1. ภาพรวม
ดยุกอูโดมหาราช (หรือรู้จักกันในชื่อ Eudesภาษาฝรั่งเศส หรือ Eudoภาษาละติน) ผู้ปกครองดัชชีแห่งอากีแตนและวาสโคเนียตั้งแต่ก่อนปี ค.ศ. 700 จนถึงประมาณปี ค.ศ. 735 เป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ยุคต้นของฝรั่งเศส พระองค์ปกครองดินแดนอันกว้างใหญ่ที่ทอดยาวจากแม่น้ำ ลัวร์จรด เทือกเขาพิเรนีส โดยมีเมืองหลวงอยู่ที่ ตูลูซ ตลอดรัชสมัยของพระองค์ ดยุกอูโดทรงพยายามอย่างยิ่งยวดที่จะรักษาเอกราชของอากีแตนจากอำนาจของแฟรงก์ที่กำลังรุ่งเรืองภายใต้การนำของ ชาร์ลส์ มาร์เทล ซึ่งสะท้อนถึงเจตจำนงในการปกครองตนเองของภูมิภาคนี้
ความสัมพันธ์ของอูโดกับอาณาจักรแฟรงก์เป็นไปอย่างซับซ้อนและผันผวน ตั้งแต่การประกาศเอกราชไปจนถึงการยอมรับอำนาจปกครองในที่สุด ในขณะเดียวกัน พระองค์ก็ทรงเผชิญหน้าและบางครั้งก็เป็นพันธมิตรกับอำนาจของอิสลามที่รุกรานจากทางใต้ ชัยชนะอันเด็ดขาดของพระองค์เหนือทัพอุมัยยะฮ์ในสมรภูมิตูลูซ (ค.ศ. 721) ทำให้พระองค์ได้รับสมญานามว่า "มหาราช" และได้รับการยกย่องจากสมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 2 ในฐานะผู้พิทักษ์ศาสนาคริสต์ อย่างไรก็ตาม หลังจากการรุกรานของอิสลามที่รุนแรงขึ้น พระองค์ก็ทรงจำต้องร่วมมือกับชาร์ลส์ มาร์เทล ในสมรภูมิตูร์-ปัวตีเย ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในการต่อต้านการขยายอำนาจของอิสลามในยุโรปตะวันตก ชีวิตและการปกครองของดยุกอูโดสะท้อนให้เห็นถึงพลวัตทางการเมืองที่ซับซ้อนของยุคสมัย และบทบาทของพระองค์ในการปกป้องดินแดนและประชาชนของพระองค์จากภัยคุกคามทั้งภายในและภายนอก
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
ชีวิตช่วงต้นของดยุกอูโด รวมถึงเชื้อสายและชาติพันธุ์ของพระองค์ยังคงเป็นปริศนาและไม่ชัดเจนนัก แม้จะมีทฤษฎีทางประวัติศาสตร์หลายประการที่พยายามอธิบายภูมิหลังของพระองค์ แต่ข้อมูลที่มีอยู่ยังคงจำกัดและแตกต่างกันไปในแต่ละแหล่งที่มา
2.1. การสืบเชื้อสายและครอบครัว
มีทฤษฎีหนึ่งชี้ว่าดยุกอูโดอาจมีเชื้อสายโรมัน เนื่องจากพงศาวดารแฟรงก์ร่วมสมัยบางฉบับอ้างถึงบิดาของพระองค์ว่าเป็น "ศัตรูชาวโรมัน" นักประวัติศาสตร์บางคนเสนอว่าบิดาของอูโดอาจเป็นดยุกแห่งอากีแตนหลายพระองค์ เช่น บอร์กีส หรือ เบอร์ทรานด์ หรือแม้แต่ดยุกลูปุสที่ 1 แห่งอากีแตน อย่างไรก็ตาม ข้อมูลจากแหล่งที่มาภาษาเกาหลีระบุว่า