1. ภาพรวม
คริสเตียน กุสตาโว บัสเซดาส เกิดเมื่อวันที่ 16 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1973 เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวอาร์เจนตินาที่เล่นในตำแหน่งกองกลาง และต่อมาได้ผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมและที่ปรึกษาด้านกีฬา บัสเซดาสเป็นผลผลิตจากสโมสรเยาวชนของเบเลซ ซาร์สฟิลด์ ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ในอาชีพนักฟุตบอล และมีบทบาทสำคัญในช่วงปีที่ประสบความสำเร็จสูงสุดของสโมสรในทศวรรษ 1990 หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมากในระดับสโมสรและทีมชาติ เขาก็ย้ายไปเล่นในต่างประเทศกับนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ก่อนจะประกาศเลิกเล่นฟุตบอลในวัย 30 ปี
หลังจากการแขวนสตั๊ด บัสเซดาสยังคงมีส่วนร่วมในวงการฟุตบอล โดยเริ่มต้นจากการเป็นผู้บรรยายฟุตบอล และต่อมาได้รับบทบาทเป็นที่ปรึกษาด้านกีฬาให้กับเบเลซ ซาร์สฟิลด์ ซึ่งเขามีส่วนสำคัญในการนำพาสโมสรไปสู่ความสำเร็จอีกครั้ง ก่อนที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้จัดการทีมเต็มตัวให้กับหลายสโมสร บทบาทของเขามีความหลากหลาย ตั้งแต่การเป็นผู้เล่นที่แข็งแกร่งไปจนถึงผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ในวงการฟุตบอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการรับมือกับความท้าทายต่างๆ เช่น ความรุนแรงของแฟนบอลในฐานะผู้จัดการทีม ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบทางสังคมที่เกี่ยวข้องกับอาชีพของเขา
2. เส้นทางอาชีพนักฟุตบอล
เส้นทางอาชีพนักฟุตบอลของคริสเตียน บัสเซดาส โดดเด่นด้วยการเป็นส่วนหนึ่งของเบเลซ ซาร์สฟิลด์ ในช่วงเวลาแห่งความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของสโมสร รวมถึงการเป็นนักฟุตบอลทีมชาติที่คว้าเหรียญรางวัลสำคัญให้แก่ทีมชาติอาร์เจนตินา
2.1. อาชีพระดับเยาวชนและช่วงแรก
คริสเตียน บัสเซดาส เติบโตมาจากทีมเยาวชนของเบเลซ ซาร์สฟิลด์ ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอล เขาลงสนามประเดิมการแข่งขันอาชีพครั้งแรกเมื่อวันที่ 3 มีนาคม ค.ศ. 1991 และกลายเป็นกำลังสำคัญของเบเลซ ซาร์สฟิลด์ในช่วงทศวรรษ 1990 ซึ่งเป็นยุคที่สโมสรประสบความสำเร็จอย่างสูง บัสเซดาสในตำแหน่งกองกลางตัวรับหรือแนวรับ มีส่วนร่วมในการสร้างความสำเร็จให้กับทีมอย่างต่อเนื่อง
2.2. อาชีพระดับสโมสร
บัสเซดาสใช้เวลาส่วนใหญ่ในอาชีพนักฟุตบอลกับเบเลซ ซาร์สฟิลด์ โดยลงสนามให้สโมสรถึง 267 นัด ยิงได้ 21 ประตู ทำให้เขากลายเป็นผู้เล่นที่ลงสนามมากเป็นอันดับที่ 11 ในประวัติศาสตร์สโมสร ในช่วงเวลาที่อยู่กับเบเลซ ซาร์สฟิลด์ เขาคว้าแชมป์ลีกภายในประเทศ 4 สมัย และถ้วยรางวัลระดับนานาชาติอีก 5 รายการ รวมถึงการเป็นผู้เล่นตัวจริงในนัดชิงชนะเลิศอินเตอร์คอนติเนนตัลคัพ ปี 1994 ที่เอาชนะเอซี มิลาน ไป 2-0
