1. ภาพรวม
เอดูอาร์ดู อังตูนิส โคอิมบรา (Eduardo Antunes CoimbraPortuguese) หรือรู้จักกันในชื่อ เอดู (EduPortuguese) เกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1947 เป็นอดีตนักฟุตบอลชาวบราซิลที่เล่นในตำแหน่งกองกลางตัวรุก และต่อมาได้ผันตัวมาเป็นผู้จัดการทีมฟุตบอล เขาเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในนักเตะที่มีทักษะการเลี้ยงลูกที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุค 1970 และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ อเมริกา ฟุตบอลคลับ ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาสร้างชื่อเสียงไว้อย่างมาก นอกจากนี้ เขายังเป็นพี่ชายของ ซีโก้ นักฟุตบอลระดับตำนานของบราซิล ในฐานะผู้จัดการทีม เอดูประสบความสำเร็จในการพาทีมชาติอิรักผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 1986เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ และยังเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการค้นพบและพัฒนาพรสวรรค์ของนักฟุตบอลอายุน้อยหลายคน เช่น จอร์จินโญ่
2. ชีวิตช่วงต้นและภูมิหลังการเป็นนักฟุตบอล
เอดูอาร์ดู อังตูนิส โคอิมบรา มีพื้นเพมาจากครอบครัวชนชั้นกลางระดับล่างในย่านควินตีโน่ รีโอเดจาเนโร ประเทศบราซิล
2.1. ครอบครัวและวัยเด็ก
เขาเกิดเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1947 บิดาของเขาเคยเป็นผู้รักษาประตู เอดูมีพี่น้องทั้งหมด 6 คน โดยทุกคนยกเว้นพี่สาวคนโตล้วนเป็นนักฟุตบอลอาชีพ น้องชายคนสุดท้องของเขาคือ ซีโก้ ซึ่งต่อมากลายเป็นนักฟุตบอลระดับตำนานของบราซิล ครอบครัวโคอิมบราจึงเป็นที่รู้จักกันดีในวงการฟุตบอลบราซิลด้วยพรสวรรค์ที่ส่งต่อกันมา
2.2. อาชีพสโมสรช่วงต้น
เอดูเริ่มต้นเส้นทางอาชีพนักฟุตบอลจากศูนย์ฝึกเยาวชนของ อเมริกา ฟุตบอลคลับ ซึ่งเป็นสโมสรที่เขาจะสร้างประวัติศาสตร์และชื่อเสียงไว้ในภายหลัง
3. อาชีพนักฟุตบอล
ในฐานะนักฟุตบอล เอดูได้สร้างผลงานที่โดดเด่นทั้งในระดับสโมสรและทีมชาติ รวมถึงการได้รับการยอมรับในทักษะส่วนตัวและรางวัลสำคัญ
3.1. จุดเด่นในอาชีพสโมสร
เอดูเล่นฟุตบอลอาชีพให้กับ อเมริกา ฟุตบอลคลับ เป็นเวลา 8 ปี ตั้งแต่ปี 1966 ถึง 1974 เขากลายเป็นตำนานของสโมสรแห่งนี้ โดยเป็นผู้ทำประตูสูงสุดอันดับสองตลอดกาลด้วยสถิติ 212 ประตู นอกจากนี้ ข้อมูลบางแหล่งระบุว่าเขายิงได้ถึง 267 ประตูจากการลงสนาม 395 นัดให้กับอเมริกา ฟุตบอลคลับ
