1. ภาพรวม

Christopher S. Strachey (Christopher S. Stracheyคริสโตเฟอร์ เอส. สเตรชีภาษาอังกฤษ; เกิด 16 พฤศจิกายน 1916 - เสียชีวิต 18 พฤษภาคม 1975) เป็นนักวิทยาการคอมพิวเตอร์ชาวอังกฤษ เขามีบทบาทสำคัญในการเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งอรรถศาสตร์เชิงปริจารณ์ (denotational semantics) และเป็นผู้บุกเบิกในการออกแบบภาษาโปรแกรมและระบบเวลาแชร์ (time-sharing) นอกจากนี้ สเตรชีอาจได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้พัฒนาวิดีโอเกมคนแรก และเป็นผู้บัญญัติศัพท์ทางวิทยาการคอมพิวเตอร์ที่ยังคงใช้อย่างแพร่หลายในปัจจุบัน เช่น polymorphism และ referential transparency เขาเป็นสมาชิกของตระกูลสเตรชี ซึ่งเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียงในด้านการปกครอง, ศิลปะ, การบริหาร และวิชาการ
2. ช่วงต้นของชีวิตและการศึกษา
ช่วงต้นของชีวิตและการศึกษาของ Christopher Strachey ได้รับอิทธิพลอย่างมากจากภูมิหลังครอบครัวที่มีชื่อเสียงและการศึกษาที่ท้าทายในสถาบันชั้นนำของอังกฤษ
2.1. การเกิดและภูมิหลังครอบครัว
Christopher Strachey เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 1916 ที่ แฮมป์สเต็ด ประเทศอังกฤษ โดยเป็นบุตรชายของ Oliver Strachey และ Rachel (Ray) Costelloe ผู้เป็นมารดา Oliver Strachey บิดาของเขาเป็นบุตรชายของ Richard Strachey และเป็นเหลนของ Sir Henry Strachey, 1st Baronet ซึ่งแสดงให้เห็นถึงรากฐานครอบครัวที่มีความสำคัญและมีบทบาทในประวัติศาสตร์อังกฤษ นอกจากนี้ ครอบครัวสเตรชีมีความเกี่ยวข้องกับ Bloomsbury Group ซึ่งเป็นกลุ่มนักเขียน, ปัญญาชน และศิลปินชาวอังกฤษที่มีชื่อเสียงในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 สมาชิกในกลุ่มนี้ได้แก่ Virginia Woolf, John Maynard Keynes และ Lytton Strachey ซึ่งเป็นลุงของคริสโตเฟอร์เอง ความสัมพันธ์เหล่านี้บ่งบอกถึงสภาพแวดล้อมที่สเตรชีเติบโตขึ้นมา ซึ่งเต็มไปด้วยการกระตุ้นทางปัญญาและศิลปะ
2.2. วัยเด็กและการศึกษา
เมื่ออายุ 13 ปี สเตรชีได้เข้าศึกษาที่ Gresham's School ในเมือง Holt, Norfolk แม้ว่าเขาจะแสดงให้เห็นถึงความอัจฉริยะ แต่ผลการเรียนโดยรวมของเขากลับไม่ดีนัก ในปี 1935 เขาได้รับการตอบรับเข้าศึกษาต่อที่ King's College, Cambridge ซึ่งเป็นวิทยาลัยเดียวกับที่ Alan Turing ศึกษาอยู่ อย่างไรก็ตาม เขายังคงไม่สนใจการศึกษาอย่างจริงจังในขณะที่เรียนที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ โดยเริ่มต้นจากสาขาคณิตศาสตร์ก่อนจะเปลี่ยนไปเรียนฟิสิกส์ ในช่วงปลายปีที่สามของการศึกษาที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ สเตรชีประสบภาวะประสาทหลอน ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการยอมรับรสนิยมทางเพศของตนเอง แม้เขาจะกลับมาเรียนที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์อีกครั้ง แต่ก็สำเร็จการศึกษาเพียงระดับ "lower second" ในสาขา Natural Sciences Tripos
3. การทำงาน
