษาอังกฤษ) ในปี ค.ศ. 1988 โดยมีความเชี่ยวชาญด้านการเงินและระบบสารสนเทศเพื่อการจัดการ หลังจากนั้น เธอได้ศึกษาต่อด้านจิตวิทยาคลินิกที่มหาวิทยาลัยอินดีแอนาแห่งเพนซิลเวเนีย (Indiana University of Pennsylvaniaมหาวิทยาลัยอินดีแอนาแห่งเพนซิลเวเนียภาษาอังกฤษ) โดยได้รับปริญญาโทในปี ค.ศ. 1992 และปริญญาเอกในปี ค.ศ. 1994 ซึ่งครอบคลุมสาขาวิชาพฤติกรรมศาสตร์และประสาทจิตวิทยา
2.2. อาชีพช่วงต้นและกิจกรรมทางวิชาการ
หลังจากสำเร็จการศึกษา คิมเบอร์ลี ยัง ได้เริ่มต้นอาชีพในฐานะนักวิจัยหลังปริญญาเอกที่ศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ (University of Rochester Medical Centerศูนย์การแพทย์มหาวิทยาลัยโรเชสเตอร์ภาษาอังกฤษ) ในปี ค.ศ. 1995 เธอได้เข้าร่วมเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาที่มหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์กวิทยาเขตแบรดฟอร์ด (University of Pittsburgh at Bradfordมหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์กวิทยาเขตแบรดฟอร์ดภาษาอังกฤษ) และดำรงตำแหน่งที่นั่นจนถึงปี ค.ศ. 2002 ก่อนจะย้ายไปเป็นรองศาสตราจารย์ด้านการจัดการที่มหาวิทยาลัยเซนต์โบนาเวนเจอร์ (St. Bonaventure Universityมหาวิทยาลัยเซนต์โบนาเวนเจอร์ภาษาอังกฤษ) ในปี ค.ศ. 2006 เธอได้ย้ายไปประจำที่คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนจันดอลี (Jandoli School of Communicationคณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชนจันดอลีภาษาอังกฤษ) ของมหาวิทยาลัยเซนต์โบนาเวนเจอร์ และรับผิดชอบดูแลโครงการปริญญาโทด้านภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ (strategic leadershipภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ภาษาอังกฤษ) ตลอดอาชีพการงานของเธอ ยัง เป็นสมาชิกของสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน (American Psychological Associationสมาคมจิตวิทยาอเมริกันภาษาอังกฤษ) สมาคมจิตวิทยาแห่งเพนซิลเวเนีย และเป็นผู้ร่วมก่อตั้งสมาคมระหว่างประเทศว่าด้วยสุขภาพจิตออนไลน์ (International Society of Mental Health Onlineสมาคมระหว่างประเทศว่าด้วยสุขภาพจิตออนไลน์ภาษาอังกฤษ)
3. กิจกรรมและผลงานทางวิชาการที่สำคัญ
ผลงานวิชาการของคิมเบอร์ลี ยัง มุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจและการแก้ไขปัญหาที่เกิดจากพฤติกรรมการใช้อินเทอร์เน็ต โดยเฉพาะอย่างยิ่งการติดอินเทอร์เน็ต ซึ่งเป็นสาขาที่เธอเป็นผู้บุกเบิกในการวางรากฐานและสร้างความตระหนักรู้
3.1. การวิจัยเรื่องการติดอินเทอร์เน็ต