อูโดเป็นพระราชนัดดาของฮาริแบร์ตที่ 2 กษัตริย์แห่งอากีแตน ซึ่งเป็นเชื้อสายของราชวงศ์เมโรวิง และเป็นพระโอรสของบอร์กีส ดยุกแห่งอากีแตน แม้ว่าบอร์กีสจะเป็นพระโอรสนอกสมรส แต่พระมารดาของอูโดคือ โอดา ซึ่งเป็นพระธิดาของโคลทาร์ที่ 2 ทำให้พระองค์มีความเชื่อมโยงกับราชวงศ์เมโรวิงทางสายมารดาในฐานะเชื้อพระวงศ์สายรอง นอกจากนี้ ยังมีข้อสันนิษฐานจากเอกสารปลอมแปลงที่เรียกว่า "Charte d'Alaon" ว่า ฮูแบร์ตุส เป็นหนึ่งในพี่น้องของอูโด
2.2. การสืบทอดตำแหน่งดยุก
ดยุกอูโดขึ้นครองตำแหน่งดยุกแห่งอากีแตนในช่วงเวลาที่ยังไม่แน่ชัดนัก บางแหล่งข้อมูลระบุว่าพระองค์อาจสืบทอดตำแหน่งตั้งแต่ราวปี ค.ศ. 679 ซึ่งเป็นปีที่คาดว่าดยุกลูปุสที่ 1 สิ้นพระชนม์ หรืออาจเป็นปี ค.ศ. 688 นอกจากนี้ ยังมีความเป็นไปได้ที่จะเป็นปี ค.ศ. 692 แต่เป็นที่แน่นอนว่าพระองค์ทรงมีอำนาจอย่างเต็มที่ในฐานะดยุกแห่งอากีแตนตั้งแต่ปี ค.ศ. 700 เป็นต้นไป ในช่วงแรกของการครองอำนาจ พระองค์ทรงเผชิญกับความท้าทายในการรวมอำนาจ เนื่องจากอากีแตนเคยอยู่ภายใต้การปกครองของขุนนางที่ถูกส่งมาจากราชสำนักแฟรงก์ อย่างไรก็ตาม พระองค์ทรงสามารถรวบรวมอำนาจและควบคุมดินแดนได้อย่างสมบูรณ์ภายในปี ค.ศ. 700
3. กิจกรรมในฐานะดยุกแห่งอากีแตน
ในฐานะดยุกแห่งอากีแตน ดยุกอูโดทรงดำเนินนโยบายทั้งทางการปกครองและการทหารที่สำคัญ เพื่อรักษาอำนาจและเอกราชของดินแดนของพระองค์ ท่ามกลางความขัดแย้งกับอาณาจักรแฟรงก์และภัยคุกคามจากอำนาจอิสลาม
3.1. ดินแดนและการปกครอง
อาณาเขตของดัชชีแห่งอากีแตนภายใต้การปกครองของดยุกอูโดครอบคลุมพื้นที่กว้างขวาง รวมถึง วาสโคเนีย (ปัจจุบันคือกัสโกญ) ทางตะวันตกเฉียงใต้ของกอล และดัชชีอากีแตน ซึ่งในขณะนั้นตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของแม่น้ำการอนน์ อาณาจักรของพระองค์ทอดยาวจากแม่น้ำลัวร์ไปจนถึงเทือกเขาพิเรนีส โดยมีเมืองหลวงอยู่ที่ตูลูซ ในช่วงที่ขึ้นเป็นผู้นำ พระองค์ทรงพยายามอย่างแข็งขันในการสร้างระบบการปกครองแบบรวมศูนย์อำนาจ โดยทรงจัดการบริหารราชการโดยตรงผ่านข้าราชการของพระองค์ นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงดำเนินการปรับปรุงและเสริมสร้างความแข็งแกร่งของป้อมปราการต่างๆ ทั่วดินแดน ลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น และสะสมเสบียงและยุทโธปกรณ์เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการทำสงคราม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องและรักษาเสถียรภาพของอาณาจักร