เส้นทางอาชีพของ Christopher Strachey เป็นการเดินทางที่เปลี่ยนแปลงจากการเป็นนักฟิสิกส์ไปสู่ผู้บุกเบิกในวงการวิทยาการคอมพิวเตอร์ โดยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาซอฟต์แวร์และแนวคิดพื้นฐานของระบบคอมพิวเตอร์ยุคใหม่
3.1. การทำงานช่วงต้นและการสอน
เนื่องจากไม่สามารถศึกษาต่อได้ สเตรชีจึงเข้าร่วมงานกับ Standard Telephones and Cables (STC) ในฐานะนักฟิสิกส์วิจัย งานแรกของเขาคือการวิเคราะห์ทางคณิตศาสตร์สำหรับการออกแบบหลอดสุญญากาศที่ใช้ในเรดาร์ ซึ่งการคำนวณที่ซับซ้อนเหล่านี้จำเป็นต้องใช้เครื่องวิเคราะห์เชิงอนุพันธ์ ประสบการณ์เริ่มต้นกับเครื่องจักรคำนวณนี้จุดประกายความสนใจของสเตรชี และเขาก็เริ่มค้นคว้าในหัวข้อดังกล่าว อย่างไรก็ตาม คำขอศึกษาต่อระดับปริญญาโทที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ถูกปฏิเสธ ทำให้สเตรชีทำงานที่ STC ตลอดช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง หลังจากสงคราม เขาได้สานต่อความใฝ่ฝันที่มีมานานด้วยการเป็นครูสอนคณิตศาสตร์และฟิสิกส์ที่ St Edmund's School, Canterbury สามปีต่อมาในปี 1949 เขาย้ายไปสอนที่ Harrow School ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีชื่อเสียงมากขึ้น และสอนอยู่ที่นั่นเป็นเวลาสามปี
3.2. กิจกรรมการวิจัยและพัฒนา
ในเดือนมกราคม 1951 สเตรชีได้รู้จักกับ Mike Woodger จาก National Physical Laboratory (NPL) ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการที่ประสบความสำเร็จในการสร้างคอมพิวเตอร์ Pilot ACE ซึ่งเป็นรุ่นย่อส่วนของแนวคิด Automatic Computing Engine (ACE) ของ Alan Turing ในเวลาว่าง สเตรชีได้พัฒนาโปรแกรมคอมพิวเตอร์สำหรับเล่นเกมหมากฮอส (ในอเมริกาเรียกว่า "checkers") ในเดือนพฤษภาคม 1951 โปรแกรมนี้อาจเป็นวิดีโอเกมแรก แต่ได้ใช้หน่วยความจำของ Pilot ACE จนหมดสิ้น โปรแกรมหมากฮอสนี้ล้มเหลวเนื่องจากข้อผิดพลาดในการเขียนโปรแกรมเมื่อรันครั้งแรกที่ NPL ในวันที่ 30 กรกฎาคม 1951 เมื่อสเตรชีได้ยินเกี่ยวกับ Manchester Mark 1 ซึ่งมีหน่วยความจำที่ใหญ่กว่ามาก เขาจึงขอคู่มือจาก Alan Turing เพื่อนนักศึกษาเก่าของเขา และถอดรหัสโปรแกรมของเขาเป็นรหัสปฏิบัติการของเครื่องนั้นภายในเดือนตุลาคม 1951 ในฤดูร้อนปี 1952 โปรแกรมดังกล่าวสามารถ "เล่นเกมหมากฮอสได้ครบถ้วนด้วยความเร็วที่สมเหตุสมผล" แม้เขาจะไม่ได้ตั้งชื่อเกมนี้ แต่ Noah Wardrip-Fruin ได้ตั้งชื่อให้ว่า "M. U. C. Draughts"
สเตรชีได้เขียนโปรแกรมดนตรีคอมพิวเตอร์เพลงแรกในอังกฤษ ซึ่งเป็นการบันทึกเสียงดนตรีที่เล่นโดยคอมพิวเตอร์เป็นครั้งแรก: เป็นการแสดงเพลงชาติอังกฤษ "God Save the King" บนคอมพิวเตอร์ Ferranti Mark 1 ของมหาวิทยาลัยแมนเชสเตอร์ในปี 1951 หลังจากนั้นไม่นานในปีเดียวกัน การบันทึกเสียงดนตรีสั้นๆ สามชิ้นก็ได้ถูกบันทึกที่นั่นโดยหน่วยถ่ายทอดสดนอกสถานที่ของ บีบีซี ได้แก่ "God Save the King", "Baa, Baa, Black Sheep" และ "In the Mood นักวิจัยจาก University of Canterbury, Christchurch ได้ฟื้นฟูแผ่นมาสเตอร์อะซีเตทในปี 2016 ซึ่งสามารถฟังผลลัพธ์ได้บน SoundCloud
ในช่วงฤดูร้อนปี 1952 สเตรชีได้เขียนโปรแกรมเครื่องสร้างจดหมายรักสำหรับคอมพิวเตอร์ Ferranti Mark 1 ซึ่งถือเป็นตัวอย่างแรกของวรรณกรรมที่สร้างโดยคอมพิวเตอร์
