1. ภาพรวม
เอ็นริเก เฟร์นันเดซ บิโอลา (Enrique Fernández Violaเอนรีเก เฟร์นันเดซ บิโอลาภาษาสเปน) หรือที่รู้จักกันในชื่อ เอ็นริเก เฟร์นันเดซ (Enrique Fernándezเอนรีเก เฟร์นันเดซภาษาสเปน) เป็นนักฟุตบอลและผู้จัดการทีมชาวอุรุกวัย เกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 1912 ที่ มอนเตวิเดโอ, อุรุกวัย และเสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1985 ที่เมืองเดียวกัน ตลอดอาชีพนักฟุตบอล เขาเคยเล่นให้กับสโมสรชื่อดังหลายแห่ง เช่น นาซิโอนัล, บาร์เซโลนา รวมถึง ทีมชาติอุรุกวัย และ ทีมชาติกาตาลุญญา ในฐานะผู้จัดการทีม เฟร์นันเดซประสบความสำเร็จอย่างสูง โดยพาทีม นาซิโอนัล คว้าแชมป์ ลีกอุรุกวัย ได้ 2 สมัย และสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการพาทีม บาร์เซโลนา และ เรอัล มาดริด คว้าแชมป์ ลา ลีกา ได้ทั้งสองทีม ทำให้เขากลายเป็นผู้จัดการทีมเพียงคนเดียวที่ทำได้เช่นนี้ โดยมี ราโดมีร์ อันทิช เป็นอีกคนหนึ่งที่เคยคุมทีมทั้งสองสโมสร แต่ไม่ได้คว้าแชมป์ลีกกับทั้งคู่
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลัง
q=Montevideo, Uruguay|position=right
เอ็นริเก เฟร์นันเดซ บิโอลา เกิดเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน ค.ศ. 1912 ที่เมือง มอนเตวิเดโอ ประเทศ อุรุกวัย ข้อมูลเกี่ยวกับวัยเด็กและความสัมพันธ์ในครอบครัวของเขามีจำกัด แต่เป็นที่ทราบกันว่าเขาเติบโตขึ้นใน อุรุกวัย ก่อนจะเริ่มต้นเส้นทางอาชีพในวงการฟุตบอล
3. อาชีพนักฟุตบอล
เอ็นริเก เฟร์นันเดซ มีอาชีพนักฟุตบอลที่โดดเด่นทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ เขาสร้างผลงานและความสำเร็จที่สำคัญหลายประการตลอดเส้นทางอาชีพของเขา
3.1. อาชีพสโมสร
เฟร์นันเดซเริ่มต้นอาชีพนักฟุตบอลกับสโมสร นาซิโอนัล ในประเทศ อุรุกวัย โดยมีส่วนสำคัญช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ ปริเมราดิบิซิออน ได้ 2 สมัยติดต่อกันในปี ค.ศ. 1933 และ ค.ศ. 1934
ต่อมา เฟร์นันเดซได้ย้ายไปร่วมทีม บาร์เซโลนา ใน ลา ลีกา ประเทศ สเปน ภายใต้การคุมทีมของโค้ช ฟรันทซ์ ปลัตโค และ แพตทริก โอคอนเนลล์ เขาช่วยให้บาร์เซโลนาคว้าแชมป์ กัมเปียวนัตเดกาตาลุญญา (Campionat de Catalunya) ได้ 2 สมัย คือในฤดูกาล 1934-35 และ 1935-36 นอกจากนี้ เขายังพาทีมเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศ โกปาเดเอสปัญญา ในปี ค.ศ. 1936 ซึ่งทีมทำได้เพียงรองชนะเลิศ
เฟร์นันเดซลงประเดิมสนามใน ลา ลีกา ให้กับบาร์เซโลนาพร้อมกับเพื่อนร่วมทีม โดเมเนก บัลมาญา เมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน ค.ศ. 1935 ในเกมที่พ่ายแพ้ให้กับ เอร์เรเซเด เอสปัญญอล ด้วยสกอร์ 0-1 เขาลงเล่น 17 นัดใน ลา ลีกา ให้กับบาร์เซโลนา และยิงไป 8 ประตู โดยหนึ่งในผลงานที่โดดเด่นคือการทำแฮตทริกในเกมที่บาร์เซโลนาชนะ กาโอซาซูนา 5-0 เมื่อวันที่ 29 มีนาคม ค.ศ. 1936 และยิงอีก 2 ประตูใส่ อัตเลติก บิลบาโอ เมื่อวันที่ 4 เมษายน ค.ศ. 1936 เกมสุดท้ายของเขาใน ลา ลีกา คือการเสมอกับ เอร์กูเลส ซีเอฟ 2-2 เมื่อวันที่ 19 เมษายน ค.ศ. 1936 อาชีพค้าแข้งของเขาที่บาร์เซโลนาต้องยุติลงเนื่องจาก สงครามกลางเมืองสเปน โดยในขณะที่สงครามปะทุขึ้น เขาอยู่ในเมือง มอนเตวิเดโอ และสโมสรแนะนำให้เขาอยู่ที่นั่นต่อไปเพื่อความปลอดภัย