3.2. ความสัมพันธ์กับอาณาจักรแฟรงก์
ความสัมพันธ์ระหว่างดยุกอูโดกับอาณาจักรแฟรงก์ โดยเฉพาะกับชาร์ลส์ มาร์เทล ผู้เป็นนายกพระราชวังแห่งออสเตรียเซียและนอยสเตรียนั้นมีความซับซ้อนและเต็มไปด้วยความขัดแย้ง ในปี ค.ศ. 711 อูโดได้ทำสงครามกับโรเดริก กษัตริย์วิซิกอทในปัมโปลนา และในปี ค.ศ. 715 ในช่วงที่แฟรงก์กำลังเผชิญกับสงครามกลางเมือง พระองค์ได้ประกาศตนเป็นอิสระจากอำนาจของแฟรงก์ อย่างไรก็ตาม ไม่ปรากฏว่าพระองค์ทรงใช้ตำแหน่ง "กษัตริย์" แต่อย่างใด
ในปี ค.ศ. 718 อูโดได้ร่วมเป็นพันธมิตรกับชิลเปริกที่ 2 กษัตริย์แห่งนอยสเตรีย และราเกนฟริด นายกพระราชวังของพระองค์ โดยได้ระดมกองทัพบาสก์เพื่อต่อสู้กับชาร์ลส์ มาร์เทล ซึ่งอาจมีการเสนอที่จะยอมรับสถานะการเป็นกษัตริย์ของอูโดเหนืออากีแตน แต่หลังจากที่ชิลเปริกพ่ายแพ้ในสมรภูมิซัวซงส์ (ค.ศ. 718) ในปีเดียวกัน อูโดก็จำต้องสงบศึกกับชาร์ลส์ มาร์เทล โดยยอมมอบกษัตริย์นอยสเตรียและทรัพย์สมบัติของพระองค์ให้แก่ชาร์ลส์
ต่อมาในปี ค.ศ. 719 อูโดได้ให้การสนับสนุนชิลเปริกที่ 2 อีกครั้งในการต่อต้านชาร์ลส์ มาร์เทล โดยมีเงื่อนไขว่าชิลเปริกจะยอมรับการแยกตัวเป็นอิสระของอากีแตน แต่กองทัพของอูโดและพันธมิตรก็พ่ายแพ้อย่างราบคาบต่อกองทัพของชาร์ลส์ มาร์เทล ที่เนรีและซัวซงส์ในวันที่ 14 ตุลาคม ค.ศ. 719 ทำให้อูโดต้องนำกองทัพที่เหลือรอดข้ามแม่น้ำลัวร์เพื่อหลบหนี หลังจากนั้นไม่นาน พระองค์ก็จำต้องยอมอยู่ภายใต้อำนาจของชาร์ลส์ มาร์เทล อีกครั้ง
ในปี ค.ศ. 731 ชาร์ลส์ มาร์เทล ซึ่งเพิ่งได้รับชัยชนะเหนือชาวแซกซัน ได้หันมาสนใจอาณาจักรอากีแตนทางใต้ที่เป็นคู่แข่ง ชาร์ลส์ได้กล่าวโทษการเป็นพันธมิตรของอูโดกับอุษมาน อิบน์ นาอิสซา และได้ข้ามแม่น้ำลัวร์เข้าโจมตีอากีแตน ซึ่งเป็นการละเมิดสนธิสัญญาสันติภาพที่ทำไว้กับอูโด ชาร์ลส์ มาร์เทลได้บุกปล้นสะดมอากีแตนถึงสองครั้ง และเข้ายึดครองเมืองบูร์ฌ อูโดได้นำทัพเข้าต่อสู้กับกองทัพแฟรงก์แต่ก็พ่ายแพ้ ทำให้ชาร์ลส์สามารถกลับไปยังอาณาจักรแฟรงก์ได้
3.3. ความสัมพันธ์กับอำนาจอิสลาม