ในเดือนพฤษภาคม 1952 สเตรชีได้บรรยายสองส่วนในหัวข้อ "การศึกษาการควบคุมในสัตว์และเครื่องจักร" (หรือ "ไซเบอร์เนติกส์") สำหรับรายการ Science Survey ของ บีบีซีโฮมเซอร์วิส
สเตรชีทำงานให้กับ National Research Development Corporation (NRDC) ตั้งแต่ปี 1952 ถึง 1959 ในระหว่างที่ทำงานในโครงการ Saint Lawrence Seaway เขาได้มีโอกาสเยี่ยมชมศูนย์คอมพิวเตอร์หลายแห่งในสหรัฐอเมริกาและจัดทำรายการชุดคำสั่งของคอมพิวเตอร์เหล่านั้น ต่อมา เขาทำงานเขียนโปรแกรมสำหรับคอมพิวเตอร์ทั้ง Elliott 401 และ Ferranti Pegasus ร่วมกับ Donald B. Gillies เขายื่นจดสิทธิบัตรสามฉบับในการออกแบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งรวมถึงการออกแบบรีจิสเตอร์พื้นฐานสำหรับการย้ายตำแหน่งโปรแกรม เขายังทำงานวิเคราะห์การสั่นสะเทือนในอากาศยาน โดยได้ร่วมงานกับ Roger Penrose ชั่วระยะเวลาหนึ่ง
3.3. อาชีพที่ปรึกษาและนักวิชาการ
ในปี 1959 สเตรชีออกจาก NRDC เพื่อมาเป็นที่ปรึกษาด้านคอมพิวเตอร์ โดยทำงานให้กับ NRDC, EMI, เฟอร์แรนติ และองค์กรอื่นๆ ในหลายโครงการที่หลากหลาย งานนี้รวมถึงการออกแบบตรรกะสำหรับคอมพิวเตอร์ การจัดหาautocode และต่อมาเป็นการออกแบบภาษาโปรแกรมระดับสูง สำหรับสัญญาในการผลิต autocode ให้กับคอมพิวเตอร์ Ferranti Orion สเตรชีได้จ้าง Peter Landin ผู้ซึ่งเป็นผู้ช่วยเพียงคนเดียวของเขาระหว่างช่วงที่สเตรชีเป็นที่ปรึกษา
สเตรชีได้พัฒนาแนวคิดของระบบเวลาแชร์ในปี 1959 เขายื่นคำขอจดสิทธิบัตรในเดือนกุมภาพันธ์ปีนั้น และนำเสนอเอกสารเรื่อง "Time Sharing in Large Fast Computers" ในการประชุม UNESCO Information Processing Conference ครั้งปฐมฤกษ์ที่ปารีส ซึ่งเขาได้ส่งต่อแนวคิดนี้ให้กับ J. C. R. Licklider เอกสารฉบับนี้ได้รับการยอมรับจาก MIT Computation Center ในปี 1963 ว่าเป็น "เอกสารแรกเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ระบบเวลาแชร์"
ในปี 1962 ในขณะที่ยังคงเป็นที่ปรึกษา เขาได้ตอบรับตำแหน่งที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์
ในปี 1965 สเตรชีตอบรับตำแหน่งที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดในฐานะผู้อำนวยการคนแรกของ Programming Research Group และต่อมาเป็นศาสตราจารย์ด้านวิทยาการคอมพิวเตอร์คนแรกของมหาวิทยาลัย และเป็นเฟลโลว์ของ Wolfson College, Oxford เขาได้ร่วมงานกับ Dana Scott
สเตรชีได้รับเลือกให้เป็น Fellow ที่มีเกียรติของ British Computer Society ในปี 1971 จากผลงานบุกเบิกของเขาในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์
ในปี 1973 สเตรชี (ร่วมกับ Robert Milne) เริ่มเขียนบทความที่ส่งเข้าประกวดในรางวัล Adams Prize หลังจากนั้นพวกเขายังคงทำงานแก้ไขบทความดังกล่าวเป็นหนังสือ สเตรชีสามารถปรากฏตัวและให้ความเห็นในการอภิปราย Lighthill เกี่ยวกับ ปัญญาประดิษฐ์ (ดู Lighthill report)
4. ผลงานสำคัญและคุณูปการ