หลังจากนั้นในปี 1975 เอดูได้ย้ายไปเล่นให้กับสโมสรชั้นนำอื่นๆ เช่น วาสโก ดา กามา และ บาเอีย และระหว่างปี 1975-1976 เขาได้เล่นให้กับ ฟลาเมงโก โดยได้ลงสนามร่วมกับ ซีโก้ ผู้เป็นน้องชายในปี 1976 ในช่วงเวลาสั้นๆ ต่อมา เอดูได้เล่นให้กับสโมสรโคโลราโด อีซี (1976-1977), จอยน์วิลล์ (1978), บราซีเลีย (1979) และ คัมโป กรันเด (1980-1981) ก่อนที่จะแขวนสตั๊ดในฐานะนักฟุตบอลในปี 1981
3.2. อาชีพในทีมชาติ
เอดูเริ่มต้นอาชีพใน ทีมชาติบราซิลในปี 1967 และลงสนามในการแข่งขันระดับนานาชาติ (International A-match) ไป 2 นัด เขาได้รับการคัดเลือกติดทีมชาติบราซิลตั้งแต่ปี 1967 ถึง 1974 แม้จะมีฝีเท้าที่โดดเด่น แต่เขาก็พลาดโอกาสสำคัญในการเข้าร่วม ฟุตบอลโลก 1970 เนื่องจากในช่วงนั้นทีมชาติบราซิลมีผู้เล่นระดับโลกอย่าง เปเล่ และ โรแบร์โต ริเวลลิโน่ และใน ฟุตบอลโลก 1974 เขาก็ต้องพลาดไปอย่างน่าเสียดายเนื่องจากอาการบาดเจ็บก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น
3.3. รูปแบบการเล่นและผลงาน
เอดูเล่นในตำแหน่ง กองกลางตัวรุก และบางครั้งก็เป็น กองหน้า เขามีชื่อเสียงในฐานะหนึ่งในนักเตะที่มีทักษะการ เลี้ยงลูก ที่ยอดเยี่ยมที่สุดคนหนึ่งในทศวรรษ 1970 ด้วยความสามารถในการทำประตูที่สูง ในปี 1969 เขาได้รับรางวัลผู้ทำประตูสูงสุดในรายการ Torneio Roberto Gomes Pedrosa และในปีเดียวกันนั้นเอง เขายังได้รับรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งอเมริกาใต้ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันถึงความสามารถที่โดดเด่นของเขาในฐานะผู้เล่น
4. อาชีพผู้จัดการทีม
หลังจากแขวนสตั๊ด เอดูได้เปลี่ยนบทบาทมาเป็นผู้จัดการทีมและโค้ช และมีส่วนสำคัญในการพัฒนาวงการฟุตบอลอย่างต่อเนื่อง
4.1. การเปลี่ยนผ่านสู่อาชีพผู้จัดการทีม
หลังจากการเลิกเล่นในฐานะนักฟุตบอลในปี 1981 เอดูได้เริ่มต้นอาชีพใหม่ในวงการฟุตบอลทันทีในฐานะผู้จัดการทีม โดยบทบาทแรกๆ ของเขาคือการเป็นผู้จัดการทีมของอดีตสโมสรที่เขาสร้างชื่อเสียงอย่าง อเมริกา ฟุตบอลคลับ
4.2. บทบาทผู้จัดการทีมสโมสร
ในฐานะผู้จัดการทีม เอดูเคยคุมสโมสรในบราซิลหลายแห่ง รวมถึง อเมริกา ฟุตบอลคลับ (1982 และ 1992) ซึ่งเขาพาทีมคว้าแชมป์ Taça Rio และ Torneio dos Campeões ได้ในปี 1982 นอกจากนี้ เขายังเคยคุมทีม วาสโก ดา กามา (1984-1985), จอยน์วิลล์ (1987), คริซิอูม่า (1987), บาร์เซโลนา เอสซี ของเอกวาดอร์ (1988), โครีตีบา (1989) ซึ่งเขาพาทีมคว้าแชมป์ Campeonato Paranaense ในปี 1989 โดยมี คาซูโยชิ มิอุระ เป็นหนึ่งในผู้เล่นคนสำคัญของทีม นอกจากนี้ เขายังเคยคุมทีม โบตาโฟโก (1990) ซึ่งพาทีมคว้าแชมป์ Campeonato Carioca ในปีเดียวกัน และสโมสรต่างประเทศอื่นๆ อย่าง ติบูโรเนส โรโฆส เด เบรากรูซ ของเม็กซิโก (1991), สปอร์ต บอยส์ ของเปรู (1992), เรโม่ (1992), และ ฟลูมิเนนเซ่ (1993) หนึ่งในบทบาทที่โดดเด่นของเขาคือการเป็นผู้จัดการทีมชาวบราซิลคนแรกของ คาชิมะ แอนต์เลอร์ส ในญี่ปุ่น (1994-1995)