ความสนใจของยังในการวิจัยเรื่องการติดอินเทอร์เน็ต (Internet addictionการติดอินเทอร์เน็ตภาษาอังกฤษ) เริ่มต้นขึ้นในช่วงทศวรรษ 1990 ซึ่งเป็นช่วงที่อินเทอร์เน็ตเริ่มแพร่หลายอย่างรวดเร็ว แรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากกรณีที่สามีของเพื่อนเธอใช้จ่ายเงินหลายร้อยดอลลาร์ต่อเดือนเพื่อเข้าร่วมห้องสนทนา (chat roomsห้องสนทนาภาษาอังกฤษ) ของเอโอแอล (AOLเอโอแอลภาษาอังกฤษ) เธอสังเกตเห็นว่าขณะที่สื่อกระแสหลักหลายแห่งเริ่มใช้คำว่า "ผู้ติดออนไลน์" (online addictsผู้ติดออนไลน์ภาษาอังกฤษ) สหรัฐอเมริกายังคงล่าช้ากว่าประเทศอื่น ๆ ในการตระหนักถึงการใช้อินเทอร์เน็ตที่มากเกินไปว่าเป็นอาการเสพติด และยังรู้สึกประหลาดใจที่การศึกษาเกี่ยวกับปรากฏการณ์การติดอินเทอร์เน็ตมีน้อยมาก ในปี ค.ศ. 1998 ยังได้พัฒนาแบบทดสอบการติดอินเทอร์เน็ต (Internet Addiction Testแบบทดสอบการติดอินเทอร์เน็ตภาษาอังกฤษ) หรือ IAT เพื่อประเมินอาการของการติดอินเทอร์เน็ตและพฤติกรรมบังคับในผู้ใหญ่ งานวิจัยบุกเบิกของเธอได้รับการยอมรับจากสมาคมจิตวิทยาอเมริกัน แม้ว่าอาการดังกล่าวยังไม่ได้รับการระบุอย่างเป็นทางการในคู่มือการวินิจฉัยและสถิติสำหรับความผิดปกติทางจิต (Diagnostic and Statistical Manual of Mental Disordersคู่มือการวินิจฉัยและสถิติสำหรับความผิดปกติทางจิตภาษาอังกฤษ) นอกจากนี้ เธอยังได้ให้การเป็นพยานในฐานะผู้เชี่ยวชาญต่อคณะกรรมาธิการรัฐสภาสหรัฐ (United States Congressรัฐสภาสหรัฐภาษาอังกฤษ) ในการพิจารณาพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กออนไลน์ (Child Protection Online Actพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กออนไลน์ภาษาอังกฤษ) ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทสำคัญของเธอในการปกป้องกลุ่มเปราะบางจากผลกระทบเชิงลบของเทคโนโลยี
ยัง ได้เตือนว่าการวัดการติดเทคโนโลยีอย่างเคร่งครัดตามระยะเวลาที่ใช้นั้นไม่เพียงพอ แต่ควรมองว่าชีวิตของบุคคลนั้น ๆ มีความผิดปกติเพียงใดอันเนื่องมาจากการใช้เทคโนโลยี เธอเชื่อว่าการติดดิจิทัลคล้ายกับการติดยาเสพติดและการติดแอลกอฮอล์ และงานวิจัยล่าสุดแสดงให้เห็นว่าอุปกรณ์ดิจิทัลสามารถส่งผลกระทบต่อสมองได้ในลักษณะเดียวกับโคเคน (cocaineโคเคนภาษาอังกฤษ) และเฮโรอีน (heroinเฮโรอีนภาษาอังกฤษ)
3.2. ศูนย์เพื่อการบำบัดการติดอินเทอร์เน็ต
ในปี ค.ศ. 1995 ขณะที่ยังเป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์ที่มหาวิทยาลัยพิตต์สเบิร์กวิทยาเขตแบรดฟอร์ด คิมเบอร์ลี ยัง ได้ก่อตั้งศูนย์เพื่อการบำบัดการติดอินเทอร์เน็ต (Center for Internet Addictionศูนย์เพื่อการบำบัดการติดอินเทอร์เน็ตภาษาอังกฤษ) ขึ้น ซึ่งทำให้เธอเป็นหนึ่งในนักวิจัยกลุ่มแรก ๆ ในสหรัฐอเมริกาที่ศึกษาความผิดปกตินี้ เมื่อเธอย้ายไปมหาวิทยาลัยเซนต์โบนาเวนเจอร์ในปี ค.ศ. 2002 เธอยังคงทำงานวิจัยและปฏิบัติการคลินิกในฐานะผู้อำนวยการคลินิกของศูนย์เพื่อการเสพติดออนไลน์ (Center for Online Addictionศูนย์เพื่อการเสพติดออนไลน์ภาษาอังกฤษ) ต่อไป ศูนย์แห่งนี้มีบทบาทสำคัญในการศึกษา วินิจฉัย และให้การบำบัดแก่ผู้ที่ประสบปัญหาการติดอินเทอร์เน็ต