ในปี ค.ศ. 2000 บัสเซดาสได้ย้ายไปร่วมทีมนิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในพรีเมียร์ลีกของประเทศอังกฤษ ด้วยค่าตัวประมาณ 3.50 M GBP เขาลงเล่นให้กับนิวคาสเซิลระหว่างปี ค.ศ. 2000 ถึง 2003 โดยมีช่วงหนึ่งที่ถูกปล่อยยืมตัวไปเล่นกับเตเนรีเฟในฤดูกาล 2001-02 ในช่วงเวลาที่อยู่กับนิวคาสเซิล เขาลงสนามไป 24 นัด และทำประตูในลีกได้เพียงครั้งเดียวในเกมที่แพ้เชลซี 1-3 เมื่อเดือนมกราคม ค.ศ. 2001 ส่วนในขณะที่ยืมตัวอยู่กับเตเนรีเฟ เขาลงสนามไป 14 นัดโดยไม่มีประตู
หลังจากนั้นในปี ค.ศ. 2003 เขาย้ายกลับมายังประเทศอาร์เจนตินาเพื่อร่วมทีมนีเวลส์ โอลด์ บอยส์ แต่หลังจากฝึกซ้อมพรีซีซันไปได้เพียงสองเดือน เขาก็ตัดสินใจเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพในวัย 30 ปี โดยระบุว่าเขาหมดรักในกีฬาฟุตบอลแล้ว
2.3. อาชีพระดับทีมชาติ
บัสเซดาสมีโอกาสเล่นให้กับทีมชาติอาร์เจนตินา 22 นัด โดยประเดิมสนามครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน ค.ศ. 1994 ในการพบกับทีมชาติชิลี ภายใต้การคุมทีมของดาเนียล ปัสซาเรยา เขาเคยเข้าร่วมการแข่งขันโกปา อาเมริกา 1997 และมีส่วนร่วมในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 1998 แต่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของทีมชุดสุดท้ายที่เดินทางไปแข่งขันฟุตบอลโลก
นอกจากการลงสนามในนามทีมชาติชุดใหญ่แล้ว บัสเซดาสยังประสบความสำเร็จในระดับทีมชาติชุดเยาวชนและชุดโอลิมปิกอีกด้วย โดยเขาเป็นกัปตันทีมและคว้าเหรียญทองในแพนอเมริกันเกมส์ ปี 1995 ที่เมืองมาร์เดลปลาตา และคว้าเหรียญเงินในโอลิมปิกฤดูร้อน ปี 1996 ที่แอตแลนตา
3. เส้นทางอาชีพหลังเลิกเล่น
หลังจากแขวนสตั๊ดจากอาชีพนักฟุตบอล คริสเตียน บัสเซดาสยังคงมีส่วนร่วมในวงการกีฬาฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง ทั้งในฐานะผู้บรรยายและผู้บริหารทีม
3.1. บทบาทผู้บรรยายฟุตบอล
หลังจากการเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ คริสเตียน บัสเซดาสได้ผันตัวมาเป็นผู้บรรยายฟุตบอล เขาเคยทำงานให้กับช่องฟอกซ์ สปอร์ตส (Fox Sports en Latinoaméricaฟอกซ์ สปอร์ตส เอน ลาติโนอเมริกาภาษาสเปน) โดยทำหน้าที่เป็นผู้บรรยายการแข่งขันพรีเมียร์ลีกของประเทศอังกฤษ
3.2. อาชีพผู้จัดการทีมและที่ปรึกษาด้านเทคนิค
ในปลายปี ค.ศ. 2008 บัสเซดาสได้รับการแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษาด้านกีฬาของเบเลซ ซาร์สฟิลด์ ในอาร์เจนตินา ปริเมรา ดิวิซิออน งานแรกที่เขาดำเนินการคือการแนะนำริการ์โด กาเรกา ให้เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอน นอกจากนี้ เขายังมีบทบาทสำคัญในการเจรจาเพื่อนำมักซิมิเลียโน โมราเลส, เซบัสเตียน โดมิงเกซ และโฮอากิน ลาร์ริเวย์ มาร่วมสโมสร ในฤดูกาลแรกที่เขาร่วมงานกับสโมสร เบเลซ ซาร์สฟิลด์ก็สามารถคว้าแชมป์กลาอูซูรา ปี 2009
ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2015 บัสเซดาสได้รับการแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีมของเบเลซ ซาร์สฟิลด์ อย่างเป็นทางการ อย่างไรก็ตาม เขาได้ลาออกจากตำแหน่งในเดือนกันยายน ค.ศ. 2016 หลังจากพ่ายแพ้ต่อราซิง คลับ 0-3 โดยให้เหตุผลว่าเป็นการตอบสนองต่อปฏิกิริยาที่รุนแรงของแฟนบอลเบเลซที่แสดงออก
ต่อมา เขาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนของโอลิมโป เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ค.ศ. 2017 และในวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 2018 บัสเซดาสได้เข้ารับตำแหน่งหัวหน้าผู้ฝึกสอนของยูเอไอ อูร์กีซา ซึ่งเป็นบทบาทที่เขายังคงดำรงตำแหน่งอยู่จนถึงปัจจุบัน
4. เกียรติประวัติ
คริสเตียน บัสเซดาส ได้รับเกียรติประวัติมากมายทั้งในฐานะนักฟุตบอลและในฐานะผู้จัดการทั่วไป
4.1. ในฐานะนักฟุตบอล
ในฐานะนักฟุตบอล บัสเซดาสประสบความสำเร็จทั้งในระดับสโมสรและระดับทีมชาติ
4.1.1. เกียรติประวัติระดับสโมสร
เบเลซ ซาร์สฟิลด์
- ปริเมรา ดิวิซิออน อาร์เจนตินา (4 สมัย): กลาอูซูรา 1993, อาเปร์ตูรา 1995, กลาอูซูรา 1996, กลาอูซูรา 1998
- โกปา ลิเบร์ตาโดเรส (1 สมัย): 1994
- อินเตอร์คอนติเนนตัล คัพ (1 สมัย): 1994
- โกปา อินเตราเมริคานา (1 สมัย): 1994
- ซูเปร์โกปา ซูดาเมริคานา (1 สมัย): 1996
- เรโกปา ซูดาเมริคานา (1 สมัย): 1997
4.1.2. เกียรติประวัติระดับทีมชาติ
- เหรียญทองแพนอเมริกันเกมส์ (1 สมัย): มาร์เดลปลาตา 1995
- เหรียญเงินโอลิมปิก (1 สมัย): แอตแลนตา 1996
4.2. ในฐานะผู้จัดการทั่วไป
เบเลซ ซาร์สฟิลด์
- ปริเมรา ดิวิซิออน อาร์เจนตินา (1 สมัย): กลาอูซูรา 2009
5. การประเมินและข้อวิพากษ์วิจารณ์
คริสเตียน บัสเซดาสได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้เล่นคนสำคัญของเบเลซ ซาร์สฟิลด์ ในยุคทองของสโมสรในทศวรรษ 1990 ด้วยทักษะในตำแหน่งกองกลางตัวรับและแนวรับ ทำให้เขามีส่วนสำคัญในการคว้าแชมป์หลายรายการในยุคนั้น รวมถึงการเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถในการเล่นระดับนานาชาติ ดังเห็นได้จากการคว้าเหรียญรางวัลในโอลิมปิก และแพนอเมริกันเกมส์
อย่างไรก็ตาม ในเส้นทางอาชีพผู้จัดการทีมของเขา มีเหตุการณ์หนึ่งที่สะท้อนถึงความท้าทายที่เขาต้องเผชิญในวงการฟุตบอล นั่นคือการลาออกจากตำแหน่งผู้จัดการทีมเบเลซ ซาร์สฟิลด์ ในเดือนกันยายน ค.ศ. 2016 หลังจากความพ่ายแพ้ต่อราซิง คลับ เขาระบุสาเหตุการลาออกว่ามาจากปฏิกิริยาที่รุนแรงของแฟนบอลเบเลซ เหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นถึงปัญหาความรุนแรงของแฟนบอลที่ยังคงเป็นประเด็นสำคัญในวงการฟุตบอล โดยเฉพาะในอาร์เจนตินา ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่ออาชีพการงานของบุคลากรในวงการฟุตบอลได้ บัสเซดาสเลือกที่จะถอนตัวจากสถานการณ์ดังกล่าว ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่เน้นย้ำถึงความสำคัญของสวัสดิภาพและความมั่นคงส่วนบุคคลเมื่อต้องเผชิญกับแรงกดดันจากภายนอก.