Christopher Strachey ได้สร้างผลงานสำคัญและเป็นนวัตกรรมมากมายในวงการวิทยาการคอมพิวเตอร์ ซึ่งส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อการพัฒนาภาษาโปรแกรม, ระบบคอมพิวเตอร์ยุคแรก, และแนวคิดพื้นฐานของสาขาวิชานี้
4.1. การออกแบบและทฤษฎีภาษาโปรแกรม
สเตรชีมีส่วนร่วมอย่างมากในการพัฒนาCPL (Combined Programming Language) ซึ่งเป็นภาษาโปรแกรมที่มีอิทธิพล นอกจากนี้ เขายังได้นำเสนอชุดบันทึกการบรรยายที่มีอิทธิพลอย่างยิ่งในชื่อ Fundamental Concepts in Programming Languages ซึ่งได้สร้างความเป็นทางการในการแยกแยะระหว่างแนวคิดของ L-value และ R-value ซึ่งภายหลังปรากฏในภาษาโปรแกรมซี สเตรชีเป็นผู้บัญญัติศัพท์ว่า "currying" ซึ่งเป็นแนวคิดที่สำคัญในการเขียนโปรแกรมเชิงฟังก์ชัน แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นผู้คิดค้นแนวคิดนี้ขึ้นมาเอง แต่เขาก็มีส่วนสำคัญในการบุกเบิกทฤษฎีและการออกแบบภาษาโปรแกรม
4.2. โปรแกรมคอมพิวเตอร์ยุคแรกและการจำลอง
ผลงานการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่สร้างสรรค์ของสเตรชีรวมถึงโปรแกรมเกมหมากฮอส ซึ่งบางครั้งถือเป็นวิดีโอเกมแรกของโลก นอกจากนี้ เขายังมีส่วนร่วมในการสร้างดนตรีคอมพิวเตอร์ชิ้นแรกในอังกฤษ โดยเฉพาะการบันทึกเสียงเพลงชาติอังกฤษ "God Save the King" บนคอมพิวเตอร์Ferranti Mark 1 ในปี 1951 รวมถึงเพลง "Baa, Baa, Black Sheep" และ "In the Mood" อีกหนึ่งผลงานสำคัญคือ "โปรแกรมสร้างจดหมายรัก" ที่เขาพัฒนาขึ้นในปี 1952 ซึ่งถือเป็นตัวอย่างแรกสุดของวรรณกรรมที่สร้างโดยคอมพิวเตอร์
4.3. ระบบเวลาแชร์และอรรถศาสตร์
สเตรชีเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดระบบเวลาแชร์ (time-sharing) ซึ่งทำให้สามารถแบ่งปันทรัพยากรคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ได้อย่างมีประสิทธิภาพระหว่างผู้ใช้หลายคน เขาได้นำเสนอแนวคิดนี้ในการประชุมนานาชาติครั้งแรกของUNESCO ในปี 1959 ซึ่งมีอิทธิพลต่อการพัฒนาระบบปฏิบัติการแบบเวลาแชร์ในเวลาต่อมา นอกจากนี้ สเตรชียังเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งสาขาอรรถศาสตร์เชิงปริจารณ์ (denotational semantics) ร่วมกับ Dana Scott ซึ่งเป็นสาขาที่ให้ความหมายทางคณิตศาสตร์แก่ภาษาโปรแกรม
4.4. เครื่องสร้างมาโครและพัฒนาระบบ
สเตรชีมีบทบาทสำคัญในการออกแบบและนำ GPM (General Purpose Macrogenerator) ไปใช้งาน ซึ่งเป็นหนึ่งในภาษาขยายมาโครยุคแรกๆ และมีอิทธิพลอย่างมากต่อm4 ซึ่งเป็นตัวประมวลผลมาโครที่ยังคงใช้อย่างกว้างขวางในปัจจุบัน GPM เป็นตัวอย่างที่แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการเขียนโปรแกรมของสเตรชี โดยสามารถทำงานได้ด้วยคำสั่งรหัสเครื่องเพียง 250 คำสั่งเท่านั้น เขายังมีส่วนสำคัญในการออกแบบคอมพิวเตอร์ Ferranti Pegasus อีกด้วย
4.5. การนิยามศัพท์วิทยาการคอมพิวเตอร์
สเตรชีมีส่วนร่วมในการนิยามและเผยแพร่ศัพท์เทคนิคที่สำคัญหลายคำที่ยังคงใช้กันอย่างแพร่หลายในวิทยาการคอมพิวเตอร์ยุคปัจจุบัน เช่น polymorphism และ referential transparency ซึ่งเป็นแนวคิดพื้นฐานในการทำความเข้าใจพฤติกรรมและการออกแบบภาษาโปรแกรม
5. แนวคิดและปรัชญา