นอกจากสโมสรข้างต้นแล้ว เฟร์นันเดซยังเคยเล่นให้กับสโมสร ตายาเรส (เรเมดิโอส เด เอสกาลาดา) และ อินเดเปนดิเอนเต ด้วย
3.2. อาชีพระดับทีมชาติ
ในระดับทีมชาติ เฟร์นันเดซเป็นส่วนหนึ่งของ ทีมชาติอุรุกวัย ชุดที่คว้าแชมป์ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอเมริกาใต้ ในปี ค.ศ. 1935 โดยมี เอกตอร์ กัสโตร เป็นหนึ่งในเพื่อนร่วมทีมคนสำคัญทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ
ขณะที่ค้าแข้งอยู่กับ บาร์เซโลนา เฟร์นันเดซยังได้ลงเล่น 3 นัดให้กับ ทีมชาติกาตาลุญญา โดยหนึ่งในนั้นคือเกมเกียรติยศสำหรับ ฌูแซป ซามิติเอร์ แข่งขันกับ เอสเค ซิเดนีเซ (SK Sidenice) จาก เชโกสโลวาเกีย ที่สนาม เลส กอร์ตส์ เมื่อวันที่ 19 มกราคม ค.ศ. 1936 ในวันนั้น เพื่อนร่วมทีมชาติกาตาลุญญาของเขายังรวมถึง ซากิบาร์บา และ บัลมาญา
4. อาชีพผู้จัดการทีม
หลังจากต้องยุติอาชีพนักฟุตบอลเนื่องจากอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าอย่างรุนแรง เอ็นริเก เฟร์นันเดซก็หันมาทำอาชีพผู้จัดการทีม และประสบความสำเร็จอย่างสูงในบทบาทนี้ โดยเฉพาะการพาทีมคว้าแชมป์ลีกในประเทศต่างๆ ทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ
4.1. การคุมทีมสโมสร
ในปี ค.ศ. 1946 เฟร์นันเดซเริ่มต้นอาชีพผู้จัดการทีมอย่างเป็นทางการกับสโมสรเก่าของเขา นาซิโอนัล และพาทีมคว้าแชมป์ ลีกอุรุกวัย ได้สำเร็จ
ในปี ค.ศ. 1947 เขากลับมายัง ลา ลีกา เพื่อรับตำแหน่งผู้จัดการทีม ซีเอฟ บาร์เซโลนา (ชื่อเดิมของเอฟซี บาร์เซโลนาในขณะนั้น) ด้วยทีมที่มีผู้เล่นอย่าง เบลัสโก, รามาเยตส์ และ บาโซรา เขานำสโมสรคว้าแชมป์ ลา ลีกา ได้ถึง 2 สมัยติดต่อกันในฤดูกาล 1947-48 และ 1948-49 นอกจากนี้ ในฤดูกาลที่สามของการคุมทีม สโมสรยังสามารถคว้าแชมป์ระดับนานาชาติที่สำคัญครั้งแรกของประวัติศาสตร์สโมสร นั่นคือ ลาตินคัพ ในปี ค.ศ. 1949 ถึงแม้จะประสบความสำเร็จในถ้วยยุโรป แต่ทีมกลับจบในอันดับที่ 5 ของ ลา ลีกา ทำให้เขาถูกแทนที่ด้วย เฟร์ดินันด์ ดอยชิก ในฤดูกาลถัดมา
หลังจากนั้น เฟร์นันเดซกลับไปคุมทีม นาซิโอนัล อีกครั้ง และพาทีมคว้าแชมป์ ลีกอุรุกวัย ได้เป็นสมัยที่สองในฐานะผู้จัดการทีมในปี ค.ศ. 1950
ในฤดูกาล 1953-54 เขาได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดการทีม เรอัล มาดริด ด้วยทีมที่มีผู้เล่นระดับตำนานอย่าง อัลเฟรโด ดิ เอสเตฟาโน, ฟรันซิสโก เฆนโต, มิเกล มูญอซ, ลุยส์ โมโลนี และ เอกตอร์ เรียล เขานำสโมสรคว้าแชมป์ ลา ลีกา ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี ค.ศ. 1933 เขาคุมทีมเรอัล มาดริดเพียง 10 นัดในช่วงเริ่มต้นฤดูกาล 1954-55 ก่อนที่จะถูกแทนที่โดย โฆเซ บิยาโลนกา