3.3. แนวทางการป้องกันและบำบัดการติดอินเทอร์เน็ต
คิมเบอร์ลี ยัง เน้นย้ำถึงความสำคัญที่ผู้ปกครองจะต้องกำหนดกฎเกณฑ์ภายในบ้านเกี่ยวกับการใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อช่วยให้บุตรหลานหลีกเลี่ยงการติดอินเทอร์เน็ตได้ เนื่องจากเด็กอายุเพียงสามขวบก็สามารถตกเป็นผู้ติดได้ เธอแนะนำแนวทางปฏิบัติดังต่อไปนี้:
- ช่วงวัยแรกเกิด - 3 ปี: ไม่ควรให้ใช้อุปกรณ์ดิจิทัลเลย
- ช่วงวัย 3 - 6 ปี: ใช้วันละหนึ่งชั่วโมง ภายใต้การดูแล
- ช่วงวัย 6 - 9 ปี: ใช้วันละสองชั่วโมง
- ช่วงวัย 9 - 12 ปี: ใช้วันละสองชั่วโมง พร้อมให้อิสระในการใช้สื่อสังคมออนไลน์ (social mediaสื่อสังคมออนไลน์ภาษาอังกฤษ) ได้บ้าง
- ช่วงวัย 12 - 18 ปี: ให้อิสระในการใช้งาน แต่ควรมี "การอดอาหารแบบดิจิทัล" (Digital Dietการอดอาหารแบบดิจิทัลภาษาอังกฤษ) หรือการจำกัดเวลาใช้เป็นบางช่วง
3.4. ผลงานเขียน
คิมเบอร์ลี ยัง เป็นนักเขียนที่มีผลงานหลากหลาย ทั้งด้านสารคดีที่เกี่ยวข้องกับงานวิจัยของเธอ และผลงานบันเทิงคดี
3.4.1. ผลงานเขียนสารคดี
ยัง ตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับผลกระทบของการใช้สื่อออนไลน์ในทางที่ผิดกว่า 40 ชิ้น และผลงานของเธอได้รับการนำเสนอในสื่อต่าง ๆ เช่น หนังสือพิมพ์เดอะนิวยอร์กไทมส์ (The New York Timesเดอะนิวยอร์กไทมส์ภาษาอังกฤษ) สำนักข่าวซีบีเอสนิวส์ (CBS Newsซีบีเอสนิวส์ภาษาอังกฤษ) ฟ็อกซ์นิวส์ (Fox Newsฟ็อกซ์นิวส์ภาษาอังกฤษ) และหนังสือพิมพ์เดอะไทมส์ (The Timesเดอะไทมส์ภาษาอังกฤษ) ผลงานที่ได้รับการกล่าวถึงมากที่สุดของเธอน่าจะเป็นหนังสือปี ค.ศ. 1998 เรื่อง Caught in the Net: How to Recognize Internet addiction and A Winning Strategy for Recovery ซึ่งมีชื่อในภาษาญี่ปุ่นว่า インターネット中毒 - まじめな警告です (อินเทอร์เน็ต ชูโดกุ - มาจิเมะนะ เคโกคุเดสุ) แปลโดยโอดาจิมะ ยูมิโกะ (小田嶋由美子โอดาจิมะ ยูมิโกะภาษาญี่ปุ่น) และจัดพิมพ์โดยสำนักพิมพ์ไมน์ชินบุน (毎日新聞社สำนักพิมพ์ไมน์ชินบุนภาษาญี่ปุ่น) ในปี ค.ศ. 1998 ในหนังสือเล่มนี้ เธอได้นำเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาเชิงปฏิบัติสำหรับผู้ที่เธอเรียกว่า "ผู้ติดอินเทอร์เน็ต"
ผลงานเขียนสารคดีอื่น ๆ ของเธอ ได้แก่:
- Evaluation and treatment of Internet Addiction (บทในหนังสือ Innovations in Clinical Practice: A Source Book, ค.ศ. 1999)