Christopher Strachey ไม่เพียงเป็นผู้บุกเบิกด้านการปฏิบัติงาน แต่ยังเป็นนักทฤษฎีที่มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานแนวคิดและปรัชญาของวิทยาการคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านภาษาโปรแกรม
5.1. แนวคิดเกี่ยวกับภาษาโปรแกรม
สเตรชีได้สำรวจและทำให้เป็นรูปธรรมของแนวคิดพื้นฐานของภาษาโปรแกรมผ่านงานเขียนสำคัญของเขา เช่น 'Fundamental Concepts in Programming Languages' ซึ่งเป็นการวางรากฐานเชิงทฤษฎีสำหรับการออกแบบและการทำความเข้าใจภาษาโปรแกรมที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น งานนี้เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในการทำความเข้าใจความหมายและพฤติกรรมของโครงสร้างภาษาโปรแกรมต่างๆ อย่างเป็นระบบ
6. ชีวิตส่วนตัว
ข้อมูลเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัวของ Strachey ที่เป็นที่รู้จักคือเขาประสบภาวะประสาทหลอนในช่วงปลายปีที่สามของการศึกษาที่มหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ ซึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการยอมรับรสนิยมทางเพศของตนเอง อย่างไรก็ตาม ไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับรายละเอียดอื่นๆ เช่น การแต่งงานหรืองานอดิเรกของเขาในแหล่งข้อมูลที่นำมาใช้
7. การเสียชีวิต
Christopher Strachey เสียชีวิตเมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม 1975 จากโรคตับอักเสบจากการติดเชื้อ หลังจากที่เขาติดเชื้อดีซ่านและดูเหมือนจะฟื้นตัวจากอาการป่วยดังกล่าว ภายหลังการเสียชีวิตของเขาในปี 1977 Tony Hoare ได้รับตำแหน่งต่อจากเขาในฐานะหัวหน้า Programming Research Group ที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด
8. มรดกและการประเมินผล
Christopher Strachey ทิ้งมรดกอันยาวนานและมีผลกระทบอย่างมากต่อวงการวิทยาการคอมพิวเตอร์ผ่านนวัตกรรมทางเทคนิคและแนวคิดเชิงทฤษฎีของเขา
8.1. การประเมินเชิงบวก
ผลงานและแนวคิดทางเทคนิคที่เป็นนวัตกรรมของ Strachey มีผลกระทบเชิงบวกอย่างมหาศาลต่อความก้าวหน้าของวิทยาการคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างที่ชัดเจนคือตำแหน่งศาสตราจารย์ Christopher Strachey Professorship of Computing ที่ภาควิชาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ของมหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ซึ่งได้รับการดำรงตำแหน่งโดยบุคคลสำคัญหลายท่าน เช่น Tony Hoare (1988-2000), Samson Abramsky (2000-2021) และ Nobuko Yoshida (2022-ปัจจุบัน) ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำคัญของมรดกทางวิชาการของเขา นอกจากนี้ เขายังได้รับเลือกให้เป็น Distinguished Fellow ของ British Computer Society ในปี 1971 เพื่อยกย่องผลงานบุกเบิกของเขาในสาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์
8.2. การวิพากษ์วิจารณ์และข้อถกเถียง
ปัจจุบันยังไม่มีข้อมูลเฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับการวิพากษ์วิจารณ์หรือข้อถกเถียงที่สำคัญเกี่ยวข้องกับกิจกรรมหรือแนวคิดของ Christopher Strachey ที่ระบุไว้ในแหล่งข้อมูล