ดยุกอูโดทรงจำต้องทำสงครามกับทั้งราชวงศ์อุมัยยะฮ์และแฟรงก์ที่รุกรานอาณาจักรของพระองค์ ในวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 721 พระองค์ได้สร้างความพ่ายแพ้อย่างใหญ่หลวงแก่กองทัพของอัล-ซัมห์ อิบน์ มาลิก อัล-คาวลานี ที่สมรภูมิตูลูซ (ค.ศ. 721) ซึ่งถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งสำคัญครั้งแรกของกองทัพมุสลิมราชวงศ์อุมัยยะฮ์ในการรณรงค์ทางเหนือ และคร่าชีวิตทหารอุมัยยะฮ์ไปหลายพันนาย ชัยชนะครั้งนี้ได้รับการเฉลิมฉลองด้วยของขวัญจากสมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 2 ซึ่งทรงประกาศให้อูโดเป็นผู้พิทักษ์ศาสนาคริสต์โรมัน และช่วยเสริมสร้างความเป็นอิสระของอากีแตน
เพื่อช่วยรักษาพรมแดนของพระองค์จากการรุกรานของราชวงศ์อุมัยยะฮ์ อูโดได้ทรงจัดการอภิเษกสมรสระหว่างพระธิดาของพระองค์นามว่าลัมเปเกีย กับอุษมาน อิบน์ นาอิสซา ขุนนางกบฏชาวเบอร์เบอร์ผู้เป็นรองผู้ว่าการในดินแดนที่จะกลายเป็นกาตาลุญญาในภายหลัง ซึ่งชาวแฟรงก์เรียกเขาว่า "มูนูซา"
4. กิจกรรมทางการทหารที่สำคัญ
ชีวิตของดยุกอูโดเต็มไปด้วยการสู้รบครั้งสำคัญ ซึ่งไม่เพียงแต่กำหนดชะตากรรมของอากีแตนเท่านั้น แต่ยังมีอิทธิพลต่อประวัติศาสตร์ของยุโรปตะวันตกด้วย
4.1. สมรภูมิตูลูซ (ค.ศ. 721)
ในวันที่ 9 มิถุนายน ค.ศ. 721 ดยุกอูโดได้นำทัพเข้าต่อสู้กับกองทัพของราชวงศ์อุมัยยะฮ์ที่นำโดยอัล-ซัมห์ อิบน์ มาลิก อัล-คาวลานี ในสมรภูมิตูลูซ ซึ่งเป็นการรบครั้งสำคัญและเป็นชัยชนะที่เด็ดขาดของอูโดเหนือทัพมุสลิม การรบครั้งนี้ถือเป็นความพ่ายแพ้ครั้งแรกที่สำคัญของกองทัพมุสลิมในปฏิบัติการทางทหารเพื่อขยายอิทธิพลไปทางเหนือ และคร่าชีวิตทหารอุมัยยะฮ์ไปหลายพันนาย ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้ทำให้อูโดได้รับสมญานามว่า "มหาราช" และได้รับการยกย่องอย่างสูงจากสมเด็จพระสันตะปาปาเกรกอรีที่ 2 ซึ่งทรงส่งของขวัญมาแสดงความยินดีและประกาศให้อูโดเป็นผู้พิทักษ์ศาสนาคริสต์โรมัน ซึ่งเป็นการเสริมสร้างสถานะความเป็นอิสระของอากีแตนให้มั่นคงยิ่งขึ้น
4.2. สมรภูมิแม่น้ำการอนน์ (ค.ศ. 732)
ในปี ค.ศ. 731 ในขณะที่ดยุกอูโดกำลังพยายามป้องกันการรุกรานของชาร์ลส์ มาร์เทล กองทัพของราชวงศ์อุมัยยะฮ์ได้ระดมกำลังเพื่อโจมตีอุษมาน อิบน์ นาอิสซา พันธมิตรของอูโดในภูมิภาคเซร์ดัญญา (อาจเป็นกาตาลุญญา) การรุกรานครั้งนี้นำโดยอับดุล ราห์มาน อัล-กาฟิกี ซึ่งสามารถเอาชนะและสังหารอุษมานได้สำเร็จ และจับกุมตัวลัมเปเกีย ธิดาของอูโด ซึ่งถูกส่งไปเป็นเชลยในฮาเร็มที่ดามัสกัส เนื่องจากอูโดติดพันกับการต่อสู้กับชาร์ลส์ มาร์เทล จึงไม่สามารถให้ความช่วยเหลือพันธมิตรของพระองค์ได้ทันท่วงที