- Tangled in the Web: Understanding Cybersex from Fantasy to Addiction (ค.ศ. 2001)
- Internet Addiction: The consequences of a new clinical phenomena (บทในหนังสือ Psychology and the New Media, ค.ศ. 2004)
- Controlling Internet Abuse in the Workplace: A Framework for Risk Management (บทในหนังสือ Transformation of the Workplace: The Web and Work in the 21st Century, ค.ศ. 2006)
- Breaking Free of the Web: Catholics and Internet Addiction (ค.ศ. 2007)
- Internet Sex Addiction: Risk Factors, Stage, and Treatment (บทในหนังสือ American Behavioural Scientist - Psychology and the New Media, ค.ศ. 2008)
- Gamers Anonymous: Understanding and Treating Online Gaming Addiction (ค.ศ. 2009)
3.4.2. ผลงานเขียนบันเทิงคดี
นอกเหนือจากผลงานสารคดี ยัง ยังเป็นผู้ประพันธ์นวนิยายเรื่อง The Eighth Wonder ซึ่งเป็นเรื่องราวความรักระหว่างศาสตราจารย์มหาวิทยาลัยหญิงผู้ทะเยอทะยานกับชายสูงวัย เธอเขียนนวนิยายเล่มนี้ทั้งเรื่องในช่วงหลายเดือนที่กำลังพักฟื้นจากการผ่าตัดจอประสาทตา (retinal surgeryการผ่าตัดจอประสาทตาภาษาอังกฤษ) และพิจารณาว่าการเขียนนี้เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการบำบัดฟื้นฟูของตนเอง
4. การเสียชีวิต
คิมเบอร์ลี ยัง เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งเมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2019 ขณะอายุ 53 ปี
5. การประเมินและมรดก
คิมเบอร์ลี ยัง ได้ทิ้งมรดกที่สำคัญไว้ในสาขาวิชาจิตวิทยาและการวิจัยพฤติกรรมออนไลน์ โดยได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้บุกเบิกในการศึกษาการติดอินเทอร์เน็ต งานวิจัยของเธอซึ่งรวมถึงการพัฒนาแบบทดสอบการติดอินเทอร์เน็ต (IAT) และการก่อตั้งศูนย์เพื่อการบำบัดการติดอินเทอร์เน็ต ได้วางรากฐานสำหรับการวินิจฉัยและบำบัดความผิดปกติที่เกี่ยวข้องกับการใช้อินเทอร์เน็ตที่มากเกินไป การมีส่วนร่วมของเธอกับคณะกรรมาธิการรัฐสภาสหรัฐในการพิจารณาพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็กออนไลน์ และคำแนะนำเชิงปฏิบัติเกี่ยวกับการใช้อุปกรณ์ดิจิทัลที่เหมาะสมกับวัย สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของเธอในการแก้ไขปัญหาสังคมและส่งเสริมสวัสดิการสาธารณะ โดยเฉพาะการปกป้องกลุ่มเปราะบางอย่างเด็ก ๆ จากอันตรายของเทคโนโลยี ผลงานของยังยังคงเป็นแรงบันดาลใจและเป็นแนวทางสำคัญสำหรับนักวิจัย แพทย์ และผู้ปกครองในการทำความเข้าใจและจัดการกับผลกระทบที่ซับซ้อนของโลกดิจิทัลต่อสุขภาพจิตและชีวิตประจำวัน