นอกจากนี้ เฟร์นันเดซยังเคยเป็นผู้จัดการทีมของ ริเบร์เปลต ในปี ค.ศ. 1963, สปอร์ติง ซีพี ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1957 ถึง ค.ศ. 1959, เรอัล เบติส เป็นเวลา 10 นัดในฤดูกาล 1959-60, โคโล-โคโล ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1955 ถึง ค.ศ. 1956 ซึ่งเขาพาทีมคว้าแชมป์ ปริเมราดิบิซิออน ชิลี ได้ในปี ค.ศ. 1956 และ ปาเลสติโน ในปี ค.ศ. 1965
4.2. การคุมทีมระดับชาติ
ในเดือนกรกฎาคม ค.ศ. 1961 เฟร์นันเดซได้ทำหน้าที่เป็นผู้จัดการทีม ทีมชาติอุรุกวัย ในการแข่งขัน รอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 1962 สองนัดกับ ทีมชาติโบลิเวีย นอกจากนี้ เขายังเคยเป็นผู้จัดการทีมชาติอุรุกวัยในช่วงปี ค.ศ. 1967 ถึง ค.ศ. 1969 อีกด้วย
5. เกียรติประวัติ
เอ็นริเก เฟร์นันเดซ ได้รับเกียรติประวัติและรางวัลสำคัญมากมายตลอดอาชีพของเขาทั้งในฐานะนักฟุตบอลและผู้จัดการทีม
บทบาท | สโมสร/ทีมชาติ | รายการ | ปีที่ได้แชมป์ |
---|---|---|---|
นักฟุตบอล | นาซิโอนัล | ปริเมราดิบิซิออน | ค.ศ. 1933, ค.ศ. 1934 |
อุรุกวัย | ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติอเมริกาใต้ | ค.ศ. 1935 | |
บาร์เซโลนา | โกปาเดเอสปัญญา | รองชนะเลิศ ค.ศ. 1936 | |
กัมเปียวนัตเดกาตาลุญญา | ค.ศ. 1934-35, ค.ศ. 1935-36 | ||
ผู้จัดการทีม | นาซิโอนัล | ปริเมราดิบิซิออน | ค.ศ. 1946, ค.ศ. 1950 |
บาร์เซโลนา | ลา ลีกา | ค.ศ. 1947-48, ค.ศ. 1948-49 | |
ลาตินคัพ | ค.ศ. 1949 | ||
เรอัล มาดริด | ลา ลีกา | ค.ศ. 1953-54 | |
โคโล-โคโล | ปริเมราดิบิซิออน | ค.ศ. 1956 |
6. การเสียชีวิต
เอ็นริเก เฟร์นันเดซ เสียชีวิตเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ค.ศ. 1985 ที่เมือง มอนเตวิเดโอ ประเทศ อุรุกวัย ด้วยวัย 73 ปี
7. มรดกและผลกระทบ
เอ็นริเก เฟร์นันเดซ ถือเป็นบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ฟุตบอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฐานะผู้จัดการทีม เขามีความโดดเด่นในฐานะหนึ่งในสองผู้จัดการทีมเท่านั้นที่เคยคุมทีมยักษ์ใหญ่ของสเปนอย่าง สโมสรฟุตบอลบาร์เซโลนา และ เรอัล มาดริด ซึ่งอีกคนคือ ราโดมีร์ อันทิช อย่างไรก็ตาม เฟร์นันเดซเป็นผู้จัดการทีมเพียงคนเดียวที่สามารถพาทีมทั้งสองสโมสรนี้คว้าแชมป์ ลา ลีกา ได้สำเร็จ ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่โดดเด่นและเป็นเครื่องยืนยันถึงความสามารถอันยอดเยี่ยมของเขาในการบริหารจัดการทีมฟุตบอลในระดับสูงสุดและในบริบทของคู่แข่งที่สำคัญที่สุดในฟุตบอลสเปน มรดกของเขายังคงได้รับการจดจำในฐานะผู้จัดการทีมที่ประสบความสำเร็จในการนำพาหลายสโมสรคว้าแชมป์ลีกในประเทศต่างๆ รวมถึงการมีส่วนร่วมกับความสำเร็จของทีมชาติอุรุกวัย