ในปี ค.ศ. 732 กองทัพของอับดุล ราห์มาน อัล-กาฟิกี ได้บุกเข้าปล้นสะดมวาสโคเนีย และรุกคืบเข้าสู่บอร์โด พร้อมทั้งปล้นสะดมเมือง ดยุกอูโดได้นำทัพเข้าปะทะกับพวกเขา แต่ก็พ่ายแพ้ต่อกองทัพราชวงศ์อุมัยยะฮ์ใกล้เมืองบอร์โดในสมรภูมิแม่น้ำการอนน์ ความพ่ายแพ้ครั้งนี้ทำให้สถานการณ์ของอูโดเลวร้ายลงอย่างมาก และทำให้พระองค์ต้องแสวงหาความช่วยเหลือจากศัตรูเก่า
4.3. สมรภูมิตูร์-ปัวตีเย (ค.ศ. 732)
หลังจากความพ่ายแพ้ที่แม่น้ำการอนน์ ดยุกอูโดได้รวบรวมกองกำลังที่กระจัดกระจายและรีบรุดเดินทางขึ้นเหนือเพื่อเตือนชาร์ลส์ มาร์เทล นายกพระราชวังแห่งนอยสเตรียและออสเตรียเซีย ถึงภัยคุกคามที่กำลังจะมาถึง และขอความช่วยเหลือในการต่อสู้กับการรุกคืบของชาวอาหรับ-เบอร์เบอร์ พระองค์ได้รับความช่วยเหลือดังกล่าว แลกกับการยอมรับอำนาจปกครองของแฟรงก์อย่างเป็นทางการ ดยุกอูโดซึ่งมีพระชนมายุเกือบ 80 พรรษา ได้เข้าร่วมกับกองทัพของชาร์ลส์ มาร์เทล และได้รับมอบหมายให้เป็นผู้บัญชาการปีกซ้ายของกองทัพแฟรงก์ ในขณะที่กองทัพราชวงศ์อุมัยยะฮ์และกองทัพผสมที่นำโดยชาร์ลส์ มาร์เทล ได้ระดมกำลังกันระหว่างเวียนและแม่น้ำแกล็งทางตอนเหนือของปัวตีเย เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการรบที่รู้จักกันในชื่อสมรภูมิตูร์-ปัวตีเย (ค.ศ. 732 หรืออาจเป็น ค.ศ. 733)
ในการรบครั้งนี้ ดยุกอูโดได้นำกองกำลังของพระองค์เข้าโจมตีค่ายหลักของกองทัพราชวงศ์อุมัยยะฮ์ในกอร์โดบาและจุดไฟเผา ทำให้เกิดความสับสนวุ่นวายและสร้างความเสียหายอย่างหนักแก่กองหลังของศัตรู บทบาทของพระองค์ในครั้งนี้ถือว่ามีความสำคัญอย่างยิ่งในการเอาชนะกองทัพอุมัยยะฮ์ พันธมิตรแฟรงก์-อากีแตนได้รับชัยชนะเหนือราชวงศ์อุมัยยะฮ์ในสมรภูมิตูร์-ปัวตีเยในปี ค.ศ. 732 และขับไล่พวกเขาออกจากอากีแตนได้สำเร็จ
5. ชีวิตส่วนตัวและการสืบทอดตำแหน่ง
ส่วนชีวิตส่วนตัวของดยุกอูโดนั้นไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดนัก นอกจากเรื่องการสมรสของพระธิดา และการสืบทอดตำแหน่งของพระโอรสหลังการสิ้นพระชนม์ของพระองค์
5.1. การสมรสและบุตร