4.3. บทบาทผู้จัดการทีมชาติ
เอดูยังมีส่วนร่วมในระดับทีมชาติ โดยเคยเป็นผู้จัดการทีมของ ทีมชาติบราซิล ในปี 1983-1984 นอกจากนี้ เขายังสร้างประวัติศาสตร์ด้วยการพาทีม ชาติอิรัก ผ่านเข้ารอบสุดท้าย ฟุตบอลโลก 1986 ที่เม็กซิโกได้สำเร็จ ซึ่งนับเป็นการเข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของอิรัก
4.4. บทบาทผู้ช่วยและที่ปรึกษาด้านเทคนิค
เอดูมีประสบการณ์ในฐานะผู้ช่วยโค้ชและที่ปรึกษาด้านเทคนิคในสโมสรและทีมชาติหลายแห่ง โดยมักทำงานร่วมกับ ซีโก้ น้องชายของเขา ในปี 2003-2006 เอดูทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาด้านเทคนิคให้กับ ทีมชาติญี่ปุ่น ในช่วงที่ซีโก้เป็นผู้จัดการทีม ต่อมาในปี 2006-2007 เขากลายเป็นผู้ช่วยโค้ชของ เฟเนร์บาห์เช่ ในตุรกี ซึ่งในช่วงเวลานั้นทีมคว้าแชมป์ ซือเปอร์ลีกได้ในปี 2007 เขาเดินทางไปตุรกีพร้อมกับทีมงานบราซิลของซีโก้ ซึ่งรวมถึงบิดาของ โรแบร์โต คาร์ลอส อย่าง ออสการ์ ซิลวา และ มอราชี ซานตานนา ผู้ซึ่งเคยเป็นโค้ชฟุตบอลโลกของบราซิลถึงสามครั้ง นอกจากนี้ เขายังเคยเป็นผู้ช่วยโค้ชของ ซีเอสเคเอ มอสโก ในรัสเซียในปี 2009 และ โอลิมเปียกอส ในกรีซในปี 2009-2010 และยังกลับไปเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมให้กับ ทีมชาติอิรัก อีกครั้งในปี 2011-2012
4.5. ปรัชญาการฝึกสอนและการค้นพบพรสวรรค์
เอดูมีชื่อเสียงในด้านความสามารถที่โดดเด่นในการค้นหาและพัฒนาพรสวรรค์ของนักฟุตบอลอายุน้อย ซึ่งเห็นได้จากการที่เขามีบทบาทสำคัญในการเห็นแววความสามารถของ จอร์จินโญ่ ซึ่งภายหลังกลายเป็นหนึ่งใน แบ็กขวา ที่ดีที่สุดในโลก โดยเอดูได้ชักชวนให้จอร์จินโญ่เข้าร่วมทีมชุดใหญ่และช่วยให้เขาระเบิดฟอร์มเก่งออกมา นอกจากนี้ เขายังมีส่วนร่วมในการพัฒนาเยาวชนผ่านการเป็นผู้อำนวยการและโค้ชให้กับสถาบันสอนฟุตบอลต่าง ๆ เช่น โรงเรียนฟุตบอลคาชิมะ แอนต์เลอร์ส (1996-1997), โรงเรียนสอนฟุตบอล JSCC ซากามิฮาระ (1998-1999) และ CFE มิเอะ (2000-2002) เขายังเคยร่วมงานกับผู้เล่นที่มีชื่อเสียงอย่าง คาซูโยชิ มิอุระ ในช่วงเวลาที่คุมทีมโครีตีบา เอดูยังได้รับการกล่าวขานว่าเป็นผู้คิดค้น "ซอคเกอร์ แดนซ์" (Soccer Dance) ซึ่งเป็นวิธีการฝึกซ้อมพื้นฐานที่ใช้การเต้นรำเพื่อพัฒนาความยืดหยุ่น, ความรู้สึกทางจังหวะ, การสัมผัสบอล และทักษะการเคลื่อนไหวเท้า ซึ่งมีส่วนช่วยในการฝึกนักฟุตบอลเยาวชน