9. ผลกระทบ
ผลงานและแนวคิดของ Christopher Strachey ได้ส่งผลกระทบอย่างลึกซึ้งต่อวงการวิทยาการคอมพิวเตอร์ยุคหลังและสังคมโดยรวม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านภาษาโปรแกรม ระบบปฏิบัติการ และการบัญญัติศัพท์
9.1. อิทธิพลต่อคนรุ่นหลัง
แนวคิดและทฤษฎีของ Strachey ได้ส่งผลกระทบอย่างกว้างขวางต่อวิทยาการคอมพิวเตอร์และวงการวิชาการในยุคต่อมา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ่านการกำหนดแนวคิดพื้นฐานในภาษาโปรแกรม เช่น L-value และ R-value รวมถึงการบัญญัติศัพท์ "currying" นอกจากนี้ การเป็นผู้บุกเบิกแนวคิดระบบเวลาแชร์ยังได้วางรากฐานสำหรับระบบคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ที่สามารถรองรับผู้ใช้หลายคนได้พร้อมกัน การออกแบบเครื่องสร้างมาโครอย่าง GPM (General Purpose Macrogenerator) และอิทธิพลต่อm4 ได้ช่วยในการพัฒนาเครื่องมือซอฟต์แวร์ที่สำคัญสำหรับนักพัฒนาซอฟต์แวร์ในปัจจุบัน
9.2. การมีส่วนร่วมในสาขาเฉพาะ
Strachey มีส่วนร่วมโดยตรงและมีผลกระทบสำคัญต่อการพัฒนาในสาขาเฉพาะที่เขาทำงานอย่างโดดเด่น ได้แก่:
- ภาษาโปรแกรม: การพัฒนาCPL และการกำหนดแนวคิดหลักใน Fundamental Concepts in Programming Languages มีอิทธิพลต่อการออกแบบภาษาโปรแกรมระดับสูงหลายภาษา
- ระบบปฏิบัติการ: แนวคิดระบบเวลาแชร์ของเขาเป็นรากฐานสำคัญสำหรับการพัฒนาระบบปฏิบัติการแบบมัลติทาสกิ้งและมัลติยูสเซอร์ ซึ่งเป็นพื้นฐานของระบบคอมพิวเตอร์ในปัจจุบัน
- ปัญญาประดิษฐ์: แม้จะไม่ได้เน้นหนักด้านนี้ แต่การมีส่วนร่วมในการอภิปราย Lighthill เกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ก็สะท้อนให้เห็นถึงความเกี่ยวข้องของเขากับแนวคิดเชิงทฤษฎีในยุคแรกเริ่มของสาขานี้
- การบัญญัติศัพท์: การบัญญัติศัพท์เช่น polymorphism และ referential transparency ได้ช่วยสร้างความชัดเจนและมาตรฐานในการสื่อสารแนวคิดที่ซับซ้อนในวิทยาการคอมพิวเตอร์
10. การเฉลิมฉลองและการรำลึก
ผลงานและมรดกของ Christopher Strachey ได้รับการเฉลิมฉลองและรำลึกถึงในหลากหลายรูปแบบ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของเขาในวงการวิทยาการคอมพิวเตอร์
หนึ่งในวิธีที่สำคัญที่สุดในการรำลึกถึงเขาคือการจัดตั้งตำแหน่งศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์ Christopher Strachey Professorship of Computing ที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ด ซึ่งเป็นตำแหน่งที่มอบให้กับนักวิทยาการคอมพิวเตอร์ชั้นนำที่สืบทอดเจตนารมณ์และวิสัยทัศน์ของเขา นอกจากนี้ ในเดือนพฤศจิกายน 2016 ได้มีการจัดงาน "Strachey 100" ขึ้นที่มหาวิทยาลัยออกซฟอร์ดเพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบหนึ่งศตวรรษของการกำเนิดของสเตรชี ซึ่งในงานมีการจัดแสดงเอกสารสำคัญจากคลังข้อมูลของ Christopher Strachey ที่เก็บรักษาไว้ในBodleian Library ที่เมืองออกซฟอร์ด กิจกรรมเหล่านี้รวมถึงการได้รับเลือกให้เป็น Distinguished Fellow ของ British Computer Society ในปี 1971 ล้วนเป็นการยกย่องคุณูปการอันยิ่งใหญ่ของเขาต่อสาขาวิชานี้