ดยุกอูโดทรงมีพระธิดาองค์หนึ่งนามว่าลัมเปเกีย ซึ่งพระองค์ได้ทรงจัดการอภิเษกสมรสกับอุษมาน อิบน์ นาอิสซา ขุนนางกบฏชาวเบอร์เบอร์ ซึ่งเป็นรองผู้ว่าการในดินแดนที่จะกลายเป็นกาตาลุญญา การสมรสครั้งนี้มีนัยยะทางการเมืองที่สำคัญ โดยมีจุดประสงค์เพื่อสร้างพันธมิตรและเสริมสร้างความมั่นคงของพรมแดนอากีแตนทางใต้ อย่างไรก็ตาม ในปี ค.ศ. 731 ลัมเปเกียถูกจับกุมตัวโดยกองทัพของอับดุล ราห์มาน อัล-กาฟิกี และถูกส่งไปเป็นเชลยในฮาเร็มที่ดามัสกัส
5.2. การสืบทอดตำแหน่ง
ดยุกอูโดทรงสละราชสมบัติหรือสิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 735 และฮูนาลด์ที่ 1 พระโอรสของพระองค์ได้สืบทอดตำแหน่งดยุกแห่งอากีแตนและวาสโคเนียต่อจากพระองค์ อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ว่าพระองค์อาจสิ้นพระชนม์ในอารามที่ทรงปลีกวิเวกไปประทับ ซึ่งอาจจะช้ากว่านั้นถึงปี ค.ศ. 740
6. การประเมินและมรดก
ดยุกอูโดมหาราชทรงเป็นบุคคลที่ได้รับการยกย่องและจดจำในประวัติศาสตร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะผู้ปกป้องดินแดนและศาสนาคริสต์จากภัยคุกคามภายนอก
6.1. การประเมินหลังเสียชีวิต
หลังการสิ้นพระชนม์ ดยุกอูโดได้รับการประเมินทางประวัติศาสตร์และสังคมอย่างสูง ความนิยมของพระองค์ในอากีแตนได้รับการยืนยันจากบันทึกใน วีตา ปาร์ดุลฟี (Vita Pardulfi) ซึ่งเป็นชีวประวัติของนักบุญปาร์ดุลฟ์ พระองค์ยังคงได้รับการจดจำด้วยสมญานามว่า "มหาราช" (le Grandภาษาฝรั่งเศส) ซึ่งสะท้อนถึงความยิ่งใหญ่และคุณูปการที่พระองค์มีต่อภูมิภาคและยุคสมัยของพระองค์ พระองค์ได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้นำที่ยิ่งใหญ่และเป็นผู้ปกครองที่ได้รับการเคารพอย่างสูงในอากีแตน
6.2. อิทธิพล
ผลงานและการตัดสินใจของดยุกอูโดมีอิทธิพลอย่างมากต่อประวัติศาสตร์ของยุโรปตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบทบาทของพระองค์ในสมรภูมิตูลูซและสมรภูมิตูร์-ปัวตีเย ซึ่งมีส่วนสำคัญในการหยุดยั้งการขยายอำนาจของราชวงศ์อุมัยยะฮ์เข้าสู่ยุโรปตะวันตก นอกจากนี้ ชื่อของพระองค์ยังปรากฏในวัฒนธรรมและตำนานในภายหลัง ตัวอย่างเช่น ตัวละครกษัตริย์ยงแห่งกัสโกญ (Yon de Gascogne) ในเรื่องเล่าสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 12 เรื่อง สี่โอรสแห่งไอโมน (The Four Sons of Aymon) อาจเป็นชื่อที่เพี้ยนมาจากชื่อของดยุกอูโด ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเรื่องราวของพระองค์ยังคงอยู่ในความทรงจำของผู้คนในยุคต่อมา