5. เกียรติประวัติ
เอดู อังตูนิส โคอิมบรา ได้รับเกียรติประวัติมากมายตลอดอาชีพทั้งในฐานะนักฟุตบอลและผู้จัดการทีม
5.1. เกียรติประวัติผู้เล่น
- โกปา ริโอ บรังโก (กับ ทีมชาติบราซิล): 1967
- ตาชา กัวนาบาร่า (กับ อเมริกา ฟุตบอลคลับ): 1974
- กังเปโอนาโต บาเอียโน (กับ บาเอีย): 1975
- ผู้ทำประตูสูงสุด Torneio Roberto Gomes Pedrosa (รางวัลส่วนตัว): 1969
- นักเตะยอดเยี่ยมแห่งอเมริกาใต้ (รางวัลส่วนตัว): 1969
5.2. เกียรติประวัติผู้จัดการทีม
- ตาชา ริโอ (กับ อเมริกา ฟุตบอลคลับ): 1982
- ทอร์เนโอ ดอส คัมปิอองส์ (กับ อเมริกา ฟุตบอลคลับ): 1982
- กังเปโอนาโต ปารานาเอนเซ่ (กับ โครีตีบา): 1989
- กังเปโอนาโต คาริโอกา (กับ โบตาโฟโก): 1990
- ซือเปอร์ลีก (ในฐานะผู้ช่วยโค้ชกับ เฟเนร์บาห์เช่): 2007
6. มรดกและการประเมิน
ตลอดชีวิตในวงการฟุตบอล เอดูได้ทิ้งมรดกสำคัญไว้ทั้งในฐานะผู้เล่นและผู้จัดการทีม
6.1. อิทธิพลต่อสโมสรและผู้เล่น
เอดูได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ของ อเมริกา ฟุตบอลคลับ ซึ่งเขาสร้างสถิติการทำประตูที่น่าประทับใจและเป็นตำนานของสโมสร อิทธิพลของเขาขยายไปถึงการพัฒนาผู้เล่นรุ่นใหม่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการค้นพบพรสวรรค์ของ จอร์จินโญ่ ซึ่งช่วยให้จอร์จินโญ่พัฒนาไปเป็นผู้เล่นระดับโลกได้สำเร็จ นอกจากนี้ เขายังเคยร่วมงานกับผู้เล่นที่มีชื่อเสียงอย่าง คาซูโยชิ มิอุระ ในช่วงเวลาที่คุมทีมโครีตีบา การมีส่วนร่วมของเขาทั้งในฐานะผู้เล่นและผู้จัดการทีมได้ทิ้งร่องรอยสำคัญไว้ในทีมที่เขาร่วมงานด้วย
6.2. ผลกระทบโดยรวมต่อวงการฟุตบอล
ตลอดอาชีพที่ยาวนานและหลากหลายทั้งในฐานะนักฟุตบอลและผู้จัดการทีม เอดูได้สร้างผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อวงการฟุตบอลทั้งในบราซิลและในระดับนานาชาติ ความสามารถในการอ่านเกม, ทักษะการเลี้ยงลูก, และการทำประตูของเขาในฐานะผู้เล่นได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นหลัง ในขณะที่บทบาทผู้จัดการทีม เขาได้แสดงให้เห็นถึงวิสัยทัศน์และความสามารถในการนำทีมไปสู่ความสำเร็จ รวมถึงการนำ อิรัก ไปสู่ฟุตบอลโลกเป็นครั้งแรก ซึ่งเป็นผลงานที่โดดเด่น นอกจากนี้ ปรัชญาการฝึกสอนของเขาที่เน้นการพัฒนาผู้เล่นอายุน้อยและวิธีการฝึกซ้อมที่เป็นเอกลักษณ์อย่าง "ซอคเกอร์ แดนซ์" ก็สะท้อนถึงการมีส่วนร่วมของเขาในการพัฒนาเทคนิคและแทคติกในวงการฟุตบอลโดยรวม